การสื่อสารทางจิต
ฉิงเฟิงแข็งค้างไปชั่วครู่เขาประหลาดมากที่จู่ๆจักรพรรดิราตรีก็ส่งเสียงทางจิตมาถึงเขา
เขารู้ดีว่าจักรพรรดิราตรีจะสื่อสารทางจิตกับเขาเพียงเฉพาะเรื่องสำคัญๆเท่านั้นซึ่งจากข้อความที่จักรพรรดิราตรีส่งออกมา เขาบอกว่ากระบี่เพลิงคะนองสามารถกลายเป็นอุปกรณ์จิตวิญญาณและเพิ่มพลังการต่อสู้ของเขาได้
อาวุโสท่านบอกว่ากระบี่เพลิงคะนองจะกลายเป็นอาวุธจิตวิญญาณเมื่อทลายผนึกแรกใช่ไหม ฉิงเฟิงสื่อสารทางจิตกับจักพรรดิราตรีผ่านพลังลมปราณ
การสื่อสารผ่านพลังลมปราณนั้นแตกต่างจากการสื่อสารด้วยภาษาเพราะการสื่อสารประเภทหลังนั้นทั้งสองฝ่ายจะพูดคุยกันโดยใช้เสียง แต่การสื่อสารผ่านพลังลมปราณจะใช้วิธีส่งความคิดที่เกิดขึ้นในใจของผู้ใช้ในฐานะคลื่นพลังทางจิตเข้าไปในสมองของอีกฝ่าย
แน่นอนว่าการสื่อสารทางจิตเป็นไปได้เฉพาะในหมู่ยอดฝีมือที่แข็งแกร่งเช่นฉิงเฟิงและจักรพรรดิราตรีคนธรรมดาไม่สามารถทำได้
ยกตัวอย่างหลินเสวี่ยฉิงเฟิงสามารถสื่อสารกับเธอผ่านการพูดคุยแทนที่จะใช้วิธีสื่อสารทางจิต
ถูกต้องด้วยผนึกนี้จึงทำให้กระบี่เพลิงคะนองยังเป็นเพียงแค่อาวุธระดับแกรนด์มาสเตอร์ชั้นสูงเท่านั้น ยามที่ผนึกแรกถูกทลาย มันจะกลายเป็นอาวุธจิตวิญญาณด้วยพลังที่เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ! เฮอะ อาวุธขี้เท่อของตาแก่พวกนั้นเพียงเจ้าสะบัดกระบี่เบาๆก็แหลกเป็นผุยผงแล้ว ร่องรอยของความยโสเย่อหยิ่งปรากฏขึ้นในน้ำเสียงของจักรพรรดิราตรี ต่อหน้าอาวุธจิตวิญญาณอาวุธระดับแกรนด์มาสเตอร์ทุกขั้นล้วนไร้ค่า ทันทีที่กระทบกัน มันจะแหลกเป็นเสี่ยงๆ
เมื่อได้ยินคำพูดของจักรพรรดิราตรีร่องรอยแห่งความตื่นเต้นก็พุ่งผ่านสายตาของฉิงเฟิง เขาค่อนข้างคุ้นเคยกับพลังของอาวุธวิญญาณ เขามั่นใจว่าทันทีที่เขาทลายผนึกได้เขาต้องสังหารแกรนด์มาสเตอร์ทั้งสามคนนี้ได้อย่างแน่นอน
ผู้อาวุโสแล้วผมจะทลายผนึกได้อย่างไร
ข้าจะสอนท่วงทำนองแห่งพลังวิญญาณให้
‘
เส้นทางโลกนั้นบอบช้ำมากเกินไปและมีพลังงานไม่พอที่จะซ่อมแซมพลังวิญญาณเป็นหนึ่งในกึ่งก้านสาขาของแก่นพลังงานดั้งเดิม จิตวิญญาณนั้นมาจากหัวใจและถูกปกปิดไว้ในกระบี่ ;
หนึ่งความคิดในพริบตา
’
ผมเข้าใจแล้วผู้อาวุโสผมจะทลายผนึกตามที่ท่านสอน ฉิงเฟิงยิ้มเล็กน้อย น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเบิกบาน
เขาแกล้งทำเป็นรับการโจมตีไม่ไหวและค่อยๆล่าถอยในขณะเดียวกันเขาก็สวดท่วงทำนองแห่งพลังวิญญาณออกมาอย่างเงียบๆ และเริ่มทำลายผนึกของกระบี่เพลิงคะนองอย่างช้าๆ
การที่ได้เห็นฉิงเฟิงถอยหนีอย่างต่อเนื่องก็ทำให้แกรนด์มาสเตอร์ทั้งสามเกิดความยินดีเป็นอย่างยิ่งพวกเขาคิดว่าฉิงเฟิงใกล้จะพ่ายแพ้ในไม่ช้าเนื่องจากความอ่อนล้าจากการสูญเสียลมปราณมหาศาล
พวกเขาแลกเปลี่ยนตาสายกันอย่างรวดเร็วและโจมตีดุดันมากยิ่งขึ้นมุ่งมั่นที่จะฆ่าปีศาจในนามหลี่ฉิงเฟิงให้จงได้ หลี่ฉิงเฟิงใกล้จะแพ้เต็มทีแล้วดูสิเขาล่าถอยต่อเนื่องเลย
เฮ้อถึงแม้ว่าเขาจะแพ้แต่เขาก็ควรภูมิใจได้แล้วเพราะต้องใช้แกรนด์มาสเตอร์ถึงสามคนในการกลุ้มรุมเขา
ถูกต้องแล้วถึงแม้ว่าหลี่ฉิงเฟิงจะพ่ายแพ้ แต่ชื่อของเขาก็จะถูกจดจำไว้ในยุทธภพตลอดไป
ในขณะที่ฝูงชนกำลังพูดคุยกันเองพวกเขาก็มองดูฉิงเฟิงด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน
ก่อนการต่อสู้จะเริ่มขึ้นพวกเขาเยาะเย้ยถากถางฉิงเฟิงที่เห็นว่าเขาเย่อหยิ่งและมั่นใจในตัวเองมากเกิน เขามีเพียงความตายเท่านั้นที่รออยู่ แต่หลังจากเริ่มการต่อสู้ไปได้ไม่นาน พวกเขาก็พบว่าแท้จริงแล้วหลี่ฉิงเฟิงสมควรโอ้อวด เขาแข็งแกร่งมากและครอบครองพลังแห่งเขตแดนได้ถึงสองสายจนสามารถสะกดข่มทั้งซวนเทียนจือและถังเจียงเฮอเอาไว้ได้
ที่สำคัญไปกว่านั้นหลี่ฉิงเฟิงเพียงคนเดียวกลับสามารถสู้เสมอกับแกรนด์มาสเตอร์ขั้นนปลายถึงสามคน แม้ตอนนี้เขากำลังถอยร่น แต่ฝูงชนก็คิดว่าเหตุผลในการพ่ายแพ้ของเขาก็คือสูญเสียพลังลมปราณมากเกินไป
ฉิงเฟิงไม่ได้ใส่ใจกับการคาดเดาของฝูงชนเขากำลังตั้งสติและจดจ่ออยู่กับการทลายผนึกกระบี่เพลิงคะนองด้วยท่วงทำนองที่เขาเรียนรู้มาจากจักรพรรดิราตรี
ตูม
!!!
หลังจากท่วงทำนองแห่งจิตวิญญาณจบลงในที่สุดฉิงเฟิงก็ทลายผนึกแรกบนตัวกระบี่เพลิงคะนองได้สำเร็จ ด้วยแสงของอักษรสีแดงที่เป็นประกายโชติช่วงบนตัวกระบี่ กลิ่นอายที่ทรงพลังก็ถูกปลดปล่อยออกมา
ทั่วทั้งตัวกระบี่เป็นประกายแสงสีแดงที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าแสงสีแดงหมุนวนเป็นเปลวเพลิงปะทุพรึ่บๆรอบตัวกระบี่ด้วยพลังที่ไร้เทียมทานที่ปลดปล่อยออกมาและแผ่กระจายไปยังพื้นที่โดยรอบ ฟุ่บ
!
พลังของกระบี่พุ่งทะยานออกจากตัวกระบี่จนทะลุเพดานพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
กระบี่เพลิงคะนองเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงมันดูลึกลับมากขึ้น ทรงพลังมากขึ้น ออร่าของเปลวเพลิงสีแดงที่ร้อนระอุกระพริบอย่างต่อเนื่อง
ต้องรู้ว่าอาวุธทั่วไปจะไม่มีออร่ามีเพียงอาวุธวิญญาณเท่านั้นที่สามารถเปล่งออร่ากระบี่ที่คมกริบยิ่งกว่าอาวุธระดับแกรนด์มาสเตอร์ และมันก็สามารถตัดผ่านทุกสิ่งได้อย่างง่ายดาย
ในขณะนี้ออร่าของกระบี่ที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากกระบี่เพลิงคะนองพุ่งทะลุหลังคาและฉีกทะลวงท้องฟ้า
กู่เจิ้นเทียนถึงเวลาตายของแกแล้ว !
ด้วยเสียงโห่อันเกรี้ยวกราดฉิงเฟิงฟันกระบี่เพลิงคะนองออกไปทันที ออร่าของกระบี่เปิดแยกอากาศระหว่างพวกเขาทั้งสองออก
การโจมตีในครั้งนี้มาจากพลังของอาวุธวิญญาณแทนที่จะเป็นพลังของกระบี่ก่อนหน้านี้และออร่ากระบี่ที่เปล่งออกมาก็ไร้เทียมทานอย่างยิ่ง
เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่แหลมคมจากกระบี่เพลิงคะนองการแสดงออกของกู่เจิ้นเทียนก็เปลี่ยนไปอย่างรุนแรง เขารีบยกกระบี่ขึ้นเพื่อสกัดกั้น แต่มันก็สายเกินไป
เพล้ง
!!
ด้วยเสียงที่แหลมคมกระบี่ของกู่เจิ้นเทียนถูกกระแทกจนแตกเป็นสองส่วนโดยกระบี่เพลิงคะนองและตกลงที่พื้นทันที
อ๊ากก! กระบี่ของข้า ! เมื่อได้เห็นกระบี่สุดรักของเขาแหลกเป็นสองส่วนราวกับกระดาษขาด กู่เจิ้นเทียนก็รู้สึกหัวใจบีบรัด
กระบี่เล่มนี้เป็นอาวุธระดับแกรนด์มาสเตอร์ชั้นสูงที่มีชื่อเสียงมันอยู่คู่กับกู่เจิ้นเทียนมานานกว่ายี่สิบปีแล้ว และเขาก็รักมันมาก
ด้วยกระบี่เล่มนี้เขาได้เอาชนะคู่ต่อสู้ในยุทธภพมานับไม่ถ้วนและกลายเป็นหนึ่งใน81 แกรนด์มาสเตอร์ด้วยอันดับที่นับว่าสูงมาก
นอกจากนี้ด้วยกระบี่เล่มนี้ มันยังช่วยให้เขาได้ขึ้นเป็นหัวหน้าตระกูลกู่อีกด้วย
กล่าวอีกนัยหนึ่งกระบี่เล่มนี้ไม่เพียงแค่เป็นอาวุธระดับแกรนด์มาสเตอร์ที่ทรงพลัง แต่มันยังเป็นสัญลักษณ์และประจักษ์พยานถึงความรุ่งเรืองชั่วชีวิตของเขา
ตอนนี้เมื่อได้เห็นกระบี่แห่งความรุ่งโรจน์ของเขาฟันออกเป็นสองส่วนด้วยน้ำมือของฉิงเฟิงกู่เจิ้นเทียนก็โกรธแค้นเป็นอย่างมาก เขามองไปที่ฉิงเฟิงด้วยจิตสังหารทั่วดวงตา เขาอยากจะฆ่าชายหนุ่มคนนี้ในทันที
อ๊ากกกกหลี่ฉิงเฟิง !!! แกทำลายกระบี่ของข้า ข้าจะฆ่าแกให้ได้ ! กู่เจิ้นเทียนคำรามออกมาด้วยความเกลียดชัง
ก็มาซี่แต่แกไร้อาวุธแล้ว แกจะเอาอะไรมาฆ่าฉันได้ แค่รอดูว่าฉันจะบั่นคอแกยังไงก็พอ
ด้วยรอยยิ้มอันเยือกเย็นฉิงเฟิงเคลื่อนไหวราวกับสายฟ้าฟาดและปรากฏที่เบื้องหน้าของกู่เจิ้นเทียนในพริบตา
เขาเหวี่ยงกระบี่เพลิงคะนองออกมาด้วยความเร็วดั่งสายฟ้าแลบประกายกระบี่มาถึงคอของกู่เจิ้นเทียนในพริบตา
ในขณะนี้ผนึกแรกของกระบี่เพลิงคะนองถูกทำลายไปแล้ว มันกลายมาเป็นอาวุธวิญญาณที่แท้จริงด้วยพลังและความเร็วที่เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า เห็นได้ชัดว่าอาวุธวิญญาณนั้นทรงอำนาจมาก แม้แต่กู่เจิ้นเทียนก็ยังไม่ทันจะมีปฏิกิริยาตอบสนอง
ฉูด
!! กระบี่เปิดแยกช่องว่างอากาศระหว่างพวกเขาอีกครั้งและในเวลาต่อมาศีรษะของกู่เจิ้นเทียนก็ลอยขึ้นบนฟ้าตามมาด้วยโลหิตที่ฉีดพุ่งกระจาย แม้กระทั่งหลังจากความตาย ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างไปด้วยความตื่นตระหนกและความกลัว