ใบหน้าของเฮยอาวดูย่ำแย่มากด้วยสีเขียวคล้ำเมื่อถูกฮวาเซียนจือดูหมิ่นอย่างโจ่งแจ้งในที่สาธารณะเธอกล่าวว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลี่ฉิงเฟิง
ถึงกระนั้นเขาก็ไม่สามารถแสดงความโกรธเคืองออกมาได้ซึ่งหน้าเพราะเขารู้ว่าฮวาเซียนจือจากตำหนักร้อยบุปผานั้นแข็งแกร่งเพียงใด
ในเมื่อเฮยอาวไม่กล้าแสดงออกต่อหน้าฮวาเซียนจือเขาจึงเอาความโกรธกริ้วทั้งมวลไปลงที่ฉิงเฟิง น้องชาย ข้าจะสำแดงให้เจ้าได้เห็นถึงความสามารถพิเศษของข้า เคล็ดวิชาดาบอันทรงพลัง
นิกายดาบทมิฬเป็นนิกายชั้นหนึ่งวิชาดาบของพวกเขาล้มคู่ต่อสู้มามากมาย
แกรนด์มาสเตอร์ทุกคนจำเป็นที่จะต้องล้มคู่แข่งมากมายเพื่อสร้างชื่อเสียงในยุทธภพ
วิชาดาบวายุทมิฬ
!
เฮยอาวคำรามออกมาอย่างโกรธเกรี้ยวในขณะที่เหวี่ยงดาบในมือของเขาด้วยความเร็วที่รวดเร็วยิ่งมันฉีกผ่านอากาศและทำให้เกิดเสียงระเบิดขึ้น
สายลมที่รุนแรงมาพร้อมกับพายุไซโคลนสีดำถูกสร้างขึ้นพายุไซโคลนนั้นคมกริบราวกับดาบ
ในฐานะที่เป็นวิชาระดับแกรนด์มาสเตอร์ขั้นสูงมันทรงพลังมากที่คลื่นดาบสามารถสร้างพายุสีดำจนตัดผ่านร่างมนุษย์
ฉิงเฟิงกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ขณะที่เฮยอาวใช้ออกด้วยเคล็ดวิชาอันทรงพลังของเขา
ผู้คนรอบตัวรู้สึกประหลาดใจมากเมื่อพวกเขาเห็นว่าชายหนุ่มผู้นี้เย่อหยิ่งเกินกว่าที่จะยืนหยัดต่อสู้ทั้งๆที่อันตรายมาถึงตรงหน้า เช้ง!
ฉิงเฟิงพลิกข้อมือชักกระบี่เพลิงคะนองออกมาอย่างรวดเร็วและตัดผ่าไปที่ดาบของเฮยอาวด้วย
เพล้ง!
ดาบที่ดุดันของเฮยอาวเกิดเสียงปริแตกจากนั้นก็แตกเป็นสองส่วนและตกลงบนพื้นท่ามกลางสายตาที่ดูประหลาดใจของเขา
ไม่เพียงเท่านั้นกระบี่เพลิงคะนองยังคงปล่อยรังสีกระบี่ที่แหลมคมเข้าใส่เฮยอาวหลังจากทำลายดาบของเขา พลังกระบี่ตัดผ่านผิวหนังของเขาจนเลือดสาดกระเซ็นออกไป
อ๊ากกกก!
เฮยอาวพ่นเลือดที่เต็มปากออกและถอยหลังด้วยความประหลาดใจ
เพียงสะบัดกระบี่ลวกๆแค่ครั้งเดียวเฮยอาวก็พ่ายแพ้ย่อยยับเสียแล้ว
เฮยอาวพ่ายให้แก่ชายหนุ่มผู้นี้ด้วยกระบี่เดียวได้อย่างไรกันนี่! เขาเป็นถึงแกรนด์มาสเตอร์ขั้นสูงที่ติดอันดับเชียวนะ
เจ้าพูดถูกต้องห่างชั้นอะไรเช่นนี้
ชายหนุ่มที่ทรงพลังผู้นี้คือใครกัน
ผู้คนเริ่มพูดคุยกันด้วยความประหลาดใจ
ถึงแม้ว่าฉิงเฟิงกำลังโด่งดังในยุทธภพมีคนมากมายได้ยินชื่อของเขาแต่มีเพียงไม่กี่คนที่เคยเห็นหน้า
ดวงตาที่งดงามของฮวาเซียนจือเปล่งประกายไปด้วยแสงแห่งความประหลาดใจเธอไม่ได้คาดคิดว่าหลี่ฉิงเฟิงจะแข็งแกร่งขนาดนี้ เขาสามารถพิชิตเฮยอาวได้ด้วยกระบี่เดียว
กระบี่ของเจ้าเป็นอาวุธวิญญาณ เฮยอาวกล่าวด้วยความประหลาดใจ
ข้อแก้ตัวสำหรับความพ่ายแพ้ของเฮยอาวก็คือคู่ต่อสู้ครอบครองอาวุธวิญญาณนั่นเอง
เฮยอาวฉลาดพอที่จะรู้ว่าอาวุธที่สามารถตัดผ่าอาวุธระดับแกรนด์มาสเตอร์ของเขาได้นั้นย่อมมีเพียงอาวุธวิญญาณ
ทุกคนโดยรอบที่ได้ยินเช่นนั้นต่างก็จ้องมองไปที่ฉิงเฟิงตาเป็นมันด้วยความโลภ
ยอดฝีมือแทบทุกคนที่อยู่บนเรือลำนี้ต่างต้องการตามล่าอุปกรณ์จิตวิญญาณที่ปรากฏตัวขึ้นบนเกาะทมิฬตามข่าวดังนั้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่พวกเขาจะรู้สึกตื่นเต้นและความโลภพุ่งปะทุเมื่อได้เห็นอาวุธวิญญาณตรงหน้า
มีบางคนกระหายและพร้อมที่จะแย่งชิงอาวุธของฉิงเฟิงแต่ก็ไม่มีผู้ใดกล้าก้าวขาออกมาเมื่อได้เห็นถึงพลังอันแข็งแกร่งของเขา
แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่หวั่นเกรงต่อความแข็งแกร่งของฉิงเฟิงมือกระบี่ห้าคนที่นั่งโต๊ะแรกกำลังจ้องมองเขาด้วยความตื่นเต้น
ผู้นำกลุ่มมือกระบี่เป็นชายวัยกลางคนอายุประมาณสี่สิบปีเขายืนขึ้นในทันทีและเดินตรงเข้าหาฉิงเฟิง
เด็กน้อยข้าจะไว้ชีวิตเจ้าตราบเท่าที่เจ้ายอมมอบกระบี่วิญญาณเล่มนี้ให้ข้า คุณเป็นใคร ทำไมผมต้องมอบมันให้คุณ ?
เด็กน้อยเจ้าจงฟังให้ดี ข้าคืออาวุโสสามแห่งศาลากระบี่นามว่ากู่เซียว เจ้ายอมเชื่อฟังข้าเสียดีกว่า กู่เซียวกล่าวด้วยน้ำเสียงข่มขู่และใบหน้ามืดครึ้ม
อะไรนะกู่เซียว
!
ผู้คนรอบตัวพวกเขาต่างตกใจเมื่อได้ยินชื่อนี้
กู่เซียวเป็นหนึ่งในผู้ยิ่งใหญ่ของแกรนด์มาสเตอร์ทั้ง81 คนและแข็งแกร่งกว่าเฮยอาว เขาเป็นมือกระบี่ผู้เชี่ยวชาญในอันดับที่ 15 แกรนด์มาสเตอร์ เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการที่จะแย่งชิงกระบี่วิญญาณของฉิงเฟิงซึ่งๆหน้าเพราะในฐานะมือกระบี่แล้ว กระบี่ที่ทรงพลังเป็นสิ่งที่พวกเขาโปรดปราน
ถามหน่อยกู่เจิ้นเทียนเป็นอะไรกับคุณ ฉิงเฟิงรู้สึกเหมือนกับว่าพวกเขาอาจจะมีความสัมพันธ์กันเนื่องจากพวกเขาแซ่เดียวกัน
กู่เจิ้นเทียนคือพี่ชายของข้าเจ้าถามทำไม
โอ้! ช่างบังเอิญนัก ผมเพิ่งจะฆ่ากู่เจิ้นเทียนไปเมื่อไม่กี่วันเอง ในเมื่อเรามีวาสนาต่อกัน ผมก็ไม่รังเกียจหรอกนะที่จะส่งคุณไปอยู่เป็นเพื่อนพี่ชาย
สารเลวเอ้ย!! แกคือหลี่ฉิงเฟิง ข้ารู้จักแก ข้าคิดที่จะไปฆ่าแกล้างแค้นให้ท่านพี่อยู่พอดี ช่างเป็นวันที่สมบูรณ์แบบมาก ใบหน้าที่เย็นยะเยือกของกู่เซียวเปล่งประกายไปด้วยเจตนาฆ่า
กู่เซียวต้องการที่จะแก้แค้นทันทีที่เขาได้ยินถึงการตายของกู่เจิ้นเทียนแต่เขาก็ต้องล้มเลิกชั่วคราวเนื่องจากข่าวของอุปกรณ์วิญญาณที่ปรากฏขึ้นที่เกาะทมิฬ นี่คือเหตุผลที่เขาขึ้นเรือลำนี้ไปที่เกาะทมิฬแทนที่จะล้างแค้นฉิงเฟิง
แต่โชคชะตามิอาจคาดเดาใครจะไปรู้ว่ากู่เซียวจะได้มาเจอกับฉิงเฟิงบนเรือลำนี้แน่นอนเขาย่อมไม่ยอมพลาดโอกาสล้างแค้นให้พี่ชายและชิงอาวุธวิญญาณในเวลาเดียวกัน
คนทั้งคู่ต่างก็ใช้กระบี่จิตสังหารพวยพุ่งไปเต็มพื้นที่ราวกับว่าการต่อสู้จะเกิดขึ้นในเวลาใดก็ได้นับจากวินาทีนี้
ตูม
!!
จู่ๆก็เกิดเสียงดังดังออกมาจากด้านนอกของเรือและทำให้เรือสั่นอย่างรุนแรงถ้วยชามมากมายตกลงบนพื้นและแตกเป็นเสี่ยงๆขณะที่โต๊ะและเก้าอี้สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
ทุกท่านกรุณาหาที่ยึดเกาะ! ข้างนอกมีพายุ ! เจ้าหน้าที่ของเรือวิ่งเข้ามาและตะโกนแจ้งข่าวในทันที
ใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนเป็นซีดเซียวฉิงเฟิงและกู่เซียวต่างหยุดการต่อสู้ชั่วคราว
ศัตรูที่ใหญ่ที่สุดในการเดินทางทางทะเลนั้นคือพายุหากโชคร้ายเรือจะล่มและทุกคนจะต้องตาย
คนส่วนใหญ่จะตายแน่นอนถ้าพวกเขาตกลงไปลอยคอในมหาสมุทรที่ไม่มีที่สิ้นสุด
ทั้งฉิงเฟิงและกู่เซียวต่างรู้ดีว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาสู้กันเพราะทุกคนอาจจะต้องตายถ้าพลังของพวกเขาทำให้เรือพลิกคว่ำ
ขอจะให้แกรอดชีวิตไปชั่วคราวหลี่ฉิงเฟิง หลังพายุสงบแล้วข้าจะมาฆ่าแก
กู่เซียวกล่าวอย่างเย็นชาด้วยใบหน้ามืดครึ้ม
ว้อนเมื่อไหร่ก็มาตายได้ทุกเมื่อ ฉิงเฟิงยิ้มและกล่าวอย่างทรนง
ถ้าไม่มีพายุมาขัดจังหวะเขาก็คิดจะฆ่ากู่เซียวเช่นกัน
จากนั้นกู่เซียวก็จากไปพร้อมกับมือกระบี่ที่ติดตามมาพวกเขาเหลือบมองฉิงเฟิงพร้อมกับแค่นเสียงเย็นชา
พายุข้างนอกเรือนั้นรุนแรงมากจนทำให้ผู้โดยสารกระแทกเซไปมาจนเกิดเสียงดังวุ่นวายไปทั่ว
ผู้ฝึกยุทธ์หลายคนกลับไปที่ห้องส่วนตัวของพวกเขาและอยู่อย่างสงบ
อย่างไรก็ตามฮวาเซียนจือกลับเดินออกไปข้างนอกแทนที่จะอยู่ภายในห้อง
ฉิงเฟิงขมวดคิ้วและคิดในใจว่า
แม่สาวคนนี้คิดจะทำอะไรเธอออกมาข้างนอกทำไมแทนที่จะอยู่ในห้อง
เกิดตกทะเลไปใครจะหาเธอพบ
*ขอเปลี่ยนเทพธิดาบุปผาเป็นชื่อจีนนะครับฮวาเซียนจือ*