�
เอ็งเรียกใครหัวล้านวะ ไอ้ดำเอ้ย ! เจ้าโล้นแสยะยิ้มและด่าทอออกมา
นายน้อยผู้แข็งแกร่งของนิกายดาบทมิฬมีผิวค่อนข้างดำคล้ำเป็นอย่างมากเนื่องจากการฝึกฝนวิชาอย่างหนักภายใต้แสงอาทิตย์
เจ้าโล้นเกลียดการถูกเรียกว่าหัวล้านส่วนเฮยอาวเกลียดการถูกเรียกว่าดำ
ไอ้หัวล้านอายุขัยแกสิ้นสุดลงแล้ว เฮยอาวแสยะยิ้มออกมา พลังอันยิ่งใหญ่ของเขาที่ปลดปล่อยออกมาทำให้โต๊ะใกล้ๆกระเด็น
ความโกรธเกรี้ยวของผู้เชี่ยวชาญจะนำมาซึ่งแม่น้ำเลือดคำพูดนี้หมายความว่าความโกรธเกรี้ยวของผู้ฝึกยุทธ์ในขอบเขตแกรนด์มาสเตอร์นั้นไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ แต่ยามที่มันระเบิด ต้องมีคนตาย !
เจ้าโล้นคนนั้นมีปัญหาแล้วที่ไปหาเรื่องเฮยอาวเช่นนั้นเขาเป็นถึงหนึ่งใน 81 แกรนด์มาสเตอร์
เจ้าพูดถูกต้องข้าสัมผัสได้ว่าระดับการบ่มเพาะของเจ้าโล้นนั้นไม่ได้สูงนัก จึงสงสัยว่าทำไมมันถึงกล้าด่าทอเฮยอาวเช่นนี้
เจ้าโล้นคนนั้นอาจจะเป็นพวกโง่เง่าสมองทื่อมันจะพาพรรคพวกซวยไปด้วยเพราะทั้งแก๊งดูเหมือนจะไม่ได้มีพลังสูงเสียเท่าไหร่
คนส่วนใหญ่ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงต่างก็เป็นผู้ฝึกยุทธ์โบราณพวกเขาเริ่มพูดคุยกันหลังจากที่มองเจ้าโล้นด้วยการเยาะเย้ย
เฮยอาวเป็นคุณชายที่มีชื่อเสียงในยุทธภพและผู้คนต่างก็เชิดชูเขาถึงแม้ว่าเขาจะตัวดำและไม่ได้เก่งที่สุดก็ตามเขามีพลังอำนาจมากและแกรนด์มาสเตอร์ส่วนใหญ่ก็จะได้รับการเคารพบูชาเช่นนี้ไม่ว่าจะย่างกร่างไปแห่งใดก็ตาม
เจ้าโล้นรับรู้ถึงคำพูดเยาะเย้ยถากถางจากฝูงชนแต่เขาก็ไม่สนใจเขารู้ว่ามันไม่ใช่ปัญหาใหญ่เกินจะแบกรับตราบเท่าที่บอสของเขายังคุมกะลาหัวให้อยู่
บอสของเขาเป็นดั่งเทพเจ้าไร้พ่ายในสายตาเขาและจะช่วยจัดการปัญหาทุกอย่างให้พวกเขาไม่ว่ามันผู้นั้นจะเป็นถึงแกรนด์มาสเตอร์อย่างเฮยอาวก็ตาม
ตูม
!
ทันใดนั้นเองกำปั้นของเฮยอาวฉีกอากาศและทุบเข้าหาเจ้าโล้นด้วยพลังอันไร้ที่ติ
พลังที่แข็งแกร่งจากหมัดของขอบเขตแกรนด์มาสเตอร์ผลักเจ้าโล้นจนต้องถอยไปหลายก้าวทั้งๆที่หมัดยังไม่ถึงตัวเจ้าโล้นเป็นแค่ผู้ฝึกยุทธ์ในขั้นเหนือสวรรค์เท่านั้น เป็นที่แน่นอนว่าเขายังไม่ใช่คู่มือของเฮยอาว
ดวงตาของฉิงเฟิงเปล่งประกายไปด้วยร่องรอยแห่งจิตสังหารเขาเหยียดมือขวาออกไปด้วยความรวดเร็วราวกับสายฟ้า และคว้าจับกำปั้นของเฮยอาวในทันที
อะไรวะ หมอนี่คว้าหมัดของข้าได้
!
เฮยอาวรู้สึกประหลาดใจไม่น้อยที่ชายหนุ่มคนหนึ่งสามารถคว้าจับกำปั้นที่แฝงไปด้วยพลังนับหมื่นปอนด์ของเขา
เฮยอาวเพิ่มความกดดันด้วยการใส่พลังลมปราณเข้าไปเขาไม่ยอมถอย อย่างไรก็ตาม ฝ่ามือส่งเดชของฉิงเฟิงกลับสามารถผลักให้เขาถอยหลังไปได้ถึง 4-5 เมตรทีเดียว
ผู้คนต่างมองไปที่ฉิงเฟิงด้วยความประหลาดใจและสงสัยว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นใคร
ใบหน้าของเฮยอาวเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำในขณะที่ดวงตาของเขาเปล่งประกายด้วยความโกรธกริ้วมันเป็นความรู้สึกที่เสียหน้าและถูกหักหน้าอย่างสมบูรณ์ต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก
น้องชายเจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าคือใคร ทำไมถึงขัดขวางข้าเช่นนี้ ? เฮยอาวกล่าวด้วยใบหน้าที่มืดมน
ไสหัวไป ฉิงเฟิงขมวดคิ้ว
ฉิงเฟิงย่อมรู้ว่าชายผู้นี้เป็นใครแต่เขาไม่สามารถสนใจเฮยอาวแม้แต่น้อยไม่ต้องพูดถึงนิกายดาบทมิฬ เขาสนใจเพียงแค่ศาลากระบี่เท่านั้น
เฮยอาวโกรธมากต่อคำพูดของฉิงเฟิงเนื่องจากไม่เคยมีใครกล้าปฏิบัติต่อเขาเช่นนี้ในยุทธภพ
การขึ้นเสียงด่าทอของฉิงเฟิงดึงดูดความสนใจของทุกคนรวมถึงเหล่าสาวงามจากตำหนักร้อยบุปผาที่กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะสาม
ผู้หญิงทั้งห้าคนจากตำหนักร้อยบุปผาล้วนแต่เป็นสาวสวยโดยเฉพาะผู้นำของพวกเธอ เธอเป็นผู้หญิงที่ทรงเสน่ห์ที่สุด
เธอมีอายุประมาณ24 ปีและสวมผ้าคลุมหน้า หน้าอกของเธอใหญ่พอๆกับมะละกอ ผิวขาวดั่งหยกชั้นเลิศ คุณสามารถเห็นได้จากส่วนโค้งเว้าของเธอว่าเธอนั้นเป็นสาวงามไร้คู่เปรียบคนหนึ่ง
ผู้หญิงที่ซ่อนใบหน้าไว้ภายใต้ผ้าคลุมหน้าคนนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเทพธิดาบุปผา(ฮวาเซียนจือ Fairy Flower) จากตำหนักร้อยบุปผา เธอเป็นแกรนด์มาสเตอร์ชั้นสูงที่ติด 15 อันดับแรกของรายชื่อแกรนด์มาสเตอร์
เทพธิดาบุปผาเหลียวมองฉิงเฟิงด้วยความสนใจเพราะมีเพียงไม่กี่คนในยุทธภพที่กล้าหาเรื่องเฮยอาวแห่งนิกายดาบทมิฬ
เทพธิดา,ชายหนุ่มที่ด่าทอเฮยอาวผู้นั้นต้องเดือดร้อนแน่เลยค่ะ ผู้หญิงที่มีใบหน้าละเอียดอ่อนที่อยู่ข้างๆกล่าวขึ้น
เทพธิดาบุปผายิ้มและเอ่ยขึ้นว่า ยากที่จะกล่าว เพราะชายหนุ่มรูปงามผู้นั้นก็ดูไม่ธรรมดา เขาเก็บซ่อนพลังที่แท้จริงเอาไว้ พวกเรารอดูเฉยๆเถิด
ฉิงเฟิงสังเกตเห็นการจ้องมองของเทพธิดาบุปผาและสัมผัสได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งที่เธอซ่อนเร้นเอาไว้มันแข็งแกร่งมากจนทำให้เขาประหลาดใจ
สารเลว! ข้าจะทำให้แกได้เห็นว่าแกกำลังหาเรื่องกับใคร เฮยอาวแสยะยิ้มและตัดสินใจที่จะลงมือสั่งสอนฉิงเฟิง
เขตแดนดาบทมิฬ
!
เฮยอาวคำรามพร้อมกับกระแสพลังสีดำที่เปล่งออกมาจากตัวเขาครอบคลุมพื้นที่สิบตารางฟุตและเติมเต็มพื้นที่ไปด้วยคมดาบสีดำ
พลังลมปราณของเขาก่อร่างดาบสีดำออกมาและฟันเข้าใส่ฉิงเฟิง
เขตแดนแรงโน้มถ่วง
ฉิงเฟิงร่ำร้องออกมาด้วยเสียงต่ำ ทั่วทั้งพื้นที่บริเวณนั้นถูกปกคลุมไปด้วยเขตแดนแรงโน้มถ่วงของฉิงเฟิงในทันทีแรงดึงดูดบริเวณนั้นเพิ่มขึ้นถึงห้าเท่าจนทำให้ปราณดาบสีดำในเขตแดนดาบทมิฬชะงักค้างกลางอากาศและโดนถ่วงน้ำหนักจนต้องลงกับพื้นทั้งหมด
เฮยอาวหวังจะสยบฉิงเฟิงด้วยพลังเขตแดนของเขาไม่คาดคิดว่าจะไร้ประโยชน์
เขารู้สึกงงงวยมากเพราะเขาไม่สามารถเทียบกับชายหนุ่มคนนี้ได้เลยไม่ว่าจะเป็นด้านพลังหรือเขตแดน
ฉิงเฟิงเพิ่มพลังดูดแห่งเขตแดนแรงโน้มถ่วงของเขาให้มากขึ้นในทันทีและยกดาบลมปราณสีดำเหล่านั้นของเฮยอาวขึ้นสู่อากาศและเล็งกลับไปที่เจ้าตัวแทน
เฮยอาวรู้สึกหวาดกลัวมากเมื่อได้เห็นปราณดาบที่สร้างมากับมือเล็งตรงมาที่เขาเขารีบรั้งพลังเขตแดนกลับคืนอย่างรวดเร็วจนร่างกายถอยไปชนกับโต๊ะทำให้แก้วน้ำตกลงกระเด็นใส่เขา เฮยอาวมองฉิงเฟิงด้วยความขุ่นแค้น บัดซบ พลังเขตแดนของมันล้ำลึกมาก
เขาเคยคิดว่าตนเองไร้เทียมทานแต่วันนี้ได้รู้ซึ้งแล้วว่าเขานั้นเป็นกบก้นบ่อ เขาถูกชายหนุ่มคนนี้สะกดข่มอย่างสมบูรณ์
เช้ง!
ทันใดนั้นเองเขาก็ชักดาบสีดำออกมาและชี้เหยียดตรงไปที่ฉิงเฟิงพร้อมทั้งกล่าวว่า
ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของข้าก็คือการใช้ดาบมาต่อกันเถอะ
คิกคิก
!
เทพธิดาบุปผาอดทนกลั้นหัวเราะไม่ไหวอีกต่อไปหลังจากได้ยินการท้าทายของเฮยอาวเสียงหัวเราะของเธอนั้นเต็มไปด้วยเสน่ห์ มันทำให้หัวใจของผู้ฟังต้องสั่นสะเทือนและสร้างความต้องการของพวกเขาขึ้น
ร่างกายที่ดูอ่อนนุ่มของเธอเริ่มสั่นพร้อมกับเสียงหัวเราะของเธอมันดูราวกับต้นวิลโลว์ที่กำลังสั่นไหว
สิ่งสำคัญที่สุดคือผ้าคลุมหน้าที่อยู่บนใบหน้าของเทพธิดาบุปผามันให้ความรู้สึกที่ไม่ชัดเจนจนทำให้ผู้คนต้องการปลดผ้าคลุมหน้าของเธอออกและเผยให้เห็นใบหน้าแท้จริงที่มีเสน่ห์ของเธอ
เจ้าหัวเราะอะไรเทพธิดาบุปผา เฮยอาวกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดูไม่พอใจเล็กน้อย
ข้าหัวเราะให้กับความอวดดีของเจ้าเจ้าไม่ได้สำนึกตัวเลยว่ามิใช่คู่มือของชายหนุ่มผู้นี้ เธอชี้ไปที่ฉิงเฟิงด้วยนิ้วมือที่ขาวละเอียดอ่อนราวกับหยกและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย้ายวนใจ