เมื่อได้เห็นราชาอสูรฉลามคลั่งเต็มไปด้วยความเจ็บปวดฉิงเฟิงก็กลายเป็นกังวล เขารู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงจากใบหน้าของราชาอสูรฉลามคลั่งได้ราวกับว่าเขากำลังจะเปลี่ยนเป็นอีกคน
ฉลามคลั่งเกิดอะไรขึ้น
!
ฉิงเฟิงส่งเสียงทางจิตในการสื่อสารด้วยความเป็นห่วง
นะ…นายน้อย หนีไปครับ.. เจ้ามารผู้ฝึกตนในร่างของข้ากำลังจะเข้ามาควบคุมข้าในไม่ช้า
แล้วจริงๆมันเกิดอะไรขึ้น
นายน้อยเมื่อสิบห้าปีก่อนข้าได้มาถึงเกาะทมิฬโดยบังเอิญ จากเหตุการณ์นั้น มารผู้ฝึกตนได้เข้ามาในร่างกายข้า มารตนนั้นมีเพียงแค่จิตวิญญาณและมันต้องการกายหยาบของข้าแต่มันยังอ่อนแออยู่มาก แต่ถึงมันจะอ่อนแอมันก็สร้างความเจ็บปวดในสมองของข้า บางครั้งมันก็ออกมาควบคุมร่างกายของข้า ทำให้ข้าฆ่าทุกคนที่อยู่ในสายตา ฉลามคลั่งอธิบายอย่างยากลำบากด้วยใบหน้าที่เจ็บปวด
เมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสิบห้าปีที่แล้วราชาอสูรฉลามคลั่งก็รู้สึกหวาดกลัวอย่างยิ่ง เขาเทียบท่าบนเกาะทมิฬโดยไม่ได้ตั้งใจและทุกคนที่มาพร้อมกับเขาถูกฆ่าตายทั้งหมด เขาถูกเลือกจากมารผู้ฝึกตนเนื่องจากความแข็งแกร่งและพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมของเขา มารผู้ฝึกตนได้ยึดครองสมองส่วนหนึ่งของเขานับตั้งแต่นั้นมา
มารผู้ฝึกตนออกมาควบคุมร่างของราชาอสูรฉลามคลั่งและออกฆ่าผู้คนนับไม่ถ้วนที่มาบนเกาะทมิฬแห่งนี้ทำให้มันเป็นหนึ่งในสิบเกาะที่อันตรายที่สุดในมหาสมุทรแปซิฟิก
ต่อมาได้มีผู้ฝึกตนที่ผ่านมายังเกาะแห่งนี้และได้เห็นราชาอสูรฉลามคลั่งไล่ล่าสังหารผู้คนผู้ฝึกตนผู้นั้นจึงพันธนาการเขาด้วยโซ่เหล็กสลักพลังแท้ที่แข็งแกร่งและคุมขังเขาเอาไว้ใต้ภูเขา เพื่อป้องกันไม่ให้เขาออกฆ่าคนอีกและผู้ฝึกตนก็ได้วางอุปกรณ์วิญญาณระดับสวรรค์ไว้บนยอดเขาอีกด้วย
ผู้ฝึกตนคร่ากุมราชาอสูรเอาไว้และไว้ชีวิตเขาเพราะเขารู้ว่าราชาอสูรถูกควบคุมโดยมารผู้ฝึกตน ทำให้ผู้ฝึกตนรู้สึกเห็นใจต่อการกระทำโดยไร้สติของเขา
ผู้ฝึกตนลึกลับคนนั้นก็ได้มอบตำราการบ่มเพาะพลังให้แก่ราชาอสูรฉลามคลั่งและบอกแก่เขาว่าให้ฝึกฝนจนสามารถต่อกรกับมารผู้ฝึกตนในสมองให้ได้ จากนั้นเขาก็จากไป
ราชาอสูรฉลามคลั่งถูกพันธนาการไว้ใต้ภูเขาเขาฝึกฝนตามคำแนะนำของผู้ฝึกตนคนนั้นเพื่อพยายามขจัดสิ่งชั่วร้ายออกไปจากสมองของเขา แต่เนื่องจากผู้ฝึกตนคนนั้นไม่ได้สอนวิธีการฝึกฝนที่ถูกต้อง ราชาอสูรฉลามคลั่งจึงทำได้เพียงแค่ลองผิดลองถูกด้วยตนเองเท่านั้น
แต่ยังโชคดีที่ราชาอสูรฉลามคลั่งมีพรสวรรค์อย่างมากในการฝึกฝนวิถียุทธ์และสามารถทำความเข้าใจด้วยตนเองได้บางส่วนแต่อย่างไรก็ตามบนเกาะแห่งนี้มีกลิ่นไอพลังแท้ที่ช่วยในการบ่มเพาะพลังเพียงเล็กน้อย อีกทั้งมารผู้ฝึกตนที่กำลังสิงร่างเขาก็พยายามที่จะยึดครองร่างกายอยู่ตลอดเวลา นี่คือสาเหตุที่เขาติดอยู่ที่นี่เป็นเวลานานกว่าสิบปี
ถึงแม้ว่าราชาอสูรฉลามคลั่งจะประสบความสำเร็จในการฝึกฝนเทคนิคการบ่มเพาะพลังได้สำเร็จแต่ร่างกายของเขาก็ถูกรุกรานโดยมารผู้ฝึกตนทำให้เขากลายเป็นเครื่องจักรสังหารที่เอาแต่ฆ่าคน คนส่วนใหญ่ที่มาถึงเกาะทมิฬแห่งนี้ก็จะถูกฆ่าตายโดยมารผู้ฝึกตนที่อยู่ในใจของเขา
เมื่อได้ฟังเรื่องทั้งหมดฉิงเฟิงก็ตกตะลึงเขารู้เกี่ยวกับมารผู้ฝึกตน ในโลกแห่งผู้ฝึกตนนั้นมีเหล่ามารร้าย มันคล้ายคลึงกับผู้ฝึกยุทธ์นอกรีตในโลกของผู้ฝึกยุทธ์โบราณ แต่ระดับของมารนั้นสูงส่งกว่า ทรงพลังกว่า และโหดเหี้ยมกว่า
เจ้าหนูเจ้าฉลามน้อยนั่นกล่าวถูกต้องแล้ว เมื่อมารผู้ฝึกตนควบคุมร่างกายของเขา พวกเจ้าทุกคนคงไม่รอด เผ่นกันก่อนเถอะ ทันใดนั้นเสียงของจักรพรรดิราตรีก็ดังขึ้นในหัวของฉิงเฟิง น้ำเสียงของเขาดูเป็นกังวลไม่น้อย
ในฐานะที่เป็นอดีตผู้ฝึกตนจักรพรรดิราตรีย่อมตระหนักถึงพลังอันน่าเหลือเชื่อที่เหล่ามารผู้ฝึกตนมีในครอบครอง สถานการณ์ตอนนี้หากไม่มีผู้ฝึกตนปรากฏตัวขึ้นก็จะไม่มีผู้ใดสามารถหยุดฉลามคลั่งที่ถูกมารเข้าสิงได้
ฉิงเฟิงไม่กล้าลังเลอีกต่อไปเขาล้มเลิกแผนการสังหารเหล่าศัตรูที่เหลือ เข้ากุมมือน้อยๆของฉินเซียนจื่อและออกวิ่งทันที
ใบหน้าอันงดงามของฉินเซียนจื่อกลายเป็นสีแดงระเรื่อนี่เป็นครั้งแรกที่เธอถูกผู้ชายกุมมือ เธอรู้สึกเขินอายเล็กน้อย
หลี่ฉิงเฟิง…ทำไมท่านถึงได้มองหน้าข้าเช่นนี้ ฉินเซียนจื่อถามอย่างเอียงอาย เธอคิดว่าฉิงเฟิงชอบเธอ ไม่งั้นเขาทำไมมองเธอด้วยสีหน้าจริงจังแบบนี้ ?
ฉิงเฟิงย่อมรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
โธ่ถังแม่สาวน้อย เธอทำให้ฉันหมดคำพูด ฉันมองหน้าเธอเพื่อจะพาเธอหนีเอาชีวิตรอด นี่เธอคิดอะไรอยู่ในสมอง
คุณหนูฉินรีบไปกันเร็วเข้า มารร้ายกำลังจะคลั่งอีกแล้ว ฉิงเฟิงส่งเสียงแหลมและกล่าวกับฉินเซียนจื่อด้วยความร้อนใจ
อ๊ะไม่ใช่ว่ามารร้ายตนนั้นคุกเข่าให้ท่านหรอกหรือ เขาเป็นข้ารับใช้ของท่าน ท่านจะหนีทำไม ?
ฉันไม่มีเวลาที่จะอธิบายรายละเอียดสรุปสั้นๆว่าตอนนี้ฉันควบคุมเขาไม่ได้แล้ว พวกเราต้องหนีให้ไกลที่สุด
เข้าใจแล้วไปกันเถอะ ฉินเซียนจื่อพบความจริงจังในน้ำเสียงของฉิงเฟิงได้ เธอจึงวิ่งหนีไปพร้อมกับเขาทันที
เมื่อได้เห็นพวกเขาวิ่งหนีไปผู้อาวุโสหนึ่งของตำหนักโห่วเย่อหวงตี้ก็สัมผัสได้ถึงอันตราย ภายใต้สถานการณ์ปกติมันเป็นไปไม่ได้ที่ฉิงเฟิงจะวิ่งหนีทั้งๆที่กำลังเป็นผู้กุมสถานการณ์ เว้นแต่จะมีบางสิ่งที่ไม่ดีกำลังเกิดขึ้น
วิ่งหนีเร็วกำลังจะมีอันตรายบางอย่างเกิดขึ้น ! ผู้อาวุโสหนึ่งร่ำร้องออกมา เขาวิ่งหนีสุดแรงเกิดลงไปที่ตีนเขาพร้อมกับเหล่าสาวกที่เหลือ
ผู้คนของนิกายแวมไพร์ที่จับตาดูความเคลื่อนไหวของฉิงเฟิงและคนของตำหนักโห่วเย่อหวงตี้เมื่อได้เห็นพวกเขากำลังตาลีตาเหลือกลงเขา พวกเขาจึงรีบตามไปทันที
ถึงแม้ว่านิกายแวมไพร์จะเป็นกลุ่มคนนอกรีตไร้มนุษยธรรมแต่พวกเขาก็ฉลาดเป็นกรด เมื่อเห็นถึงอันตรายเพียงเล็กน้อยพวกเขาก็ตัดสินใจที่จะตามฉิงเฟิงหลบหนีทันที
ราชาอสูรฉลามคลั่งได้ปลดสนามพลังออกในนาทีสุดท้ายที่ฉิงเฟิงหนีไป
หลังจากปลดสนามพลังแล้วฉิงเฟิงก็พาฉินเซียนจื่อวิ่งหนีเอาชีวิตรอดโดยมีคนของตำหนักโห่วเย่อหวงตี้และนิกายแวมไพร์ติดตามมาอย่างใกล้ชิด
ผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นๆที่ปฏิกิริยาช้าก็เพิ่งจะตระหนักได้ถึงสถานการณ์เลวร้ายที่พวกเขากำลังเผชิญ
ทุกคนวิ่งไป! มีผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งไหวตัวได้และตะโกนออกมาพร้อมลงเขาอย่างรวดเร็ว
เมื่อได้ยินเสียงของชายคนนั้นผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นๆก็เริ่มวิ่งและตะโกนด้วยความหวาดกลัว
แต่มันก็สายเกินไปพวกเขารู้ตัวช้าเกินไปเสียแล้ว ราชาอสูรฉลามคลั่งตกอยู่ภายใต้การควบคุมของมารผู้ฝึตนอีกครั้งดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือด ทั่วทั้งร่างของเขาเปล่งกลิ่นอายของมารร้ายออกมา
อืมมเลือดอันน่าอร่อย พวกเจ้าทุกคนจงตายเสียเถิด ราชาอสูรฉลามคลั่ง, ไม่ใช่สิ ตอนนี้เขาเป็นมารผู้ฝึกตนไปแล้ว เขาส่งเสียงที่เย็นเยียบจับจิตและกระหายเลือดออกมา
เขายื่นมือขวาออกมาและเปลี่ยนมันให้กลายเป็นฝ่ามือขนาดมหึมาที่มีความยาวสิบเมตรเหมือนอย่างเคยจากนั้นก็ทุบลงไปที่พื้นอย่างโหดเหี้ยม
ปัง
!!
ผู้ฝึกยุทธ์คนแรกที่พยายามหลบหนีถูกทุบเป็นชิ้นๆ ในทันที ร่างกายของเขากลายเป็นแอ่งเนื้อและบ่อเลือด เขาไม่ทันแม้แต่จะกรีดร้องและหายไปในพริบตา
เมื่อได้เห็นความน่าสยองขวัญนี้อีกครั้งผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นๆก็เริ่มกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวและหลบหนีไปทุกทิศทาง พวกเขาคิดว่าด้วยการกระจายตัวกันหนีจะสามารถหนีมือยักษ์พลังงานแท้นี้ได้ แต่น่าเสียดาย พวกเขาคิดผิด
ปังปัง ปัง ปัง …..
มารผู้ฝึกตนยกมือขึ้นบดบังท้องฟ้าและดวงอาทิตย์ด้วยพลังมารที่แกร่งกร้าว เขาทุบลงพื้นนับสิบๆครั้งไปทุกทิศทางและล้างสังหารผู้ฝึกยุทธ์ที่กระจายตัวในทันที อากาศบนยอดเขาเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดและเนื้อสด ไม่มีสัญญาณชีวิตเหลืออยู่เลย
ฉิงเฟิงมองย้อนกลับไปและได้เป็นพยานในฉากนี้เขาตกตะลึงอย่างสมบูรณ์
นี่มันไม่ใช่แค่ผู้ฝึกยุทธ์หลักสิบแต่เป็นหลักร้อย ! ทุกคนที่อยู่บนยอดเขาต่างก็เป็นที่สุดของที่สุดอัจฉริยะจากกองกำลังระดับท็อบของโลก ตอนนี้พวกเขาตายเรียบ ตายอย่างไม่เห็นศพ นี่คือความแข็งแกร่งของผู้ฝึกตน ! ตูม!!
หลังจากมารผู้ฝึกตนล้างบางผู้ฝึกยุทธ์นับร้อยชีวิตจนหมดสิ้นเขาก็โบกมือขนาดใหญ่ในอากาศ ด้วยพลังมารที่เอ่อล้น มือนั้นปรากฏขึ้นเหนือหัวของฉิงเฟิงและคนที่เหลือ มันต้องการทุบพวกเขาทุกคนให้ถึงแก่ความตายเช่นกัน !