อิซุซาบุโร่ โปรดเรียกชั้นว่าซาโต้ โยชิโกะ ไม่ใช่โยชิโกะห้วนๆเช่นนี้
โยชิโกะกล่าวกับซาบุโร่อย่างเย็นชา
เธอไม่ชอบผู้ชายคนนี้แม้แต่น้อยยิ่งตอนนี้เขาต้องการฆ่าฉิงเฟิง ความเกลียดชังที่มีต่อเขาก็มากขึ้นไปอีก
ถ้าหากซาบุโร่ได้รู้ว่าผู้หญิงที่เขาหลงรักและตามติดพันกลายเป็นข้ารับใช้ของศัตรูบางทีเขาอาจจะโกรธกริ้วจนตัวสั่นก็เป็นได้…
แต่ในวินาทีต่อมาซาบุโร่ก็จมลงสู่ความสิ้นหวังเมื่อฉิงเฟิงถามขึ้นว่า โยชิโกะ เธอรู้จักกับผู้ชายคนนี้งั้นหรือ
เรียนนายท่านชั้นก็ไม่ได้รู้จักอะไรเขามากนักค่ะ โยชิโกะกล่าวด้วยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์
อะไรวะ
! นายท่านงั้นเหรอ
การแสดงออกของซาบุโร่เปลี่ยนไปดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ โยชิโกะเป็นนายหญิงน้อยของตระกูลนินจา แม้ว่าตระกูลนินจาจะไม่ได้ทรงพลังเท่ากับตระกูลเคนโด้ แต่ก็ยังคงเป็นหนึ่งในห้าตระกูลใหญ่ของเกาะแปซิฟิก เธอจะเรียกหลี่ฉิงเฟิงเป็นเจ้านายของเธอได้อย่างไร
ฉิงเฟิงดูเหมือนจะพยายามกระตุ้นอารมณ์ทำให้ซาบุโร่โกรธมากขึ้นเขาเหยียดมือไปโอบรอบเอวของโยชิโกะและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า โยชิโกะ วันนี้เธอสวยขึ้นนะ
เป็นที่แน่นอนว่าในฐานะหนึ่งในสี่สาวงามของเกาะแปซิฟิกซาโต้ โยชิโกะนั้นงามมาก ใบหน้าที่เย้ายวนของเธอเหมือนดั่งดอกกุหลาบที่บานสะพรั่ง ผิวของเธอเรียบเรียนเหมือนหยกคุณภาพสูง ดวงตาที่มีเสน่ห์ของเธอเปล่งประกายราวกับดวงดาว อีกทั้งหน้าอกคู่โตของเธอก็ทำให้ผู้คนยิ่งหลงใหล
ใบหน้าของเธอไม่เพียงงดงามแต่ร่างกายของเธอก็เย้ายวนใจอย่างยิ่ง กระดูกไหปลาร้าของเธอได้รูปและเรียบเนียนเหมือนหยก ทั่วทั้งเรือนร่างของเธอไร้ซึ่งตำหนิแม้แต่นิดเดียว การที่ฉิงเฟิงได้โอบและลูบไล้เอวของเธอนั้นทำให้เขารู้สึกสบายมาก
ใบหน้าของโยชิโกะเปลี่ยนเป็นสีแดงเหมือนไวน์แดงการกระทำที่อุกอาจของฉิงเฟิงต่อหน้าทุกคนทำให้เธอหัวใจเต้นระรัว เธอเขินอายเป็นอย่างมาก
ฉิงเฟิงเอ่ยเบาๆว่า อิซุ ซาบุโร่ ผู้หญิงที่นายหลงรักกำลังอยู่ในอ้อมแขนของฉัน นายรู้สึกยังไงละ
เช้ง!!
ซาบุโร่ชักดาบของเขาออกมาในทันใดและชี้ไปทางฉิงเฟิงเขาพูดด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า ไอ้ตัวบัดซบ ! แกกล้าดียังไงมาทำให้เทพธิดาของข้าต้องมัวหมอง วันนี้ข้าจะฆ่าเจ้า !
โอ้ ไม่ใข่ว่าวันนี้เป็นวันแข่งขันศิลปะการต่อสู้โบราณของทวีปมังกรหรือไง ? ในฐานะเจ้าภาพผู้จัดงาน นายจะเอางี้จริงดิ ??? ฉิงเฟิงกล่าวอย่างเย้ยหยัน
ฉิงเฟิงได้ยินจากชาวเฟิงอู่แล้วว่าการต่อสู้นั้นเป็นสิ่งต้องห้ามก่อนการแข่งขันจะเริ่มใครก็ตามที่ละเมิดกฏจะถูกตัดสิทธิ์จากการแข่งขันทันที
ความคิดของฉิงเฟิงนั้นคาดเดาไม่ยากเขาต้องการทำให้ซาบุโร่โกรธ จากนั้นตระกูลเคนโด้ก็จะถูกตัดสิทธิ์จากการแข่งขันถ้าซาบุโร่ฟิวส์ขาดเผลอลงมือขึ้นมา
แต่ซาบุโร่ที่ความโกรธบดบังสติก็ลืมกฎโดยสิ้นเชิงเขากำลังจะออกดาบโจมตีฉิงเฟิง
หยุดเดี๋ยวนี้นะซาบุโร่! แกต้องการให้พวกเราทั้งตระกูลถูกตัดสิทธิ์จากการแข่งขันหรือไง !
ทันใดนั้นเองชายชราในชุดกิโมโนก็คำรามออกมาเสียงดังในขณะที่เดินไปหาพวกเขา
ผู้เฒ่าคนนี้มีหนวดเล็กน้อยที่ใต้จมูกของเขาดวงตาของเขาเรียวเล็กและสวมใส่ชุดกิโมโนแบบหลวมกว้าง เขาเปล่งกลิ่นอายที่แข็งแกร่งออกมา
ผู้อาวุโสสามทำไมท่านถึงมาที่นี่ ซาบุโร่ถามในทันที
ผู้อาวุโสคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหนเขาคือผู้อาวุโสคนที่สามของตระกูลเคนโดซึ่งนับว่าเป็นบุคคลที่มีฐานะอยู่ในระดับสูงมาก
ส่วนซาบุโร่นั้นเขาเป็นหนึ่งในราชาดาบทั้งเจ็ดที่เจิดจรัสยิ่งของตระกูลเคนโด้
ซาบุโร่เจ้าทำให้ข้าผิดหวังมาก
อาวุโสสามข้าน้อยไม่เข้าใจ ท่านพูดอะไร
เจ้าโง่! หลี่ฉิงเฟิงพยายามเล่นสงครามประสาทเพื่อให้เจ้าโกรธจนขาดสติและลงมือต่อมัน ถ้าเจ้าหลงกลมันตระกูลเคนโด้ของเราทั้งตระกูลก็จะถูกตัดสิทธิ์จากการแข่งขัน เข้าใจหรือยัง อาวุโสสามกล่าวขณะที่มองซาบุโร่ด้วยสายตาเย็นชา เมื่อได้ยินเช่นนั้นการแสดงออกของซาบุโร่ก็เปลี่ยนไปทันที เหงื่อเย็นปรากฏบนหน้าผากของเขา
หลี่ฉิงเฟิงเจ้าคนสารเลวชั่วช้า ข้าเกือบจะตกหลุมพรางของเจ้าเสียแล้ว ! ซาบุโร่ตะคอกออกมาด้วยความโกรธ
ฉิงเฟิงยิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า ก็นายมันหัวขี้เลื่อยเอง โทษฉันทำไม
ฮึ่มเจ้าเพิ่งได้ใจไปนัก ข้าไม่อาจบั่นคอเจ้าได้ที่นี่ แต่เจ้าต้องตายระหว่างการแข่งขันอย่างแน่นอน เตรียมคนทำศพไว้ได้เลย ! ซาบุโร่กล่าวอย่างเยือกเย็น
ซาบุโร่ชิงชังฉิงเฟิงเข้าไส้เขาเกือบจะตกหลุมพรางของฉิงเฟิงเสียแล้วหลังจากที่ถูกหยามซึ่งหน้าต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก
จริงสิซาโต้ โยชิโกะ นังผู้หญิงบ้าคนนี้ก็ดันเป็นลูกสมุนของหมอนี่ไปแล้ว เธอยังอนุญาตให้มันโอบกอดลูบเอวอีกด้วย บัดซบเอ้ย
!
คอยดูไปเถอะเมื่อข้าฆ่าหลี่ฉิงเฟิงแล้ว ข้าจะจับกดเจ้าข้ามวันข้ามคืนอย่างแน่นอน
ซาบุโร่คิดในใจคนเดียวอย่างขุ่นแค้น
ฉิงเฟิงปล่อยโยชิโกะออกจากอ้อมแขนและถอนหายใจด้วยความเสียดายซาบุโร่หัวร้อนคนนั้นเกือบจะหลงกลเขาแล้วเชียว แต่จู่ๆอาวุโสสามของตระกูลกลับปรากฏตัวขึ้นเสียได้
ผู้อาวุโสสามเหลือบตามองฉิงเฟิงอย่างเย็นชาด้วยเจตนาฆ่าจากนั้นเขาก็หันหลังกลับและเดินออกไป
ฉิงเฟิงไม่สนใจสายตากระตุ้นเตือนของผู้อาวุโสสามแม้แต่น้อย
จากนั้นสถานการณ์ก็ดูจะสงบลงผู้เข้าแข่งขันจากทุกประเทศต่างก็ทยอยมุ่งหน้าไปยังสถานที่จัดการแข่งขัน
ฉิงเฟิงไม่ได้ไปไหนในตอนนี้เขากลับไปที่ห้องของเขาเพื่อคุยกับทีมเขี้ยวหมาป่าและราชาอสูรทั้งสองคน
ราชาอสูรสิงโต,ท่านนำทีมเขี้ยวหมาป่าไปตามหาราชาอสูรค้างคาวม่วง โทรหาฉันทันทีหากพบเขา เข้าใจไหม ฉิงเฟิงพูดกับทุกคนในห้อง
ขอรับนายน้อยข้าได้ยินข่าวมาว่าค้างคาวม่วงกำลังถูกกองกำลังหนึ่งไล่ล่า ตอนนี้เขาเลยปลอมตัวเป็นศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งของเกาะแปซิฟิก
ราชาอสูรสิงโตกล่าว
ฉิงเฟิงพยักหน้าและกำชับกับราชาอสูรสิงโตให้อดทนและใจเย็นคอยดูสถานการณ์ก่อนว่าค้างคาวปลอดภัยจากนั้นค่อยลงมือช่วย
หลังจากพูดคุยกับพวกเขาฉิงเฟิงก็ลงจากเรือแล้วมุ่งหน้าไปยังที่ตั้งของการแข่งขันพร้อมกับคนอื่นๆ
ในการแข่งขันครั้งนี้มีสามรอบรอบแรกคือรอบคัดออก เนื่องจากมีผู้เข้าแข่งขันถึง 500 คนแต่จะมีผู้ชนะได้เพียงสามคนเท่านั้น การแข่งขันจึงรุนแรงมาก
การแข่งขันรอบแรกถูกจัดขึ้นที่ภูเขาอัสนีเพลิงนรก
ภูเขาแห่งนี้เป็นภูเขาที่ใหญ่ที่สุดในเกาะแปซิฟิกเนื่องจากประเทศนี้ตั้งอยู่ติดทะเลจึงมีสึนามิและแผ่นดินไหวบ่อยครั้งซึ่งก่อตัวมาเป็นภูเขาอัสนีเพลิงนรกนั่นเอง
พื้นที่ของภูเขานี้ทอดยาวหลายพันเมตรมันประกอบไปด้วยภูเขาหลายสิบลูกและเป็นเรื่องธรรมดามากที่จะได้เห็นสายฟ้าฟาดลงมาบนภูเขา
ผู้ฝึกยุทธ์ทุกคนที่เข้าร่วมแข่งขันจะมีโทเค็นประจำตัวกฎของการแข่งขันนั้นง่ายมาก ใครก็ตามที่ได้รับโทเคนมากที่สุด 200 คนแรกจะเป็นผู้ชนะในการแข่งรอบนี้ กล่าวได้ว่าจาก 500 คนในรอบแรกจะถูกคัดออกเหลือ 200 คนในรอบที่สอง
แต่ละทีมที่เข้าร่วมจะมีหัวหน้าทีมซึ่งหัวหน้าทีมของทีมหัวเซี่ยก็คือฮวาเซียนจือ โดยผู้ที่กำหนดหัวหน้าทีมก็คือชาวเฟิงอู่นั่นเอง
ส่วนชาวเฟิงอู่และจางหยวนเล่ยพวกเขาเป็นบุคลระดับสูงของหน่วยความมั่นคงพิเศษ พวกเขาไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขันแต่เพียงแค่จับตามองจากระยะไกลเท่านั้น
ชาวเฟิงอู่แต่งตั้งฮวาเซียนจือเป็นหัวหน้าทีเพราะรู้ว่าเธอเป็นคนที่แข็งแกร่งและใจเย็นที่สุดในทีมการให้เธอเป็นผู้นำย่อมปลอดภัยกว่า