ฉิงเฟิงไร้คู่ต่อสู้อีกต่อไปหลังจากที่เขาก้าวเข้าสู่จุดสูงสุดของแกรนด์มาสเตอร์ยกเว้นแค่เพียงฮวาเซียนจือและฉินเซียนจื่อเท่านั้น ผู้หญิงสองคนนี้มีพลังลึกลับบางอย่าง
ฉิงเฟิงออกจากถ้ำและเดินไปตามภูเขาทีมที่เข้าแข่งขันทุกทีมต่างก็วิ่งหนีหลังจากได้เห็นฉิงเฟิงแต่พวกเขาก็ช้าเกินไป
ส่งโทเค็นนักสู้ของนายมาไม่งั้นฉันจะฆ่านายซะ ฉิงเฟิงแสยะยิ้มและกล่าวข่มขู่
คนเหล่านี้ต่างรู้ดีว่าฉิงเฟิงเป็นคนโหดเหี้ยมจากการที่ได้เห็นเขาลงมือฆ่าซาบุโร่และชาแมนเพื่อให้มีชีวิตรอด พวกเขารีบมอบโทเค็นให้ฉิงเฟิงโดยไม่ลังเล
ฉิงเฟิงเป็นปีศาจฉาวโฉ่ของทีมหัวเซี่ยไม่มีใครกล้าทำให้เขาไม่พอใจ เพราะคนเหล่านี้ต่างสำนึกตนว่าไม่อาจต่อกรกับเขาได้
จากข่าวลือฉิงเฟิงรวบรวมโทเค็นจากยี่สิบทีมอย่างรวดเร็วทำให้ตอนนี้เขามีโทเค็นในมือมากกว่าสองร้อยอัน
การแข่งขันครั้งนี้มีผู้ฝึกยุทธ์เข้าร่วมจำนวนกว่า500 คนและมีเพียง 200 คนเท่านั้นที่จะได้เข้าสู่รอบต่อไป ฉิงเฟิงมีโทเค็นในครอบครองกว่า 200 อัน จึงนับว่าเป็นผู้ที่มีโทเค็นมากที่สุด
ด้วยโทเค็นที่เพียงพอในการเข้ารอบฉิงเฟิงจึงกลับไปพบกับทีมหัวเซี่ย
หลี่ฉิงเฟิงท่านฆ่าคนเท่าไหร่กันถึงได้โทเค็นมามากมายขนาดนี้ ฮวาเซียนจือตกตะลึงเมื่อได้เห็นจำนวนโทเค็นที่ฉิงเฟิงมี
ถึงแม้ว่าฮวาเซียนจือจะทรงพลังแต่เธอก็มองฉิงเฟิงอย่างจริงจังเพราะเธอรู้สึกว่าชายคนนี้มีมีความลับบางอย่าง
ฉิงเฟิงยิ้มและกล่าวว่า ไม่ต้องกังวล พวกเขาทั้งหมดต่างก็มอบโทเค็นให้ฉันด้วยความเต็มใจ ฉันแทบจะไม่ได้ฆ่าใครเลย
ฉิงเฟิงไม่ใช่คนป่าเถื่อนที่ฆ่าไม่เลือกซึ่งถ้าเขาทำเช่นนั้นเขาจะต้องถูกผู้คนมากมายต่อต้าน คนที่เขาฆ่านั้นส่วนใหญ่จะมาจากตระกูลเทควันโด, เคนโด้และนิกายชาแมน ซึ่งคนเหล่านี้สมควรตาย
นอกจากคนกลุ่มนี้แล้วฉิงเฟิงแค่เพียงข่มขู่แย่งชิงโคเท็นของพวกเขามาและไม่ได้ฆ่าใคร
เมื่อได้ยินเช่นนี้ฮวาเซียนจือก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกในฐานะผู้นำของทีมหัวเซี่ย หากฉิงเฟิงฆ่าคนมากมายขนาดนั้นจะทำให้หัวเซี่ยกลายเป็นศัตรูของกองกำลังทั้งหมดในทวีปมังกร มันจะเป็นปัญหาใหญ่โต
การแข่งขันในรอบแรกสิ้นสุดลงและทุกคนก็ออกจากภูเขาพร้อมกับโทเค็นที่มี
…
ด้านนอกของภูเขาอัสนีเพลิงนรก
มีสเตเดียมสูงใหญ่ที่ตั้งอยู่ตรงกลางสนามขนาดใหญ่มันทำมาจากหินอ่อนสีดำ นอกจากนี้ยังมีเก้าอี้หลายตัววางอยู่ข้างสนามเพื่อให้ผู้ชมได้นั่งชม
ผู้อำนวยการของการแข่งขัน,ชาวเฟิงอู่ จางหยวนเล่ย, อาวุโสสามของนิกายเคนโด้, หัวหน้าตระกูลเทควันโด้ และตัวแทนอื่นๆต่างก็นั่งอยู่ที่นี่ พวกเขาทั้งหมดมองไปที่ทางเข้าอย่างเงียบงัน
พวกเขาเป็นตัวแทนอย่างเป็นทางการที่ส่งมาจากตระกูลและนิกายต่างๆพวกเขามาเพื่อรอดูว่าทีมของตนเองจะไปได้ไกลแค่ไหน เนื่องจากสามอันดับแรกจะได้รับรางวัลล้ำค่ามากมาย
ตัวแทนจากเกาะแปซิฟิกเป็นผู้อาวุโสสามของตระกูลเคนโด้ส่วนบทบาทอื่นๆของเขาคือร้อยโทของเกาะแปซิฟิก
ชื่อของเขาคืออิซุโอโนธ เขาเป็นตัวตนที่มีชื่อเสียงมากในเกาะแปซิฟิก เขาเกิดในตระกูลเคนโด้และเป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์อีกด้วย กล่าวโดยรวมคือคนผู้นี้ทั้งแข็งแกร่งและทรงอำนาจ
ชาวเฟิงอู่ข้าคิดว่าทีมของข้าจะเป็นผู้ชนะในรอบนี้ โอโนะยิ้มและกล่าวขึ้น
ในฐานะที่เป็นผู้มีอิทธิพลยิ่งใหญ่ของเกาะแปซิฟิกโอโนะย่อมรู้จักชาวเฟิงอู่เป็นอย่างดี เขารู้ว่าเธอแข็งแกร่งมากซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนามเทพีสงครามที่พิชิตชัยทั่วเกาะแปซิฟิกได้หลายครั้ง
แต่ชั้นไม่คิดเช่นนั้นฮวาเซียนจือของทีมหัวเซี่ยจะต้องชนะแน่นอน ชาวเฟิงอู่ยิ้มและตอบกลับ
ชาวเฟิงอู่รู้ถึงพลังอันยิ่งใหญ่ของฮวาเซียนจือเพราะเธอก็มาจากตระกูลลึกลับเช่นกันอีกทั้งเธอก็เติบโตมาพร้อมกับฮวาเซียนจือ ด้วยเหตุนี้เธอจึงสามารถเชิญฮวาเซียนจือให้เข้าร่วมการแข่งขันในปีนี้ได้
ฮวาเซียนจือเป็นคนที่เย่อหยิ่งมากเธอไม่ยอมพบประผู้ใดแม้แต่นายกเทศมนตรีของปักกิ่งจะเชื้อเชิญเธอก็ตาม
โชคดีที่ความสัมพันธ์ของชาวเฟิงอู่และฮวาเซียนจือนั้นสนิทสนมกันมากเพื่อให้ได้ชัยชนะในปีนี้ เธอจึงขอให้ฮวาเซียนจือช่วย ชาวเฟิงอู่รู้ว่าฮวาเซียนจือมีพลังมหาศาลในตัวนอกจากนี้เธอยังมีอุปกรณ์จิตวิญญาณซึ่งก็คือบัวกระจกเงาอีกด้วย ดังนั้นการที่เธอจะเป็นผู้ชนะในการแข่งขันครั้งนี้ก็ไม่ใช่เรื่องยาก
นอกเหนือจากหัวเซี่ยและเกาะแปซิฟิกแล้วตัวแทนจากประเทศอื่นๆก็กำลังคุยกันด้วยว่าใครจะเป็นผู้ชนะในรอบนี้
ทีมแรกที่ออกมาเป็นทีมบูชิโดจากเกาะแปซิฟิกข้าสงสัยว่าพวกเขาจะมีโทเค็นกี่อัน
อืม…ส่วนทีมที่สองที่ออกมาเป็นทีมเทควันโด แต่พวกเขาดูท่าทางไม่สู้ดีเท่าใดนัก
ว่าแต่ทำไมทีมเคนโด้ถึงไม่ออกมาเสียที พวกเขาเป็นทีมที่ทรงพลังที่สุดจากเกาะแปซิฟิก แปลกมากที่พวกเขาออกมาช้าขนาดนี้
…
ทีมมากมายเริ่มทยอยออกมาจากภูเขาทุกคนต่างตกใจที่เห็นสีหน้าของทุกทีมที่เดินออกมา
หมู่เกาะแปซิฟิกเป็นประเทศที่มีอำนาจมากที่สุดในทวีปมังกรและทีมของพวกเขาก็เป็นกลุ่มแรกที่เดินออกมาก่อนแต่ว่าสีหน้าท่าทางของพวกเขาดูไม่ดีแม้แต่น้อย
หลังจากยอดฝีมือหลายร้อยคนของแต่ละทีมเดินออกมาการแสดงออกของโอโนะก็เปลี่ยนไปเพราะเขายังไม่เห็นซาบุโร่จากตระกูลเคนโด้เลย
อาจเป็นเพราะเขามีโทเค็นมากเกินไปจึงตัดสินใจออกทางด้านหลังภูเขาเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกปล้นชิง
โอโนะคิดในใจและทำได้เพียงแค่ปลอบใจตัวเองอย่างนั้น
ฉิงเฟิงเดินติดตามทีมหัวเซี่ยอยู่ด้านหลังเขาเตะตาผู้คนอย่างใหญ่หลวงเพราะเป็นผู้เดียวที่แบกโทเค็นไว้เป็นจำนวนมาก
เมื่อฉิงเฟิงเดินออกจากภูเขาเขารู้สึกว่าการควบคุมพลังของมุกอัสนีฟ้ากลับลดลงอย่างน่าแปลกประหลาด
ผู้อาวุโสมันเกิดอะไรขึ้น ทำไมผมถึงรู้สึกเหมือนกับว่าผมควบคุมมุกอัสนีฟ้าได้น้อยลง ?
มีสองเหตุผลที่เจ้าสามารถเรียกสายฟ้าในภูเขาได้ประการแรกคือมุกอัสนีฟ้า ประการที่สองคือสายฟ้าจากท้องฟ้า มีไฟฟ้าจำนวนมหาศาลรวมตัวกันในท้องฟ้าภายในหุบเขาอัสนีเพลิงนรก แต่ตอนนี้เมื่อเจ้าออกจากหุบเขาและอาณาเขตนั้น อำนาจในการควบคุมพวกมันก็หายไปเป็นธรรมดา เจ้าไม่อาจเรียกสายฟ้ามาผ่าชาวบ้านมั่วซั่วตามใจชอบได้อีกแล้วนา
แต่พลังสายฟ้านี่เป็นสุดยอดไม้ตายของผมเลยนะไม่มีมันแล้วผมจะทำไง
สายฟ้านั้นจะทรงพลังมากที่สุดในหุบเขาแต่ตอนนี้เมื่อใดก็ตามที่เจ้าต้องการเรียกสายฟ้า เจ้าจะต้องใช้พลังแท้จำนวนมหาศาลเพื่อส่งผ่านไปยังมุกอัสนี ดังนั้นถ้าจะใช้พลังนั่นก็อย่าฝืนตัวเองมากไปก็แล้วกัน จักรพรรดิราตรีคุยกับฉิงเฟิงในใจ
ฉิงเฟิงหมดคำพูดหลังจากได้ยินคำอธิบายของจักรพรรดิราตรีเดิมทีเขาคิดว่าเขาจะสามารถเรียกสายฟ้ามาสับสังหารผู้คนได้ตามใจอยาก และกลายเป็นผู้ไร้เทียมทาน แต่ดูเหมือนเขาจะคิดผิด มันทำได้เพียงในหุบเขาอัสนีเพลิงนรกแห่งนี้เท่านั้น เมื่อออกจากหุบเขา เขาต้องใช้พลังแท้ของตัวเองในการเรียกสายฟ้า