โยชิโกะมีเรื่องอะไร เกิดอะไรขึ้น ? ฉิงเฟิงถามขึ้นทันทีเมื่อได้เห็นสีหน้าเป็นกังวลของโยชิโกะ
ใบหน้าที่งดงามของโยชิโกะดูซีดเซียวเธอรีบพูดขึ้นมาว่า นายท่าน ชั้นเพิ่งได้ข่าวมา ตระกูลเคนโด้ว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญข่ายอาคม พวกเขาต้องการฆ่าท่าน
ผู้เชี่ยวชาญข่ายอาคม
เมื่อได้ยินคำพูดนี้รูม่านตาของฉิงเฟิงก็หดลงอย่างกะทันหันเนื่องจากเขารู้ดีถึงความสามารถของผู้เชี่ยวชาญข่ายอาคมยอดฝีมือประเภทนี้จะมีความสามารถในการสร้างรูปแบบของอาคมและกักขังผู้อื่นไว้ภายในนั้น
ในภูเขาอัสนีเพลิงนรกฉิงเฟิงได้เห็นถึงพลังของข่ายอาคมอัสนีนภาอย่างถ่องแท้ ในเวลานั้นเขาได้รับความช่วยเหลือจากจักรพรรดิราตรี ซึ่งมีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถค้นหาศูนย์กลางของข่ายอาคมได้ ซึ่งทำให้เขาควบคุมสายฟ้าได้ในที่สุด
แน่นอนว่าแท้จริงแล้วฉิงเฟิงไม่ได้มีความสามารถในการควบคุมสายฟ้าเขาทำได้เพียงใช้ความสามารถของมุกอัสนีฟ้าในการชักนำสายเข้ามากักเก็บไว้ในมุกเท่านั้น
มุกอัสนีนภาเป็นสิ่งประดิษฐ์ซึ่งสามารถเรียกและกักเก็บพลังของสายฟ้าเอาได้ฉิงเฟิงได้ครอบครองมันจากความช่วยเหลือของจักรพรรดิราตรี
อ่า…จริงสิ บางทีตาแก่จักรพรรดิราตรีอาจจะมีความชำนาญในข่ายอาคมก็เป็นได้
ผู้อาวุโสถ้าหากผู้เชี่ยวชาญข่ายอาคมมาโจมตีผม ท่านช่วยผมได้ไหม
ฉิงเฟิงถามจักรพรรดิราตรีผ่านการส่งเสียงทางจิตของเขา
ไอ้หนูไม่ต้องห่วง ข้านั้นมีชีวิตมากกว่าร้อยปีและเป็นที่รู้จักในฐานะบุคคลอันดับหนึ่งของผู้ฝึกยุทธ์โบราณแห่งหัวเซี่ย ข้าคุ้นเคยกับข่ายอาคมทุกประเภทตราบเท่าที่มันไม่ใช่อาคมระดับสวรรค์หรือสูงกว่า นอกนั้นข้าทำลายมันได้สบาย
จักรพรรดิราตรีกล่าวตอบฉิงเฟิงด้วยความภาคภูมิใจ
ย้อนกลับไปในช่วงเวลานั้นจักรพรรดิราตรีรวบยุทธภพเป็นหนึ่ง ไม่เพียงแค่ครอบครองพลังที่ทรงอำนาจ แต่เขายังสามารถใช้ข่ายอาคมและการเล่นแร่แปลธาตุได้อีกด้วย เขาเชี่ยวชาญหลายแขนงและนับว่ามีฝีมือสูงทีเดียว
ฉิงเฟิงรู้สึกยินดีเมื่อได้ยินคำพูดของจักรพรรดิราตรีเขาสงบใจได้ในทันที ในเมื่อมีจักรพรรดิราตรีอยู่ข้างกาย เขามีอะไรที่ต้องกลัวอีก มาหนึ่งฆ่าหนึ่ง มาสองฆ่าสอง !
โยชิโกะไม่ต้องกังวล ผู้เชี่ยวชาญข่ายอาคมไม่มีอะไรต้องกลัว ฉิงเฟิงปลอบโยนโยชิโกะด้วยรอยยิ้มในขณะที่ลูบแก้มของเธอ
ในเวลานี้ราชาอสูรสิงโตและทีมเขี้ยวหมาป่าก็มาถึงพอดี ลูซวนจี๋เป็นคนแรกที่วิ่งไปหาฉิงเฟิง เขากล่าวพร้อมรอยยิ้มกรุ้มกริ่มว่า บอสครับ มาถึงแล้วหรือ
อืมไม่มีใครบาดเจ็บใช่ไหม ฉิงเฟิงถาม
ลูซวนจี๋ส่ายหัวและกล่าวว่า ไม่ครับ ก็แค่เจอกับคนของนิกายแวมไพร์ พวกมันเคี้ยวยากนิดหน่อย ที่จริงแล้วพวกมันมีชาวเกาะแปซิฟิกคอยให้ความช่วยเหลือด้วยครับ
ฉิงเฟิงพยักหน้าและรู้ว่าชาวเกาะแปซิฟิกที่ว่านั่นคือตระกูลคาราเต้ซึ่งมีความสนิทสนมกับนิกายแวมไพร์มาก
โอ้ค้างคาวน้อย บาดเจ็บมั้ย ราชาอสูรสิงโตเดินไปหาราชาอสูรค้างคาวม่วงและไตร่ถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วงเป็นใย
ในบรรดาราชาอสูรทั้งสิบค้างคาวม่วงอายุน้อยที่สุด ดังนั้นราชาอสูรคนอื่นจึงเรียกเขาว่าค้างคาวน้อย
เมื่อได้ยินเช่นนั้นค้างคาวม่วงก็กลอกตาและกล่าวว่า ลุงสิงโต ผมโตแล้วนะ ตอนนี้ผมอายุ 25 เข้าไปแล้วแต่คุณก็ยังเรียกผมด้วยชื่อนั้นอีก ผมขอเลยนะอย่าเรียกผมว่า ‘น้อย’ อีก !
ราชาอสูรสิงโตหัวเราะลั่นขณะที่เขายกแขนของค้างคาวม่วงขึ้น เขามองซ้ายมองขวาไปทั่วใบหน้าของค้างคาวม่วงจากนั้นลูบเคราตัวเองพร้อมกับกล่าวว่า ค้างคาวน้อยเจ้าโตขึ้นแล้วหล่อเหลาไม่เบานะนี่ เพียงแต่หล่อน้อยกว่าข้านิดหน่อย !
ในตอนแรกค้างคาวม่วงรู้สึกพอใจเมื่อได้รับคำชมจากประโยคแรกของราชาอสูรสิงโตแต่เมื่อได้ยินประโยคที่ตามมา เขาก็อารมณ์เสียทันที เขาคิดในใจว่า
หมายความว่าไงวะลุงที่ว่าหล่อน้อยกว่าลุงยังงี้ก็แสดงว่าผมหน้าตาเหมือนคนป่าแบบลุงงั้นสิ
!
ในเวลานี้ราชาอสูรมังกรเขียวก็มาถึงเขาถามอาการบาดเจ็บของค้างคาวม่วงด้วยความเป็นห่วง พวกเขาต่างก็เป็นราชาอสูรทั้งสิบ ถึงแม้ว่าจะแยกจากกันมาเป็นเวลาหลายปี แต่พวกเขาก็มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งต่อกันมาก
ฉิงเฟิงมองไปที่ราชาอสูรทั้งสามคนที่กำลังคุยกันอย่างกลมเกลียวและไม่ขัดจังหวะพวกเขาเขารู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องเหล่านี้แข็งแกร่งแน่นแฟ้นมาก แม้ว่าตัวเขาจะเป็นเจ้านายของราชาอสูรเหล่านี้ แต่เขาก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับพวกเขาเท่าใดนัก เพราะเวลาที่ใช้ร่วมกันสั้นกว่า
ทันใดนั้นเองราชาอสูรสิงโตก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นได้และพูดว่า นายน้อยครับ เจ้าหนูค้างคาวม่วงก็มีพลังสายเลือด ท่านช่วยปลุกพลังให้เขาหน่อยได้ไหมครับ
ลุงสิงโตคุณกำลังจะบอกว่านายน้อยของพวกเราสามารถปลุกพลังสายเลือดของผมได้งั้นหรือ ดวงตาของราชาอสูรค้างคาวม่วงเปล่งประกายไปด้วยความประหลาดใจ
ราชาอสูรค้างคาวม่วงเป็นผู้ฝึกยุทธ์โบราณที่เข้าใจในพลังสายเลือดตอนนี้เขาอยู่ในขั้นสูงสุดใต้สวรรค์ ถ้าหากเขาสามารถเปิดใช้งานพลังสายเลือดได้ เขาจะตัดผ่านไปยังขอบเขตแกรนด์มาสเตอร์ได้ทันที
ตกลงค้างคาวม่วงนายมานี่ ฉันจะปลุกพลังสายเลือดให้นายเอง
ฉิงเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เมื่อได้ยินคำพูดของเขาค้างคาวม่วงก็วิ่งปรี่ไปหาฉิงเฟิงด้วยความตื่นเต้น
ในขณะที่ฉิงเฟิงได้โคจรพลังแท้ไปที่ตราผู้พิชิตเงาร่างของค้างคาวขนาดยักษ์ก็ปรากฏขึ้นอย่างกระทันหัน ค้างคาวตัวนี้เป็นสีม่วง มันคือราชาแห่งค้างคาวทั้งปวง มันสามารถสั่งการค้างคาวทุกตัวทั่วโลกได้ และเป็นที่รู้จักกันในนามค้างคาวม่วง
ฉิงเฟิงสอนค้างคาวม่วงถึงวิธีการปลุกพลังด้วยตราผู้พิชิตซึ่งทำให้เขารู้สึกได้ถึงพลังสายเลือดของบรรพบุรุษ
ราชาอสูรค้างคาวม่วงเป็นคนที่ฉลาดปราดเปรื่องมากเขาไม่เพียงแค่หล่อเหลา แต่ยังมากความสามารถ ในเวลาเพียงครู่เดียวเขาก็ได้เรียนรู้ถึงวิธีการเปิดใช้งานพลังสายเลือดแล้ว
ตูม
!!
พลังงานอันทรงพลังระเบิดออกมาจากร่างของราชาอสูรค้างคาวม่วงดวงตาและทั่วทั้งร่างของเขาเปลี่ยนเป็นสีม่วงและเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง
ค้างคาวม่วงรู้สึกได้ถึงร่างกายที่แข็งแกร่งขึ้นของเขาเขากำหมัดและชกออกไปก่อให้เกิดหลุมอากาศถึงสิบหลุม
หลุมอากาศสิบหลุมหมายถึงแรงหมัดหนึ่งหมื่นกิโลกรัมมันเป็นสัญญาณของการพัฒนาสู่ขอบเขตแกรนด์มาสเตอร์
หวือ!
ค้างคาวม่วงขยับร่างกายของเขาและเหินขึ้นฟ้าไปที่ระดับความสูงหลายสิบเมตรหลังจากทะลวงผ่านสู่ขอบเขตแกรนด์มาสเตอร์ เขาแม้แต่สามารถตีลังกากลางอากาศด้วยความรวดเร็วยิ่ง อีกทั้งเคลื่อนไหวไปมาได้หลายสิบเมตรเพียงเสี้ยวพริบตา
ผู้คนรอบๆต่างมองเขาด้วยความเกรงขามต่อความเร็วที่น่าทึ่งนี้โดยเฉพาะราชาอสูรสิงโตที่ตะโกนออกมาเสียงดังว่า โห ค้างคาวน้อย เจ้ารวดเร็วนัก เร็วกว่าความเร็วสุดขีดของข้าไปไกลโข !
เมื่อได้ยินว่าราชาอสูรสิงโตยังคงเรียกเขาว่า‘ค้างคาวน้อย’ ค้างคาวม่วงก็หงุดหงิด ร่างของเขาเปล่งประกายเป็นแสงสายฟ้าสีม่วงและมาถึงเบื้องหน้าของราชาอสูรสิงโตภายในพริบตา
พลังของค้างคาวม่วงเป็นเหมือนกระแสไฟฟ้ามันดึงผมของราชาอสูรสิงโตออกมากระจุกหนึ่งในทันที เขายิ้มพร้อมกล่าวว่า ลุงสิงโต ถ้าคุณเรียกผมว่า ‘ค้างคาวน้อย’ อีกครั้งผมดึงผมของคุณให้หลุดจนกลายเป็นตาแก่หัวล้านไปเลย !
เมื่อได้ยินคำขู่ของค้างคาวม่วงราชาอสูรสิงโตก็ร่ำร้องออกมา แต่เขาก็ไม่เร็วเท่าค้างคาวม่วง ไม่ว่าเขาจะใช้พยายามเพียงใดก็ไม่อาจตามติดค้างคาวม่วงได้ทัน
หลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นราชาอสูรสิงโตก็ไม่กล้าเรียกเขาว่า’ค้างคาวน้อย’ อีกต่อไป เขากลัวว่าจะโดนถอนผมจนหมดหัว ถ้าเขาไม่มีผมแล้วผู้คนจะเรียกว่าราชาอสูรสิงโตได้อย่างไร ! เขาจะกลายเป็นราชาอสูรหัวล้านเสียมากกว่า เพียงแค่คิดก็ทำให้เขากลัว
กริ๊งๆๆ
ในขณะที่ทุกคนกำลังหัวเราะกันอย่างสนุกสนามเป็นกันเองก็มีเสียงโทรศัพท์ของฉิงเฟิงดังขึ้นทำให้ทุกคนเงียบลง
ฉิงเฟิงมองไปที่โทรศัพท์ของเขาและรู้ว่าฉินเซียนจื่อโทรมาเขาจึงรับสายทันทีและถามว่า คุณหนูฉิน คุณโทรหาผมมีเรื่องอะไรหรือ
หลี่ฉิงเฟิงข้ามีข่าวร้ายจะแจ้ง พวกเราถูกลอบโจมตีโดยกลุ่มคนชุดดำในโรงแรม ตราประทับหยกเก้ามังกรถูกขโมยไปแล้ว ! ใบหน้าที่งดงามอ่อนโยนของฉินเซียนจื่อเต็มไปด้วยความวิตกกังวล