ฉิงเฟิงรู้ว่าหลางเทียนแข็งแกร่งเกินกว่าที่จะเอาชนะได้ด้วยเขตแดนเดียวเพราะพลังเขตแดนของเขาแข็งแกร่งกว่าฉิงเฟิงมากนัก ดังนั้นเขาจึงใช้ออกด้วยสองเขตแดนพร้อมกัน
แกร่ก!
เขตแดนแรงโน้มถ่วงของเขาดูดน้ำทะเลที่บ้าคลั่งให้ตกลงสู่พื้นทันทีเพื่อป้องกันไม่ให้มันเคลื่อนตัวไปข้างหน้าจากนั้นเขตแดนพายุก็ก่อตัวขึ้นเป็นพายุเฮอริเคนซึ่งพัดพาคลื่นไปในทิศทางตรงกันข้าม
เขตแดนทะเลวารีมีขนาดใหญ่กว่ายี่สิบเมตรแต่มันก็เป็นเพียงเขตแดนเดียว ภายใต้การผสานกันของเขตแดนแรงโน้มถ่วงและเขตแดนพายุมันจึงพ่ายแพ้ไปอย่างรวดเร็ว
แค่ก! หลางเทียนได้รับบาดเจ็บจากการที่เขตแดนทะเลวารีถูกทำลายเขาก้าวถอยหลังเล็กน้อยด้วยใบหน้าซีดเซียว
เจ้าเจ้าใช้ได้ถึงสามเขตแดนเลยหรือ ! หลางเทียนมองฉิงเฟิงด้วยความประหลาดใจ
พลังแห่งเขตแดนควบคุมได้ยากมากและหลางเทียนก็เป็นถึงยอดฝีมือระดับครึ่งก้าวจิตวิญญาณแท้จริงดังนั้นพูดได้เต็มปากว่าเขาเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์มาก แต่ก็ยังบรรลุแค่เพียงเขตแดนทะเลวารีเท่านั้น อย่างไรก็ตามฉิงเฟิงบรรลุถึงสามเขตแดนซึ่งมากกว่าหลางเทียนถึงสองสาย ไม่แปลกที่หลางเทียนจะรู้สึกประหลาดใจ
ยิ่งบรรลุเขตแดนมากเท่าใดก็ยิ่งมีความสามารถและศักยภาพในการต่อสู้มากขึ้นเท่านั้น
ฉิงเฟิงเป็นภัยคุกคามมากเกินกว่าที่ปล่อยให้มีชีวิตอยู่ชายหนุ่มคนนี้ต้องตายที่นี่ ไม่เช่นนั้นเขาจะเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเกาะแปซิฟิก หลางเทียนมุ่งมั่นมากที่จะฆ่าเขาให้ได้
หลางเทียนเป็นหัวหน้าตระกูลคาราเต้ทำไมถึงยังฆ่าหลี่ฉิงเฟิงไม่ได้อีก
ฉันรู้ว่าตระกูลคาราเต้เป็นหนึ่งในกองกำลังระดับซุปเปอร์ของเกาะแปซิฟิกที่มีทรงพลังมากแล้วตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น
นี่หมายความว่าหลี่ฉิงเฟิงก็เป็นคนของกองกำลังระดับซุปเปอร์งั้นหรือ มิฉะนั้นเขาคงจะไม่แข็งแกร่งเช่นนี้หรอก
ประชาชนโดยรอบต่างก็ถกเถียงกันด้วยความตกใจในสายตาของพวกเขา
กองกำลังผู้ฝึกยุทธ์โบราณของเกาะแปซิฟิกนั้นโดดเด่นพอๆกับกองกำลังผู้ฝึกยุทธ์ของหัวเซี่ยโดยปกติแล้วพวกเขาจะจัดอันดับกันตั้งแต่, ชั้นที่สาม ชั้นที่สอง ชั้นหนึ่ง และระดับซุปเปอร์ ซึ่งเป็นกองกำลังที่มีอำนาจมากที่สุด
สี่นิกายใหญ่ของหัวเซี่ยเป็นเพียงกองกำลังชั้นหนึ่งเท่านั้นพวกเขาจึงไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับผู้ฝึกตน อย่างไรก็ตาม ตำหนักโห่วเย่อหวงตี้และตำหนักร้อยบุปผานั้นต่างก็เป็นกองกำลังระดับซุปเปอร์ ดังนั้นพวกเขาจึงรู้ว่ามันมีโลกที่กว้างใหญ่กว่านี้
แม้แต่สมาชิกในกองกำลังระดับซุปเปอร์ก็ยังไม่แน่ว่าจะมีโอกาสได้พบกับผู้ฝึกตนแต่ฮวาเซียนจือและฉินเซียนจื่อต่างก็เป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอด โดยคนหนึ่งเป็นเทพธิดา ส่วนอีกคนเป็นบุตรสาวคนโตของจ้าวนิกาย พวกเธอจึงมีโอกาสได้มีปฏิสัมพันธ์กับผู้ฝึกตน
ห้าตระกูลใหญ่ของเกาะแปซิฟิกคือกองกำลังระดับซุปเปอร์ทั้งหมดและมีเพียงหัวหน้าตระกูลกับอาวุโสระดับสูงเท่านั้นที่สามารถติดต่อกับผู้ฝึกตนได้
กล่าวโดยสังเขปมีเพียงตัวตนหลักในหมู่กองกำลังระดับซุปเปอร์เท่านั้นที่สามารถติดต่อกับผู้ฝึกตนได้เพราะมันเป็นโลกที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
ผู้ฝึกตนทุกคนต่างก็ต้องการโอสถ,สมุนไพรและอัญมณีล้ำค่า สิ่งเหล่านี้ได้มาจากกองกำลังระดับซุปเปอร์ เพราะผู้ฝึกตนจะไม่ติดต่อกับกองกำลังทั่วๆไป
หลางเทียนรั้งพลังเขตแดนกลับคืนเขารู้ว่าฉิงเฟิงครอบครองพลังเขตแดนถึงสามสาย เขาไม่มีข้อได้เปรียบหากต้องสู้กันด้วยเขตแดน
หมัดคลื่นสมุทร
!!
หลางเทียนตะโกนแล้วชกหมัดขวาของเขาออกมามันก่อตัวเป็นเกลียวคลื่นขนาดใหญ่และพุ่งเข้าใส่อย่างรุนแรงไปที่ฉิงเฟิง
น้ำทะเลมีแรงและพลังงานที่ไร้ขอบเขตเมื่อมันพุ่งผ่านอากาศก็ก่อตัวเป็นคลื่นทะเลขนาดใหญ่ มันน่ากลัวเหมือนสึนามิ
ครืน!
ฉิงเฟิงระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งเขาหยิบกระบี่เพลิงคะนองออกมาและพลิกข้อมือโครจรพลังแท้ใส่ตัวกระบี่ ก่อให้เกิดลำแสงสีแดงขนาดมหึมา
เพลิงจันทร์เงิน
!!
กระบี่เพลิงคะนองในมือของฉิงเฟิงถูกใช้ออกด้วยกระบวนท่าที่สี่ในทันที
เขารู้ตัวว่าตอนนี้กำลังเผชิญหน้ากับหลางเทียนซึ่งเป็นยอดฝีมือระดับครึ่งก้าวจิตวิญญาณแท้จริงสามกระบวนท่าแรกของกระบี่เพลิงคะนองคงจะไม่มีผลใดๆต่อเขา ฉิงเฟิงจึงเลือกใช้กระบวนท่าที่ทรงพลังที่สุด
กระบี่เพลิงคะนองก่อตัวเป็นดวงจันทร์เพลิงสีเงินขนาดใหญ่และปะทะกับหมัดคลื่นสมุทรของคู่ต่อสู้ทันที
ปัง!
ราวกับการรวมกันของสึนามิและแผ่นดินไหวมิติทั่วทั้งพื้นที่เริ่มสั่นไหวเล็กน้อย เปลวไฟอันร้อนระอุและน้ำทะเลปะทะกันจะระเบิดออก ทั้งสองฝ่ายต่างพบกับศัตรูตามธรรมชาติของกันและกัน
เสียงระเบิดดังสนั่นสามารถได้ยินไปทั่วรอยปริแตกขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนพื้นเหมือนใยแมงมุมที่น่ากลัวซึ่งกระจายอยู่บนพื้นดิน
ฝุ่นและก้อนหินลอยกระเด็นไปทุกหนทุกแห่งแม้ว่าประชาชนที่ชมดูจะอยู่ห่างไกลแต่ก็ยังถูกก้อนหินพุ่งเข้าใส่ บ้างก็หลบทัน บ้างก็ถูกกระแทกเลือดออก
โชคดีที่พวกเขาอยู่ห่างจากจุดปะทะออกไปไกลพอสมควรถ้าหากพวกเขาอยู่ใกล้กว่านี้ พลังติดค้างเหล่านี้คงจะฆ่าพวกเขาอย่างแน่นอน
เมื่อฝุ่นที่ลอยคละคลุ้งในอากาศเริ่มจางลงก็เห็นร่างของชายทั้งสองยืนอยู่โดยไม่ขยับเขยื้อน ผลปรากฏว่าการปะทะในครั้งนี้ไม่มีใครเหนือกว่าใคร
ครึ่งก้าวจิตวิญญาณแท้จริงช่างทรงพลังจริงๆ…
ดวงตาของฉิงเฟิงเต็มไปด้วยร่องรอยของความตกใจ
กระบี่เพลิงคะนองซึ่งเป็นอาวุธวิญญาณระดับสูงของฉิงเฟิงนั้นเปี่ยมไปด้วยพลังมหาศาลเพียงสะบัดกระบี่เบาๆก็สามารถปลิดชีพแกรนด์มาสเตอร์ได้แทบทุกคนไม่เว้นแม้แต่แกรนด์มาสเตอร์ขั้นสูงสุด
แต่ตอนนี้หลางเทียนหัวหน้าตระกูลคาราเต้เพิ่งจะใช้หมัดลุ่นๆของเขาป้องกันพลังโจมตีที่รุนแรงของกระบี่เพลิงคะนองเอาไว้ได้สิ่งที่เกิดทำให้ฉิงเฟิงตกใจอย่างมาก
แน่นอนว่าถ้าหากฉิงเฟิงบ่มเพาะพลังจนถึงขั้นจิตวิญญาณแท้จริงเช่นเดียวกับหลางเทียนเขาย่อมฆ่าอีกฝ่ายได้แน่นอน แต่ตอนนี้ประจุพลังแท้ของเขาอยู่แค่ในระดับแกรนด์มาสเตอร์ เขาไม่สามารถปลดปล่อยพลังของกระบี่เพลิงคะนองออกมาได้อย่างเต็มที่
ฉิงเฟิงรู้สึกตกใจก็จริงแต่อีกฝ่ายกับตกใจยิ่งกว่า เพราะเขาเป็นถึงผู้ฝึกตนระดับจิตวิญญาณแท้จริง
โดยปกติแล้วผู้ฝึกตนแข็งแกร่งอย่างสุดขั้วแม้แต่ผู้ฝึกตนที่อ่อนแอที่สุดก็ยังมีพลังมากกว่าแกรนด์มาสเตอร์ขั้นสูงสุดถึงสองเท่า อย่างไรก็ตาม ฉิงเฟิงกลับบล็อกการโจมตีของหลางเทียนไว้ได้เช่นกัน สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เขาตกใจอย่างยิ่ง
หลางเทียนรู้ชัดเจนว่าเขาไม่สามารถโจมตีระยะไกลเพราะฉิงเฟิงมีกระบี่เพลิงคะนองแต่ถ้าหากเขาบุกโจมตีระยะประชิด ฉิงเฟิงก็จะไม่สามารถปลดปล่อยพลังของกระบี่ได้อย่างเต็มที่ ท้ายที่สุดแล้วอาวุธวิญญาณระดับสูงก็ทรงพลังเกินไป
วูบ!
หลางเทียนเคลื่อนไหวร่างกายอย่างรวดเร็วราวกับประกายสายฟ้าและออกหมัดชกเข้าใส่หัวใจของฉิงเฟิงอย่างหนักหน่วง
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าผู้ฝึกตนระดับวิญญาณแท้จริงนั้นเหนือชั้นกว่าผู้ฝึกยุทธ์แทบทุกด้านแม้ว่าฉิงเฟิงจะได้ชื่อว่ารวดเร็วที่สุดก็ยังตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวของหลางเทียนไม่ได้แม้แต่น้อยนิด มารู้สึกตัวอีกทีหมัดของหลางเทียนก็มาถึงเบื้องหน้าเขาแล้ว มันสายเกินกว่าที่จะต้านรับด้วยกระบี่เพลิงคะนอง เขาต้องสู้ด้วยร่างกายเท่านั้น
หมัดทลายนรกานต์
!!
ฉิงเฟิงง้างหมัดซ้ายและชกออกไปอย่างรุนแรงมันก่อให้เกิดกลุ่มก้อนพลังงานสีดำขนาดใหญ่ที่พุ่งเข้าปะทะกับหมัดคลื่นสมุทรของหลางเทียน
ตูม!!
หมัดชนหมัดปะทะกันในอากาศและทำให้เกิดเสียงอึกทึกจนแสบแก้วหู การปะทะกันครั้งนี้มีผลกระทบโดยรอบมากกว่าครั้งก่อน ซึ่งเป็นการโจมตีด้วยพลังแท้ แต่ครั้งนี้เป็นการปะทะกันระหว่างพลังทางกายภาพล้วนๆ
วังวนสีดำขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้นในอากาศมันเป็นอันตรายอย่างยิ่งเพราะมันเกิดจากพลังที่ทรงพลังเกินไปของพวกเขาทั้งสองจนก่อให้เกิดหลุมดำในอากาศ
ไม่เพียงแค่อากาศเท่านั้นแม้กระทั่งพื้นดินก็ยังก่อตัวเป็นหลุมดำกลมและเต็มไปด้วยรอยปริแตกมากมาย
แกร่กแกร่ก !!
ฉิงเฟิงไม่ขยับเขยื้อนหลังจากการปะทะครั้งนี้แต่หลางเทียนกลับต้องผงะถอยหลังไปถึงสองก้าว แม้กระทั่งหมัดที่แข็งกร้าวของเขายังรู้สึกสั่นระริก