หลี่ฉิงเฟิงคนผู้นี้อยู่ในระดับครึ่งก้าวจิตวิญญาณแท้จริง ให้ข้ารับมือกับเขาแทนท่านเอง ฮวาเซียนจือเผยอรอยยิ้มราวกับหว่านเสน่ห์ เธอก้าวออกมาข้างหน้าด้วยขาเรียวยาวของเธอและขวางทางเฮ่าหมิงไม่ให้โจมตีฉิงเฟิง
ฮวาเซียนจือมาจากตำหนักร้อยบุปผาซึ่งเป็นกองกำลังระดับท็อบของหัวเซี่ยดังนั้นเธอจึงรู้เกี่ยวกันการดำรงอยู่ของเหล่าผู้ฝึกตน ทันทีที่เธอเห็นเฮ่าหมิง เธอรับรู้ได้ทันทีว่าคนผู้นี้มีพลังในระดับจิตวิญญาณแท้จริง
ถึงแม้ว่าเฮ่าหมิงจะอยู่ในระดับครึ่งก้าวจิตวิญญาณแท้จริงแต่ฮวาเซียนจือก็ไม่หวาดหวั่น วิชาที่เธอฝึกปรือก็เป็นเคล็ดวิชาของผู้ฝึกตน ดังนั้นในการได้ประมือกับเฮ่าหมิงครั้งนี้อาจจะเป็นโอกาสที่ดีที่ทำให้เธอได้ข้ามผ่านขอบเขต นอกจากนี้เธอยังมีบัวกระจกเงาซึ่งเป็นอุปกรณ์วิญญาณชั้นสูงอีกด้วย นี่เป็นเหตุผลที่เธอไม่ต้องกังวลในการรับมือกับคนผู้นี้
ฮวาเซียนจือรู้ดีว่าฉิงเฟิงในตอนนี้มีพลังในอยู่ขีดขั้นสูงสุดของแกรนด์มาสเตอร์แต่พลังของผู้ฝึกตนนั้นเป็นดั่งโลกอีกโลกหนึ่ง เขาไม่มีทางรับมือเฮ่าหมิงได้ เธอจึงต้องลงมือช่วย
ขอบคุณ ฉิงเฟิงพยักหน้าและกล่าวขอบคุณเธอ
เขามั่นใจในความแข็งแกร่งของฮวาเซียนจือเป็นอย่างมากเพราะในทุกๆครั้งที่เขาเผชิญหน้ากับเธอ เขาจะรู้สึกหวั่นๆอยู่เสมอภายในใจ เธอมีพลังที่ลึกลับขุมใหญ่เก็บซ่อนไว้อยู่
ชาวเฟิงอู่ขวางทางเจิ้นเทียนในขณะที่ฮวาเซียนรับมือเฮ่าหมิง ตอนนี้จึงเหลือเพียงหลางเทียนเท่านั้นจากสามหัวหน้าตระกูล
หลางเทียนเป็นหนึ่งในสุดยอดฝีมือของเกาะแปซิฟิกและเป็นหัวหน้าตระกูลคาราเต้อีกทั้งยังเขาเป็นผู้ฝึกตนในระดับครึ่งก้าวจิตวิญญาณแท้จริงที่ทรงพลังอีกด้วย ทันทีที่เขาได้เห็นว่าแนวร่วมของเขากำลังถูกขัดขวาง เขาจึงรู้ว่าถึงเวลาต้องลงมือเองแล้ว เขาเดินไปหาฉิงเฟิงด้วยจิตสังหารทันที
ให้ข้ารับมือเขาแทนท่านเอง ฉินเซียนจื่อกล่าวกับฉิงเฟิงในขณะที่เดินออกมาบังหน้าเขา
เมื่อก่อนฉินเซียนจื่อไม่ได้แข็งแกร่งเท่าฉิงเฟิงแถมยังต้องพึ่งพาฉิงเฟิงอยู่เป็นประจำในตอนที่อยู่สุสานราชายาทิพย์อย่างไรก็ตามฉินเซียนจื่อเริ่มฟื้นฟูพลังกลับคืนมาได้และยังได้ฝึกฝนเคล็ดวิชาดัชนีจักรพรรดิเพลิงอันทรงพลังของนิกายอีกด้วย
นอกจากนี้พลังที่ซุกซ่อนอยู่ในร่างของเธอก็ยังไม่ตื่นขึ้นเต็มที่แต่เพียงเท่านี้ด้วยวัยของเธอก็ถือว่ามีศักยภาพที่น่ากลัวมากแล้ว
ฉิงเฟิงรู้ถึงระดับพลังของฉินเซียนจื่อดีแต่เขาก็ปฏิเสธที่จะให้เธอออกหน้า คนเหล่านี้มาเพื่อตามล่าเขา โดยที่ชาวเฟิงอู่และฮวาเซียนจือช่วยขวางไว้สองคนแล้ว ส่วนคนสุดท้ายเขาต้องรับมือเอง
คุณหนูฉินปล่อยฉันเอง ฉันต้องการรู้ศักยภาพของตัวเอง ฉิงเฟิงกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
เช่นเดียวกับฮวาเซียนจือฉิงเฟิงก็อยู่ในจุดสูงสุดของขอบเขตแกรนด์มาสเตอร์เช่นกัน สิ่งที่ทั้งคู่ต้องการนั้นเหมือนกันคือโอกาสในการตัดผ่านเข้าสู่อีกโลกหนึ่ง โลกของผู้ฝึกตน, ขอบเขตจิตวิญญาณแท้จริง เขาต้องการสู้กับหลางเทียนเพราะฝ่ายตรงข้ามคือครึ่งก้าววิญญาณแท้จริงหรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง เขาคือผู้ฝึกตนนั่นเอง
ฉินเซียนจื่อพยักหน้าและถอยกลับไปเธอรู้ว่าฉิงเฟิงกล้าพูดเช่นนี้เพราะเขาคงมีความมั่นใจเพียงพอ
หลี่ฉิงเฟิงเจ้ามันแค่เด็กน้อยที่อยู่ในจุดสูงสุดของแกรนด์มาสเตอร์เท่านั้น เจ้ากล้าลองดีกับข้างั้นหรือ ข้าจะแสดงให้เจ้าได้เห็นว่าผู้ฝึกตนนั้นมีพลังมากเพียงใด !
หลางเทียนกล่าวอย่างเย็นชาในขณะที่เขามองฉิงเฟิงด้วยความชิงชัง
ในฐานะที่เป็นหัวหน้าตระกูลคาราเต้และสุดยอดฝีมือของเกาะแปซิฟิกหลางเทียนมีพลังที่น่าหวาดกลัวมาก เขาเก็บตัวเงียบอยู่ในตระกูล ขนาดตัวตนระดับนายกรัฐมนตรีของประเทศยังยากที่จะได้พบหน้าเขา แต่วันนี้เขากลับปรากฏตัวขึ้นเพื่อฆ่าชายหนุ่มคนหนึ่งอย่างหลี่ฉิงเฟิง
เลิกพล่ามได้แล้วเข้ามาเลย ! วันนี้ฉันขอดูหน่อยว่าผู้ฝึกตนของเกาะแปซิฟิกนั้นจะแข็งแกร่งแค่ไหน ! ฉิงเฟิงกล่าวอย่างหนักแน่น ในใจเต็มไปด้วยความกระหายการต่อสู้
เจ้าหนูอย่าโอหังให้มากนัก เจ้ากำลังหาที่ตาย การแสดงออกของหลางเทียนเปลี่ยนไปหลังจากได้ยินคำพูดยโสโอหังของฉิงเฟิง
หลางเทียนย่างก้าวไปหาฉิงเฟิงช้าๆโดยที่ระดับกลิ่นอายพลังพวยพุ่งขึ้นทุกก้าวมวลอากาศรอบตัวเขาแปรเปลี่ยนเป็นคลื่นน้ำ เมื่อเขามาถึงตัวฉิงเฟิงคลื่นนับไม่ถ้วนก็ล้อมรอบตัวเขา ปฏิเสธไม่ได้ว่ายอดฝีมือระดับครึ่งก้าวจิตวิญญาณแท้จริงนั้นช่างทรงพลังเหลือคณาเพียงแค่เดินธรรมดาๆก็สามารถรวบรวมพลังแท้ของมวลน้ำให้อยู่ในอากาศได้อย่างรวดเร็ว
ผู้ฝึกตนธาตุน้ำ
!
ฉิงเฟิงเริ่มตื่นตัวขึ้นทันทีในขณะที่เขาสังเกตเห็นออร่าของมวลน้ำที่หนาแน่นบนตัวคู่ต่อสู้มันเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ถึงการฝึกฝนพลังแท้ธาตุน้ำ
ฮ่าๆๆฉันฝึกฝนพลังแท้ธาตุไฟ เหมาะเจาะที่จะสู้กับคู่ต่อสู้ธาตุน้ำอย่างยิ่ง
ฉิงเฟิงหัวเราะในใจอย่างตื่นเต้น
เขตแดนเพลิงพินาศ
!!
ฉิงเฟิงตะโกนเสียงดังและปลดปล่อยเขตแดนเพลิงพินาศออกมาทันที
เปลวเพลิงพวยพุ่งขึ้นล้อมรอบเขาร่วมสิบเมตรมันแผ่ความร้อนที่ร้อนระอุออกมาและทำให้แม้แต่พื้นดินก็ยังต้องไหม้เกรียม
หึเขตแดนทะเลวารี
หลางเทียนยิ้มอย่างเย็นชาและปลดปล่อยพลังเขตแดนของเขา
น้ำทะเลสีฟ้าล้อมรอบพวกเขากินรัศมีถึงยี่สิบเมตรน้ำทะเลถูกควบแน่นด้วยพลังของพลังแท้ธาตุน้ำของหลางเทียนและมันยังมีพลังงานเยือกแข็ง มันพุ่งเข้าหาเขตแดนเพลิงพินาศราวกับมหาสมุทรที่บ้าคลั่งและดับเปลวเพลิงทั้งหมด
อั่ก
!!
เขตแดนเพลิงพินาศถูกยับยั้งซึ่งสร้างอาการบาดเจ็บให้ฉิงเฟิงอย่างหนักจนเขากระอักเลือดคำโตออกมา
บ้าชิบ…ฉันประเมินความสามารถของหลางเทียนต่ำเกินไป
ฉิงเฟิงหน้าซีดและปรากฏร่องรอยของความเสียใจที่ประเมินคู่ต่อสู้ต่ำไป
ไฟสามารถเอาชนะน้ำได้แต่น้ำก็สามารถเอาชนะไฟได้เช่นกัน เมื่อมีเปลวไฟที่เพียงพอมันจะสามารถทำให้น้ำระเหยไปในอากาศซึ่งในทำนองเดียวกันน้ำก็สามารถดับไฟที่ร้อนแรงได้เช่นกันถ้ามีมวลของน้ำมากพอ ธาตุธรรมชาติทั้งสองมีองค์ประกอบที่คานพลังของกันและกัน พวกมันเป็นศัตรูตามธรรมชาติ
เขตแดนเพลิงพินาศของฉิงเฟิงเป็นเขตแดนที่มีอำนาจการทำลายล้างในรัศมีสิบเมตรมีเปลวเพลิงหนึ่งร้อยห้าสิบลูก ก่อนหน้านี้เขาสร้างเปลวในเขตแดนได้เพียงหนึ่งร้อยลูก แต่ตอนนี้เมื่อมาถึงจุดสูงสุดของแกรนด์มาสเตอร์จึงทำให้เขาสร้างได้ถึงหนึ่งร้อยห้าสิบ อย่างไรก็ตามเขตแดนทะเลวารีของหลางเทียนนั้นกินรัศมีถึงยี่สิบเมตรและยังมีเสาทะเลวารีถึงสองร้อยเสา !
ทะเลวารีสองร้อยเสาจึงสามารถดับเปลวไฟได้ง่ายๆมันเป็นการคำนวนทางคณิตศาสตร์อย่างหยาบๆ
หลี่ฉิงเฟิงเขตแดนเพลิงพินาศที่เจ้าภูมิใจถูกทำลายแล้ว เจ้าแพ้แล้ว มีอะไรจะพูดก่อนตายหรือไม่ หลางเทียนแสยะยิ้มอย่างสูงส่งเย่อหยิ่งในขณะมองไปที่ฉิงเฟิงที่ทรุดลงกับพื้น
เจ้าหนูอย่าใช้พลังเขตแดน มันมีพลังในระดับครึ่งก้าวจิตวิญญาณแท้จริงและมีประจุพลังของเขตแดนที่เหนือกว่าเจ้า การใช้โจมตีด้วยอาวุธวิญญาณซะ !
เสียงที่ดูร้อนใจของจักรพรรดิราตรีผ่านเข้ามาในหัวของฉิงเฟิงและกล่าวเตือนเขาทันที
ฉิงเฟิงพยักหน้าเพราะเขารู้ว่าจักรพรรดิราตรีผู้มีประสบการณ์มากกว่ากล่าวถูกต้องเขาไม่มีประจุพลังแท้เท่ากับคู่ต่อสู้ จึงเป็นธรรมดาที่พลังเขตแดนที่เขาใช้ออกมาถึงไม่อาจต่อกรกับพลังเขตแดนของอีกฝ่ายได้ นอกจากนี้ระดับการบ่มเพาะของเขายังต่ำกว่าเช่นกัน ดังนั้นสิ่งที่เขาต้องทำก็คือพึ่งพาอาวุธวิญญาณ
เช้ง!!
ฉิงเฟิงชักกระบี่เพลิงคะนองออกมาทันทีและกระชับแน่นไว้ข้างหน้าเขาพลังกระบี่อันรุนแรงฉีกทะลุอากาศและพุ่งขึ้นไปบนฟ้าสูงนับสิบเมตร
หืม เด็กน้อยอย่างเจ้าครอบครองอาวุธวิญญาณขั้นสูงขนาดนี้ได้อย่างไร ?
การแสดงออกของหลางเทียนเปลี่ยนไปเป็นประหลาดใจเล็กน้อย
อุปกรณ์วิญญาณขั้นสูงนั้นหาได้ยากยิ่งแม้แต่เขาในฐานะหัวหน้าตระกูลและเป็นผู้ฝึกตนก็ยังครอบครองอุปกรณ์วิญญาณระดับสูงแค่ชิ้นเดียวเท่านั้นซึ่งก็คือเกาะอ่อนไหมทอง อุปกรณ์จิตวิญญาณนั้นมีหลายประเภทหลายชนิดแตกต่างกันไปมีทั้งโจมตี ป้องกัน ลวงตาและอื่นๆ
กระบี่เพลิงคะนองของฉิงเฟิงนั้นเป็นอุปกรณ์วิญญาณสายโจมตีระดับสูงส่วนเกราะไหมทองของหลางเทียนนั้นเป็นอุปกรณ์วิญญาณสายป้องชั้นสูง เมื่อได้เห็นกระบี่ที่ลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิงอันทรงพลังของฉิงเฟิง เขาก็หลงรักมันเข้าแล้ว
หลี่ฉิงเฟิงมอบกระบี่ของเจ้ามา หลางเทียนกล่าวกับฉิงเฟิงด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความลุ่มหลง
ฉิงเฟิงยกแขนขึ้นปาดเลือดที่มุมปากและกล่าวว่า แกสมองทึบเหรอ เห็นๆอยู่ว่ากระบี่นี้เป็นของฉัน จะขอกันหน้าด้านๆแบบนี้เลยรึไง ?
เจ้าหนูเจ้ากล้าดียังไงถึงปากเสียใส่ข้า เตรียมตัวรับความตายได้แล้ว
หลางเทียนคำรามออกมาด้วยโทสะและปลดปล่อยเขตแดนทะเลวารีออกมาอีกครั้งมันก่อตัวเป็นคลื่นสูงถึงยี่สิบฟุตจากระดับน้ำทะเลและมากเป็นสองเท่าของผู้ใช้ที่อยู่ในขอบเขตแกรนด์มาสเตอร์ มันโหมกระหน่ำเข้าใส่ฉิงเฟิงทันที หมายจะกลบฝังเขาในมวลน้ำมหาศาลนี้
ฮึ่ม
!
เขตแดนแรงโน้มถ่วง
!
เขตแดนพายุ
!
ฉิงเฟิงคำรามกึกก้องและใช้ออกด้วยเขตแดนทั้งสองพร้อมกันยอดฝีมือผู้นี้สยบเขตแดนเพลิงพินาศของเขาไปแล้ว แต่ด้วยสองเขตแดนผสาน เขาไม่น่าจะพ่ายในยกนี้