คุณหนูฉิน,ฮวาเซียนจือ ขอบคุณมากสำหรับโอสถล้ำค่า ฉิงเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้มกับพวกเธอ
ฉิงเฟิงได้ฟังจากลู่ซวนจี๋ว่าเขาได้รับการช่วยเหลือจากโอสถล้ำค่าของผู้หญิงทั้งสองคนนี้
ตัวเขาเองก็เป็นนักปรุงยาและยังมีตำราปรุงยาของราชายาทิพย์เซียวหยุนเขาจึงตระหนักดีถึงเวลาและความพยายามที่จะปรุงยาพวกนี้ให้ได้สักเม็ดหนึ่ง ซึ่งการฟื้นฟูสภาพร่างกายโดยสมบูรณ์นี้เป็นเพราะพวกเธอทั้งคู่
ฉินเซียนจื่อและฮวาเซียนจือต่างก็ยิ้มเล็กน้อยพวกเธอทั้งคู่ผ่านประสบการณ์ในการเดินทางและร่วมเป็นร่วมตายกับเขามานานพอสมควร ดังนั้นความสัมพันธ์ของพวกเธอกับฉิงเฟิงจึงไม่ใช่แค่ผิวเผินอีกต่อไป
ทันใดนั้นเองฉิงเฟิงก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าเขาได้กินหญ้ามังกรที่เดิมทีวางแผนที่จะใช้มันในการปรุงยาเพื่อช่วยชีวิตพ่อของฉินเซียนจื่อไปแล้ว
คุณหนูฉินฉันต้องขอโทษด้วย ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินฉันได้กินหญ้ามังกรไปเสียแล้ว ฉันจะหาต้นอื่นมาชดเชยให้คุณ ฉิงเฟิงกล่าวพร้อมกับมองไปที่ฉินเซียนจื่อด้วยสีหน้าขอโทษ
มันเป็นครั้งแรกที่ฉิงเฟิงรู้สึกอยากขอโทษต่อผู้หญิงเขาไม่ได้รักษาสัญญาที่ให้ไว้แก่เธอ อีกทั้งเธอยังอุตส่าห์ใช้โอสถชั้นสูงช่วยเหลือเขาอีก
ไม่ต้องคิดมากข้าเชื่อใจท่าน ฉินเซียนจื่อกล่าวด้วยรอยยิ้มอันงดงาม
หากเป็นผู้หญิงคนอื่นๆก็คงจะโกรธเคืองเขาไปแล้วแต่ไม่ใช่กับฉินเซียนจื่อ เธอเป็นผู้ที่มีเหตุผลพอและเธอก็เชื่อมั่นในตัวฉิงเฟิงอย่างสุดใจ สำหรับเธอแล้วเขาเป็นผู้ชายที่รักษาคำพูด เขามักจะทำตามสัญญาเสมอ
ฉิงเฟิงพยักหน้าและซาบซึ้งที่ฉินเซียนจื่อเข้าใจเขา จากนั้นทุกคนก็มุ่งหน้ากลับไปยังหัวเซี่ยทันที
ถึงแม้ว่าหลี่ฉิงเฟิงจากไปแล้วแต่เกาะแปซิฟิกก็ยังคงตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย
ตระกูลเคนโด้,บูชิโด, และคาราเต้เป็นตระกูลที่ทรงพลังที่สุดของเกาะแปซิฟิก พวกเขาครอบครองที่ดิน ทรัพยากรและผลประโยชน์ในเชิงธุรกิจของเกาะแปซิฟิกมากกว่าครึ่ง
ในเมื่อตอนนี้ทั้งสามตระกูลได้สูญเสียผู้นำและผู้อาวุโสไปด้วยน้ำมือของหลี่ฉิงเฟิงสองขั้วอำนาจใหญ่ที่เหลือของเกาะแปซิฟิกซึ่งก็คือตระกูลดาบปีศาจและตระกูลนินจาก็เริ่มเริ่มบุกโจมตีพวกเขาทันที
กองกำลังต่างๆบนเกาะแปซิฟิกเข้าสู่สภาวะสงครามเพื่อแย่งชิงดินแดนและอำนาจทางการเงิน
ข่าวการแข่งขันวิทยายุทธ์และเหตุการณ์ที่ตามมาต่างๆบนเกาะแปซิฟิกได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งทวีปมังกรราวกับไฟลามทุ่งตอนนี้ชื่อเสียงของฉิงเฟิงได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วไปทั่วทั้งทวีป เนื่องจากเขาถูกขนานนามว่าเป็นหนึ่งในบุคคลที่น่ากลัวที่สุดในโลก
บางส่วนของทวีปมังกรยกตัวอย่างเช่นสาวกคนหนึ่งของนิกายชาแมนที่ก่อนหน้านี้ถูกฉิงเฟิงสังหาร ทำให้นิกายชาแมนมองเขาว่าเป็นปีศาจและพยายามจะหาทางล้างแค้น
แน่นอนว่ามันเป็นแค่ข่าวซุบซิบเพราะในตอนนี้นิกายชาแมนนั้นไม่กล้าพอที่จะมาแก้แค้นฉิงเฟิง ชายคนนี้เพิ่งจะสังหารผู้อาวุโสที่แข็งแกร่งของนิกายไปถึงสามคน เขาแข็งแกร่งเกินไป
ในตอนนี้ฉิงเฟิงได้อยู่ในลิสต์บุคลที่น่ากลัวที่สุดราวกับปีศาจของทวีปมังกรไปแล้ว
ซึ่งเจ้าตัวนั้นไม่ได้รับรู้เรื่องพวกนี้แม้แต่น้อยแต่ต่อให้เขารู้ เขาก็ไม่ใส่ใจ เพราะชื่อเสียงฐานะนั้นถือเป็นเรื่องไร้สาระในสายตาของเขา เขาไม่ใช่ปีศาจถ้าหากอีกฝ่ายไม่ได้จ้องจะเอาชีวิตหรือทำให้เขาเดือดร้อน ที่จริงเขาเป็นพวกรักสงบด้วยซ้ำ ถ้าให้มองอย่างเป็นกลางหลี่ฉิงเฟิงจัดว่าเป็นชายผู้มีคุณธรรม เขาตอบแทนหนี้บุญคุณและตอบโต้ผู้ที่ปองร้าย เขาใจดีกับมิตรสหายและดุร้ายต่อศัตรู
ฉิงเฟิงเดินออกจากห้องหลังจากที่เขาฟื้นฟูพลังแท้เมื่อได้ออกมาสูดอากาศและเห็นทะเลที่กว้างใหญ่ เขาก็จมลึกอยู่ในความคิด
การเดินทางครั้งได้ผลตอบแทนอย่างเหลือเชื่อเขาได้ช่วยชีวิตสองราชาอสูรอีกทั้งยังได้ช่วยราชาอสูรค้างคาวม่วงจากนิกายแวมไพร์ รวมไปถึงได้รับมุกอัสนีฟ้าและรับสืบทอดเพลงหมัดมังกรเพลิงอีกด้วย กล่าวได้ว่าการเดินทางมายังเกาะแปซิฟิกครั้งนี้เต็มไปด้วยคุณประโยชน์ต่อเขา
เขาไม่เพียงได้รับสมบัติล้ำค่ามากมายเท่านั้นแต่ยังได้ผ่านการต่อสู้จนเริ่มเห็นสัญญาณของการทะลวงผ่านอีกด้วย สิ่งเดียวที่ขาดหายไปก็คือโอกาส
ใช่แล้วโอกาส เขารู้สึกว่าเขากำลังจะทะลวงขีดขั้นในไม่ช้าแต่ร่างกายของเขาขาดพลังแท้สะสมในตันเถียนจึงทำให้ไม่อาจทะลวงผ่านไปได้
แม้ว่าจะยังไม่ทะลวงผ่านในตอนนี้แต่สัญชาตญาณบอกแก่เขาว่าอีกไม่นานเขาจะก้าวเข้าสู่ขอบเขตจิตวิญญาณแท้จริง สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือการสะสมพลังแท้ในร่างกายอย่างต่อเนื่อง การทะลวงผ่านจะเกิดขึ้นเมื่อถึงเวลา
ฉิงเฟิงยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือและเหม่อมองดูคลื่นทะเลในมหาสมุทรวาฬแหวกว่ายอยู่ในน่านน้ำที่ห่างไกล
บางทีมันอาจเป็นเพราะกลิ่นของมนุษย์บนเรือรบมีวาฬตัวหนึ่งเริ่มว่ายเข้าหาเขา วาฬตัวนี้ใหญ่มาก มันยาวกว่ายี่สิบเมตร มันมีผิวสีน้ำเงินเข้มซึ่งสอดคล้องกับสีของน้ำทะเลลึก ดูเปี่ยมไปด้วยพลังอย่างน่าเหลือเชื่อ
อย่างไรก็ตามเมื่อวาฬเข้ามาใกล้ฉิงเฟิงมากขึ้น ร่องรอยของความหวาดกลัวก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของมัน วาฬตัวนี้สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่น่ากลัวของเขา ซูม!!
ทันใดนั้นเองวาฬก็กระโจนหัวลงสู่มหาสมุทรสร้างเสียงอึกทึกคลื่นน้ำทะเลซัดกระเซ็นสูงหลายสิบเมตร มันเหลียวมองฉิงเฟิงอีกครั้งและว่ายจากไปอย่างรวดเร็ว
วาฬตัวหนึ่งก็สามารถก้าวเข้าขอบเขตแห่งการบ่มเพาะได้น่าสนใจจริงๆ
ฉิงเฟิงมองวาฬที่ว่ายจากไปเขายิ้มเล็กน้อยและไม่ได้ไล่ตามไป
ต้องยอมรับว่ามหาสมุทรนั้นลึกลับอย่างเหลือเชื่อครั้งที่แล้วเขาก็ถูกโจมตีด้วยปลาหมึกยักษ์ ตอนนี้ก็เป็นวาฬที่สามารถบ่มเพาะพลังได้
ฉิงเฟิงรู้สึกได้ถึงพลังงานจากร่างกายของวาฬมันเป็นพลังงานของการบ่มเพาะพลัง ฉิงเฟิงยังต้องปลดปล่อยพลังสะกดข่มออกไปเล็กน้อยต่อมัน ซึ่งทำให้มันหนีไปในฉับพลัน
หลี่ฉิงเฟิงท่านสนใจที่จะเข้าร่วมกับตำหนักร้อยบุปผาของข้าหรือไม่ ในขณะที่ฉิงเฟิงกำลังจมอยู่กับความคิดเรื่องวาฬตัวนั้นเขาก็ถูกรบกวนด้วยเสียงใสๆที่ดังขึ้นในกระทันหัน
เสียงนี้เป็นของฮวาเซียนจือเธอยังคงสวมผ้าคลุมปิดหน้าเช่นเคย แต่ถึงอย่างนั้นเราก็สามารถเห็นเค้าโครงหน้าอันงดงามของเธอผ่านผ้าคลุมหน้าลายลูกไม้สีขาวได้ ดวงตาของเธอมีเสน่ห์มาก มันเปล่งประกายอย่างน่าหลงใหลซึ่งทำให้ผู้ที่จ้องมองอาจจะตกหลุมรักได้ด้วยการมองเพียงครั้งเดียว
สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือเสียงที่มีเสน่ห์ของเธอมันมีเสน่ห์อย่างพิเศษ มันอ่อนโยนและฟังดูลื่นหูจนทำให้ผู้ฟังอยากได้ยินเสียงของเธอไม่หยุด
ถึงแม้ว่าฮวาเซียนจือจะงดงามและมีเสียงที่เต็มไปด้วยเสน่ห์แต่ฉิงเฟิงก็ไม่ได้เห็นด้วยกับคำเชิญของเธอ
ต้องขออภัยด้วยแต่ตอนนี้ฉันไม่สนใจที่จะเข้าร่วมกับกองกำลังใดๆ ฉิงเฟิงกล่าวขอโทษและปฏิเสธอย่างสุภาพ ฮวาเซียนจือเพิ่งจะใช้โอสถล้ำค่าของเธอเพื่อช่วยรักษาเขาแต่ตอนนี้เขากลับปฏิเสธเธอเขารู้สึกเสียใจต่อผู้หญิงคนนี้มาก
ฮวาเซียนจือมิได้โกรธเคืองเธอยิ้มอย่างอ่อนหวานและกล่าวว่า หลี่ฉิงเฟิง ตอนนี้ท่านคงรู้สึกได้ถึงพลังของผู้ฝึกตนแล้ว ตัวตนเหล่านี้แข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกยุทธ์ทุกคน พวกเขามีพลังในการเคลื่อนคล้อยสวรรค์และปฐพี พวกเขาแข็งแกร่งเหนือความเข้าใจของมนุษย์
หลี่ฉิงเฟิงข้ารู้ว่าท่านแข็งแกร่งทรงพลัง แต่หัวหน้าตระกูลทั้งสามของเกาะแปซิฟิกที่ท่านสังหารไปนั้นเป็นเพียงแค่ผู้ฝึกตนระดับครึ่งก้าวจิตวิญญาณแท้จริง หากวันนึงถ้าต้องเผชิญหน้ากับผู้ฝึกตนในขอบเขตจิตวิญญาณแท้จริง หรือขอบเขตจิตโลกา หรือขอบเขตสวรรค์ขึ้นมา ท่านคิดจริงๆหรือว่าจะหยุดพวกเขาได้
หลี่ฉิงเฟิงหากท่านเข้าร่วมกับเรา อย่างน้อยที่สุดพวกเราสามารถรับประกันความปลอดภัยของท่านได้ ฮวาเซียนจือไม่ยอมแพ้เธอยังคงโน้มน้าวฉิงเฟิงต่อไปเพราะเธอประทับใจในพรสวรรค์และความสามารถของเขาอย่างแท้จิง