ก่อนหน้านี้ฉิงเฟิงก็คิดจะใช้สายฟ้าเพื่อโจมตีเฮลคิงแต่เขาก็ไม่รู้ว่ามันจะได้ผลแค่ไหน เนื่องจากกระบี่ในมือของเฮลคิงก็เป็นอาวุธวิญญาณระดับสูงที่ทรงพลัง
แต่หลังจากได้ยินคำชี้แนะจากจักรพรรดิราตรีฉิงเฟิงก็ตื่นเต้นยินดีเป็นอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตามเขาก็รู้ด้วยว่าเขามีโอกาสเพียงครั้งเดียวเท่านั้นที่จะทำลายกระบี่ของเฮลคิงเพราะพลังสายฟ้าจากมุกอัสนีฟ้านั้นใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
ฉิงเฟิงไม่รีรอเขารีบหยิบมุกอัสนีฟ้าออกมาและโคจรพลังแท้ของเขาเข้าไปในนั้น ระหว่างกระบวนการนี้เขาแกล้งทำเป็นสู้พลางถอยพลางเพื่อมิให้เฮลคิงได้รู้ตัว
เฮลคิงฉันจะให้โอกาสแกเป็นครั้งสุดท้าย ปล่อยตัวหรูหยานซะเดี๋ยวนี้และฆ่าตัวตายซะ ฉันจะเหลือศพนายไว้ ถ้าไม่เช่นนั้น ทั้งวิญญาณและร่างกายของแกจะสูญสลายไปจากโลกนี้ ฉิงเฟิงยิ้มเยาะ
เมื่อได้ยินคำพูดของฉิงเฟิงดวงตาของเฮลคิงก็เต็มไปด้วยการเยาะเย้ยถากถาง เขาคิดว่าฉิงเฟิงกำลังอวดเก่ง
วิชากระบี่ภูติอสูรฟาดฟันต่อเนื่อง ! เฮลคิงโห่ร้องออกมาและฟาดกระบี่ใส่ฉิงเฟิงทันทีโดยไม่สนคำพูดของเขา
กระบวนท่านี้ของเขาเป็นกระบวนท่าที่ทรงพลังที่สุดมันฟาดฟันพลังกระบี่ออกมาถึงสามครั้งต่อเนื่องกันและก่อตัวเป็นพลังกระบี่สามสายที่ทรงพลัง พวกมันพุ่งผ่านอากาศจนเกิดรอยแยกสีดำขนาดใหญ่สามรอย
พลังงานแท้จำนวนมหาศาลระเบิดขึ้นบนท้องฟ้าและพุ่งเข้าใส่ฉิงเฟิงหมายจะปลิดชีวิตเขา
เทพสายฟ้าได้โปรดให้ผมยืมพลังและส่งสายฟ้าออกมาผ่าใส่ไอ้ตัวบัดซบผู้นี้ด้วยเถอะ ฉิงเฟิงพูดพึมพัมกับมุกอัสนีฟ้าที่อยู่ในมือของเขา เฮลคิงหัวเราะออกมาทันทีเพราะเขาคิดว่าฉิงเฟิงกำลังเล่นตลกบางอย่างพวกเขาอยู่ใต้พื้นดินลึกลงมาหลายร้อยเมตรซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะมีฟ้าผ่า
แต่ทว่าก่อนที่รอยยิ้มบนใบหน้าของเฮลคิงจะจางหายก็ปรากฏสายฟ้าสีแดงเข้มขึ้นและพุ่งเข้าหาเขาทันที
เฮลคิงหวาดกลัวและกรีดร้องออกมาเหมือนเด็กผู้หญิงคนหนึ่งวิชาที่เขาบ่มเพาะเป็นวิชาที่เต็มไปด้วยความชั่วร้ายซึ่งหวาดกลัวต่อสายฟ้าและไฟมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสายฟ้า มันคือจุดอ่อนที่สุดของเขา
เฮลคิงไม่อาจเข้าใจได้เลยว่าทำไมถึงมีสายฟ้าในที่นี้ได้เนื่องจากพวกเขาอยู่ใต้พื้นดินหลายร้อยเมตรอีกทั้งยังมีสายล่อฟ้าซึ่งป้องกันฟ้าผ่าเป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรมันก็ไม่สำคัญอีกต่อไปเพราะเฮลคิงรู้เต็มอกว่าเขาไม่อาจโดนสายฟ้าได้ ไม่งั้นเขาจะตายทันที เฮลคิงต้องการจะหลบเลี่ยงแต่สายฟ้าพวกนี้ก็รวดเร็วเกินไป ในช่วงเวลาวิกฤตเขาก็โยนกระบี่ในมือไปบนอากาศทันที
กระบี่เล่มนี้เป็นอาวุธวิญญาณร้ายซึ่งเต็มไปด้วยพลังวิญญาณที่ชั่วร้ายสายฟ้าที่พุ่งเข้าหาตัวเขาเบี่ยงเป้าหมายไปที่กระบี่ภูติอสูรทันที
เปรี้ยง!!
กระบี่ภูติอสูรแตกเป็นชิ้นๆและสูญสลายไปภายใต้สายฟ้าอันเกรี้ยวกราดทันที
เฮลคิงสามารถรอดชีวิตมาได้เพราะเขาเอากระบี่ไปรับสายฟ้าแทน
ฉิงเฟิงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเพราะเดิมทีเขาต้องการใช้สายฟ้าในการฆ่าเฮลคิงไปด้วยแต่ไม่คาดคิดว่าเฮลคิงจะฉลาดและมีไหวพริบในช่วงวินาทีสุดท้าย
ฉิงเฟิงยังไม่อาจควบคุมพลังนี้ได้เต็มที่แม้ว่าเขาจะสามารถเรียกสายฟ้าออกมาเพื่อโจมตีได้ แต่เขาก็ไม่สามารถควบคุมเป้าหมายและทิศทางของสายฟ้าได้อย่างแม่นยำ
หากเทคนิคนี้สมบูรณ์แบบเมื่อใดพลังสายฟ้านี้สามารถใช้เป็นดั่งขีปนาวุธ มันสามารถโจมตีไปได้ทุกที่ที่ฉิงเฟิงต้องการ
แม้ว่าเฮลคิงจะปลอดภัยแต่อาวุธวิญญาณของเขาก็ถูกทำลายและสูญเสียประสิทธิภาพในการรบไม่น้อย
คลื่นเพลิงโหมกระหน่ำ
!!
ฉิงเฟิงคำรามออกมาและใช้กระบวนท่าที่สามในทันที
คลื่นของเปลวเพลิงก่อตัวขึ้นและโหมเข้าใส่เฮลคิงด้วยพลังและแรงกดดันของมัน
ช่องว่างที่คลื่นพุ่งผ่านนั้นถูกเผาไหม้และเกิดเสียงระเบิดขึ้น
การแสดงออกของเฮลคิงเปลี่ยนไปเขารู้ว่าเขาเป็นดั่งเสือไร้เขี้ยวเพราะอาวุธของเขาถูกทำลาย
เขตแดนภูติอสูร
!!
ในช่วงเวลาที่สำคัญนี้เฮลคิงได้ปลดปล่อยเขตแดนของเขาออกมา
ทั่วทั้งพื้นที่ถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีดำมืดและมีวิญญาณชั่วร้ายเต็มพื้นที่วิญญาณชั่วเหล่านี้พยายามปิดกั้นคลื่นเปลวเพลิงอันร้อนแรงและเสียสละตัวเองเพื่อช่วยเฮลคิง
เขตแดนของแกรนด์มาสเตอร์นั้นกินพื้นที่ประมาณ10 เมตรในขณะที่ยอดฝีมือระดับจิตวิญญาณแท้จริงจะมีขนาดของเขตแดนถึง 20 เมตร อดพูดไม่ได้ว่าเฮลคิงแข็งแกร่งขึ้นมากมายนัก เขามีพลังในระดับครึ่งก้าวจิตวิญญาณแท้จริงเลยทีเดียว
ถึงแม้ว่าคลื่นเปลวเพลิงของฉิงเฟิงจะร้อนแรงและทรงพลังซึ่งเป็นดาวข่มของวิญญาณชั่วร้ายแต่พวกมันก็มีจำนวนมากเกินไปในเขตแดนภูติอสูร คลื่นเพลิงของเขาไม่อาจแผดเผาพวกมันทั้งหมดได้ในระยะเวลาสั้นๆ
การแสดงออกของฉิงเฟิงเปลี่ยนไปเพราะเขารู้ว่าเขตแดนนี้ทรงพลังเพียงใดเขาต้องตอบโต้ด้วยเขตแดนของเขาเท่านั้น
เขตแดนแรงโน้มถ่วง
!
ฉิงเฟิงปลดปล่อยเขตแดนแรงโน้มถ่วงออกมาเพราะเขาคิดว่ามันจะมีประโยชน์กว่าเขตแดนอื่นๆของเขา
เป็นอย่างที่เขาคิดไม่มีผิดเขตแดนแรงโน้มถ่วงสามารถถ่วงวิญญาณชั่วร้ายเหล่านี้และจำกัดการเคลื่อนไหวของพวกมันได้
วิญญาณชั่วร้ายสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระภายในเขตแดนและสามารถหลบเลี่ยงคลื่นเปลวเพลิงได้แต่ตอนนี้พวกมันไม่สามารถหลบได้อีกต่อไปเพราะพวกมันถูกหน่วงไว้โดยเขตแดนแรงโน้มถ่วงของฉิงเฟิง
วิญญาณชั่วร้ายจำนวนมากชะงักอยู่กับที่และถูกเปลวเพลิงแผดเผาฉิงเฟิงตัดสินใจที่จะเติมไฟเข้าไปอีกเนื่องจากเขตแดนภูติอสูรของเฮลคิงนั้นมีขนาดใหญ่เกินไป
เขตแดนเพลิงพินาศ
!
ฉิงเฟิงปลดปล่อยเขตแดนของเขาออกมาอีกครั้ง
แผนของฉิงเฟิงคือชะลอการเคลื่อนไหวของวิญญาณชั่วร้ายเหล่านี้ด้วยเขตแดนแรงโน้มถ่วงก่อนจากนั้นจึงเผาพวกมันด้วยเขตแดนเพลิงพินาศซ้ำอีกที
เขตแดนเพลิงพินาศที่มีรัศมีขนาด10 ฟุตก่อตัวขึ้นและเต็มไปด้วยเปลวเพลิงอันร้อนระอุ
วิญญาณชั่วร้ายจำนวนมากต่างก็ส่งเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดขณะที่พวกมันถูกเปลวเพลิงเผาไหม้
มันใช้เวลาไม่นานในการเผาผลาญวิญญาณร้ายทั้งหมดภายในเขตแดนภูติอสูรแม้กระทั่งหมอกควันสีดำก็ถูกเผาจนหมดสิ้นเช่นกัน
เฮลคิงหน้าซีดเซียวและกระอักเลือดออกมาเขตแดนภูติอสูรก่อตัวขึ้นด้วยพลังชีวิตดั้งเดิมของเขา เขาจึงได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงหลังจากมันถูกฉิงเฟิงทำลายลง
เฮลคิงตกตะลึงอย่างมากกับความแข็งแกร่งของฉิงเฟิงไม่เพียงแค่อาวุธวิญญาณชั่วร้ายขั้นสูงของเขาเท่านั้นที่ถูกทำลาย แต่มันยังรวมไปถึงเขตแดนภูติอสูรของเขาอีกด้วย
โชคดีที่เขาได้กลายเป็นศิษย์ของผู้ฝึกตน,กุ้ยเทียนคงและได้บ่มเพาะพลัง มิฉะนั้นแล้วเขาคงได้ตกตายตั้งแต่กระบี่แรกของฉิงเฟิงไปนานแล้ว เฮลคิงเริ่มหวาดกลัวเพราะเขารู้สึกว่าฉิงเฟิงแข็งแกร่งเกินไป