มันสร้างความตกตะลึงให้ทุกคนกับการที่ฉิงเฟิงสังหารหัวหน้ายามที่มีพลังระดับแกรนด์มาสเตอร์ด้วยการสะบัดกระบี่เรียบง่ายเพียงแค่ครั้งเดียวยามที่เหลือต่างผงะถอยหลังพร้อมกับมองฉิงเฟิงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
น่าสะพรึงกลัวชายหนุ่มผู้นี้ช่างน่าสะพรึงกลัวเหลือเกิน ผู้ที่นอนตายอยู่นั่นคือหัวหน้าของพวกเขาซึ่งเป็นยอดฝีมือระดับแกรนด์มาสเตอร์และเป็นผู้พิทักษ์แห่งตำหนักโกสคิง ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าเขาจะถูกชายหนุ่มคนนี้สังหารด้วยกระบี่เดียว
บอกฉันมาว่าทางเข้าสู่ตำหนักกลางอยู่ที่ไหน! ฉิงเฟิงตะคอกถามยามที่เหลืออย่างเย็นชาและเต็มไปด้วยจิตสังหาร
ยามทั้งหลายต่างปิดปากเงียบและยอมพูดอะไรออกมา
ฉัวะ! ฉิงเฟิงสะบัดกระบี่ออกไปอีกครั้งและทำให้ศีรษะของยามคนหนึ่งหลุดกระเด็นออกไปจากนั้นเขาก็ถามย้ำด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า นี่คือจุดจบของพวกแกถ้าไม่รีบอ้าปากบอกมา !
เมื่อได้มองไปที่ยามที่เพิ่งตกตายไปคนที่เหลือก็ไม่อาจเก็บซ่อนความกลัวบนใบหน้าของพวกเขาไว้ได้อีกต่อไป แต่ทว่า พวกเขาก็ยังคงปิดปากเงียบ
ฉัวะฉัวะ ฉัวะ …
ฉิงเฟิงไม่ได้เอ่ยปากถามอะไรเพิ่มแต่วาดกระบี่เป็นวงโค้งไปที่ศีรษะของยามทั้งหลาย ศีรษะนับยี่สิบหัวลอยคว้างอยู่บนอากาศและทำให้ยามกว่ายี่สิบคนตกตายในเวลาอันสั้น
เนื่องจากตอนนี้เหลือยามเพียงคนสุดท้ายก็คือชายผมสั้นเขาไม่อาจข่มความกลัวไว้ได้อีก เขารีบคุกเข่าล้มลงกับพื้นและกล่าวว่า พะ…พะ พี่ชาย ข้ายังไม่อยากตาย ได้โปรดอย่าฆ่าข้าเลยขอรับ
พาฉันไปตำหนักโกสคิง ฉิงเฟิงชี้ไปที่ยามผมสั้นและถามด้วยเสียงเย็นชา
ใบหน้าของยามผมสั้นเปลี่ยนไปเป็นหวาดกลัวเขาพูดว่า พี่ชาย ข้าไม่รู้จริงๆว่าตำหนักโกสคิงอยู่ที่ไหนมีเพียงท่านเฮลคิงเท่านั้นที่รู้
เหอะถ้าแกไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนแล้วพวกแกจะยืนเฝ้าหน้าประตูหาพระแสงอะไร !
ฉิงเฟิงแสยะยิ้มเยาะเย้ยและสะบัดกระบี่ตัวหัวของเขาออกทันที
ในตอนนี้ยามหลายสิบคนที่แข็งแกร่งของตำหนักโกสคิงถูกสังหารเรียบ ในอากาศเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดอบอวลและเหม็นคุ้ง
ซวนจี๋เจ้าโล้น เย่เทียน หาทางเข้าสู่ตำหนักโกสคิงให้ได้ ต่อให้ต้องขุดพื้นถึงสามเมตรก็ตาม ! ฉิงเฟิงออกคำสั่งในทันที
ครับบอส ! ทุกคนในทีมเขี้ยวหมาป่ารับคำสั่งอย่างพร้อมเพรียง
หลังจากที่รับคำสั่งฉิงเฟิงทุกคนก็เริ่มแยกย้ายกันไปหาทั่วโกสคิงวิลล่า ทีมเขี้ยวหมาป่าปฏิบัติภารกิจมาอย่างช่ำชองและยอดเยี่ยมในการค้นหาเบาะแส ไม่นานนักลู่ซวนจี๋ก็พบร่องรอยบางอย่าง
นอกเหนือจากอลิซแล้วก็มีลู่ซวนจี๋ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในการรวบรวมข้อมูลลู่ซวนจี๋พบกลไกที่ซ่อนอยู่หลังชั้นวางหนังสือในห้องๆหนึ่ง
บอสครับมีกลไกอยู่หลังชั้นวางหนังสือ ลู่ซวนจี๋รีบกล่าวกับฉิงเฟิงทันที
เมื่อได้ยินเสียงเรียกของลู่ซวนจี๋ฉิงเฟิงก็รีบวิ่งจากห้องนั่งเล่นไปที่ห้องหนังสือทันที ห้องหนังสือใช้พื้นที่ค่อนข้างมาก เหล่าคนรวยและคนมีฐานะมักจะมีห้องหนังสือขนาดใหญ่ซึ่งกินเนื้อที่ถึงร้อยตารางเมตร
ในห้องหนังสือขนาดใหญ่นี้มีชั้นวางหนังสือถึงแปดชั้นซึ่งเต็มไปด้วยหนังสือจำนวนนับไม่ถ้วนลู่ซวนจี๋ได้สังเกตเห็นว่าชั้นวางชั้นที่แปดแตกต่างจากชั้นอื่นๆ มันมีแจกันวางอยู่แทนที่จะเป็นหนังสือ
ฉิงเฟิงเดินไปที่แจกันแล้วหมุนมันไปทางซ้ายซ้าๆ
ครืดครืด !
เมื่อแจกันถูกขยับชั้นหนังสือชั้นที่แปดก็เริ่มเคลื่อนไปทางขวาเผยให้เห็นทางเข้าที่มืดมิด
ทันทีที่ทางลับเผยขึ้นฉิงเฟิงก็สัมผัสได้ถึงออร่าที่ทรงพลัง
มาเร็วตามฉันลงไปข้างล่าง ฉิงเฟิงเดินนำลงไปก่อน นี่คือทางเดินที่มีบันไดสีดำน่าขนลุก ทั้งสองด้านมีแสงไฟที่สว่างมาก
หลังจากเดินไปได้ประมาณสิบนาทีฉิงเฟิงก็พาทุกคนเดินลงมาหลายร้อยเมตรจากพื้นดินสิ่งแรกที่ผ่านสายตาของพวกเขาก็คือพื้นที่ว่างเปล่าขนาดมหึมาซึ่งกินพื้นที่เกือบหมื่นตารางเมตร
ในฐานะกองกำลังระดับซุปเปอร์ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าตำหนักโกสคิงช่างมั่งคั่งนัก พวกเขามีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งจนสามารถสร้างสิ่งก่อสร้างขนาดมหึมาใต้พื้นดินกว่าหมื่นตารางเมตรที่ลึกลงมากว่าร้อยเมตร มันราวกับเมืองใต้พิภพ
มีเพียงกองกำลังระดับซุปเปอร์เช่นตำหนักโกสคิงเท่านั้นที่สามารถทำเช่นนี้ได้กองกำลังทั่วไปต่อให้สะสมทรัพยากรหลายสิบปีก็ไม่อาจเทียบเคียง
ฉิงเฟิงรู้สึกผิดปกติทันทีที่เขาลงมาใต้ดินแห่งนี้สัญชาตญาณของเขาแจ้งเตือนถึงอันตรายใหญ่หลวงที่ใต้พื้นดิน
ฉิงเฟิงมองซ้ายมองขวาแต่เขาก็ยังไม่อาจรับรู้ได้ว่าอันตรายที่ว่านี้มาจากไหน
เฮ้ยเจ้าหนู เจ้ากำลังเข้าสู่ข่ายอาคมภูตินภาแล้ว กลั้นลมหายใจเดี๋ยวนี้และระวังรอบๆ
!
เสียงของจักรพรรดิราตรีโพล่งขึ้นมาในหัวของฉิงเฟิงทันที
ในฐานะผู้ฝึกตนจักรพรรดิราตรีมีความเข้าใจต่อข่ายอาคมอย่างลึกซึ้ง พลังวิญญาณของเขาสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวและความสยดสยอง ดังนั้นเขาจึงรีบกล่าวเตือนฉิงเฟิงทันที
ใบหน้าของฉิงเฟิงแปรเปลี่ยนไปเขาหันไปบอกกับทีมเขี้ยวหมาป่าและทุกคนในตระกูลลั่วทันทีว่า ทุกคนกลั้นลมหายใจเอาไว้และคอยระวังสภาพแวดล้อมให้ดี !
ทุกคนกลั้นหายใจทันทีหลังจากได้ยินคำเตือนของฉิงเฟิงพวกเขากวาดสายตามองไปรอบๆอย่างระมัดระวัง ถึงแม้ว่าจะไม่มีคนนอกอยู่รอบๆตัวพวกเขา แต่ทุกคนต่างก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่มืดมนแปลกๆ
ฟู่ฟู่ ฟู่ … …
หมอกสีดำขนาดใหญ่พวยพุ่งขึ้นมาจากพื้นดินด้วยความเร็วสูงจนครอบคลุมพื้นที่ใต้ดินนับหมื่นตารางเมตรในทันทีพื้นที่ทั้งหมดกลายเป็นหมอกหนาทึบซึ่งดูน่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
หมอกไม่เพียงแค่ทำให้ผู้คนหวาดกลัวเท่านั้นแต่มันยังทำให้ทัศนวิสัยลดลงอีกด้วย
ฉิงเฟิงกวาดสายตามองไปรอบๆหมอกสีดำที่มองไม่เห็นในตอนนี้เขาไม่เห็นใครอีกเลย
ชู่ว… เสียงแปลกๆดังขึ้นในหมอกสีดำและจู่ๆก็มีภูติผีดุร้ายที่ไม่ทราบที่มาพุ่งเข้าใส่ทุกคนที่ละคนๆ
ผีร้ายเหล่านี้ไม่ใช่มนุษย์แต่จริงๆแล้วพวกมันเป็นวิญญาณชั่วร้ายที่ก่อตัวเป็นรูปแบบคล้ายคลึงมนุษย์ มันดูน่าขนลุกและน่าหวาดกลัวมาก
อ้ากกกกมือข้าหายไปแล้ว !! ลูกศิษย์ของตระกูลลั่วคนหนึ่งเสียงกรีดร้องที่น่าสังเวชออกมา มือของเขาถูกผีที่ดุร้ายกิน
ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องอีกเสียงเมื่อลูกศิษย์คนที่สองของตระกูลลั่วสูญเสียขาไปด้วยน้ำมือของผีร้าย
ผีร้ายนั้นแตกต่างจากผึร้ายที่ถูกเรียกโดยนิกายแวมไพร์ผีร้ายของนิกายแวมไพร์นั้นไม่ได้กินกระดูกหรือเนื้อมนุษย์ มันเพียงแค่ดื่มเลือดมนุษย์ อย่างไรก็ตาม วิญญาณที่ดุร้ายในที่นี้ไม่เพียงแค่ดื่มเลือดเท่านั้น แต่พวกมันยังกินทั้งเนื้อและกระดูกอีกด้วย
แน่นอนว่าวิญญาณผีร้ายที่ดุร้ายทั้งหมดนี้ถูกควบคุมโดยมนุษย์จริงๆเลือดและเนื้อทั้งหมดที่พวกมันกินเข้าไปจะเปลี่ยนเป็นพลังงานและถูกดูดซับโดยกุ้ยเทียนคงผู้ซึ่งควบคุมพวกมันอยู่ พลังงานทั้งหมดจะกลายเป็นของเขาเองในที่สุด
ผู้อาวุโสทำไมถึงได้มีผีร้ายในข่ายอาคมแห่งนี้
เห็นได้ชัดว่าฉิงเฟิงเห็นผีร้ายพวกนี้แล้ว สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นจริงจังอย่างมาก เขาไม่เคยพบสิ่งมีชีวิตประเภทนี้มาก่อนในชีวิต
เจ้าหนูผีร้ายเหล่านี้ไม่ใช่ผีจริงๆ พวกมันแค่เป็นวิญญาณชั่วร้ายที่ถูกควบคุมโดยมนุษย์และเปลี่ยนร่างมันให้มีรูปลักษณ์เหมือนมนุษย์
ผู้อาวุโสวิญญาณชั่วร้ายเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ นี่มันกระบวนการอะไรกัน
ผมไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อนเลย
แน่อยู่แล้วที่เจ้าจะไม่เคยได้เห็นนี่เป็นฝีมือของผู้ฝึกตน หากข้าเดาไม่ผิด ที่นี่มีผู้ฝึกตนที่มีฝีมือสูงล้ำ เจ้าต้องระวังให้ดี
น้ำเสียงของจักรพรรดิราตรีดูหนังอึ้ง เขาก็รู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่ผิดปกติเช่นกัน
ฉิงเฟิงรู้สึกว่าหัวใจของเขาถูกบีบรัดในขณะที่เห็นผีร้ายตัวหนึ่งกำลังเข้ามาหา
ตูม
!!!
ฉิงเฟิงเหวี่ยงหมัดอย่างเกรี้ยวกราดเข้าใส่ผีร้ายจนร่างกายของมันแตกเป็นเสี่ยงๆอย่างไรก็ตาม ในวินาทีต่อมาวิญญาณชั่วร้ายเหล่านั้นก็รวมตัวกันและก่อรูปร่างเป็นผีร้ายในรูปร่างมนุษย์อีกครั้ง
บ้าชัดๆ
!
ผีร้ายพวกนี้ไม่อาจฆ่าได้จริงหรือนี่
ฉิงเฟิงสบถออกมาด้วยความงงงันพลังหมัดของเขาตอนนี้มากกว่าหนึ่งหมื่นกิโลกรัม หมัดของเขาสามารถเป่าเสือตัวเต็มวัยให้เป็นชิ้นเนื้อได้ในพริบตา แต่มันกลับไม่สามารถทำความเสียหายให้กับผีร้ายเหล่านี้แม้แต่น้อย ร่างที่แหลกสลายของพวกมันกลับคืนดังเดิมในพริบตา
ฮ่าๆๆนี่แหละคือข่ายอาคมภูตินภา การโจมตีของเจ้าไม่สามารถทำอะไรกับผีร้ายเหล่านี้ได้ วันนี้พวกเจ้าทั้งหมดต้องตายอยู่ที่นี่ ! เฮลคิงยืนหัวเราะอยู่นอกข่ายอาคมและจ้องไปที่ฉิงเฟิงอย่างเย็นชา