หลังจากสังหารจ้าวตำหนักโกสคิงแล้วสีหน้าของฉิงเฟิงก็ดูจริงจังยิ่งขึ้นเพราะเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่แข็งแกร่งน่าเกรงขามจากภายในตัวตำหนัก
ลั่วหนี่ชิงและคนอื่นๆยังคงต่อสู้กับเหล่าสาวกที่เหลือของตำหนักโกสคิงซึ่งทำให้ฉิงเฟิงออกตามหาหลิวหรูหยานได้อย่างอิสระ
มิสลั่วพวกคุณรับมือด้านนี้ไว้ก่อนนะ ผมจะเข้าไปตามหาหรูหยานข้างในนั้น หลังจากกล่าวเสร็จฉิงเฟิงก็วิ่งเข้าไปในตัวตำหนัก
มีห้องอยู่หลายห้องในส่วนลึกของตำหนักโกสคิงเขาเปิดดูสองห้องแรกและหาหลิวหรูหยานไม่พบ
แต่พอไปถึงห้องถัดไปเขาก็รู้สึกได้ถึงความคุ้นเคยเมื่อเขาเปิดประตูเข้าไปก็เห็นหลิวหรูหยานในที่สุด เธอนอนอยู่บนเตียง ท้องของเธอใหญ่มากราวกับจะคลอดได้ทุกเมื่อ หรูหยานคุณเป็นยังไงบ้าง ฉิงเฟิงถามด้วยความกังวล
เมื่อได้ยินเสียงของเขาหลิวหรูหยานก็ลืมตาขึ้น เธอดูกระวนกระวายมากและส่ายหัวใส่เขาราวกับว่าเธอกำลังบอกให้เขารีบหนีไป
เธอไม่สามารถพูดอะไรได้เพราะเธอถูกผ้าอุดปากไว้อยู่อีกทั้งยังมีเชือกมัดไว้กับเตียงอีกด้วย
ไม่ต้องกลัวนะหรูหยานผมมาช่วยคุณแล้ว ฉิงเฟิงมอบรอยยิ้มอ่อนโยนให้กับเธอเพื่อเพิ่มความมั่นใจ
หึหึช่วยหล่อน เจ้าคิดว่าทำได้งั้นหรือ ? ทันใดนั้นเองเสียงที่หนาวเย็นก็ดังขึ้นจากภายในห้อง
ดวงตาของฉิงเฟิงคมกริบเขาหันไปตามต้นเสียงและพบชายชราผู้หนึ่งที่กำลังนั่งไขว่ห้างอยู่ที่มุมห้อง ชายชราผู้นี้ไม่อาจบอกอายุได้เลย ใบหน้าของเขาซีดขาวราวกับคนตาย เขาสวมเสื้อคลุมสีดำและปลดปล่อยกลิ่นอายที่ทำให้รู้สึกหนาวสั่นราวกับภูตผีการดำรงอยู่ของเขาทำให้ผู้คนรอบข้างรู้สึกสั่นสะท้าน
ชายชราที่ดูเย็นยะเยือกผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่นเขาคือกุ้ยเทียนคง ยอดฝีมือระดับจิตวิญญาณแท้จริงขั้นต้น
แข็งแกร่งมาก
!
ฉิงเฟิงคิดในใจเขารู้สึกหวาดกลัวต่อความแข็งแกร่งและเยือกเย็นที่เปล่งออกมาจากชายชราผู้นี้อย่างมาก
ฉิงเฟิงรับรู้ได้โดยสัญชาตญาณว่าชายชราผู้นี้เป็นศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เขาเคยพบมาชายชราผู้นี้มีพลังเหนือล้ำยิ่งกว่าเฮลคิง โกสคิงหรือหัวหน้าตระกูลทั้งสามของเกาะแปซิฟิกด้วยซ้ำ !
ปล่อยเธอซะ
เมื่อต้องเผชิญกับกุ้ยเทียนคงฉิงเฟิงบอกให้เขาปล่อยตัวหลิวหรูหยานไปก่อน ปล่อยเธอ ช่างเพ้อฝันนัก เจ้าฆ่าเฮลคิงและโกสคิง ลูกศิษย์ของข้า ดังนั้นผู้หญิงคนนี้ต้องตาย กุ้ยเทียนคงกล่าวเย้ยหยัน
ฟุ่บ!
ด้วยการสะบัดนิ้วของเขากุ้ยเทียนคงยิงลำแสงสีดำออกไปสู่ร่างกายของหลิวหรูหยาน ใบหน้าที่มีเสน่ห์ของเธอเปลี่ยนเป็นหมองคล้ำในทันที เธอส่งเสียงกรีดร้องและหมดสติไป
มันเกิดขึ้นรวดเร็วมากจนแม้แต่ฉิงเฟิงก็ยังไม่มีเวลาตอบสนองได้ทัน
เมื่อเห็นว่าร่างกายของหลิวหรูหยานเปลี่ยนเป็นสีดำและหมดสติไปใบหน้าของฉิงเฟิงก็บิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธแค้นอย่างรุนแรง
ไอ้แก่บัดซบ! แกกล้าดียังไงมาทำร้ายผู้หญิงของฉัน !! ฉันจะถลกหนังแกทั้งเป็น ให้แกรู้สึกว่าตายดีกว่าอยู่ ! ฉิงเฟิงคำรามด้วยความโกรธ น้ำเสียงของเขาเย็นยะเยือกไปถึงกระดูก ข้ายังไม่ฆ่าหล่อนง่ายๆหรอกข้าลงคำสาปภูติอสูรไว้ในร่างกายหล่อน หากเจ้าไม่สามารถลบคำสาปออกไปได้ภายในหนึ่งชั่วโมง สาวงามและทารกในท้องของเธอจะตายทั้งคู่
แกมันชั่วช้านัก!
หึเจ้าฆ่าเฮลคิงและโกสคิง นี่คือการแก้แค้นของข้า ผู้หญิงคนนี้และลูกของเจ้าจะต้องตาย รวมถึงตัวเจ้าด้วย พวกเจ้าพ่อแม่ลูกจะต้องตายทั้งหมด กุ้ยเทียนคงกล่าวเย้ยหยัน
ฉิงเฟิงรู้ว่าเขาจะต้องฆ่ากุ้ยเทียนคงและลบคำสาปให้ได้ภายในหนึ่งชั่วโมงมิฉะนั้นหลิวหรูหยานและท้องลูกในท้องจะต้องตาย
ตาย!
ฉิงเฟิงเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วราวกับประกายแสงเขาพุ่งเข้าหากุ้งเทียนคงด้วยเจตนาฆ่าที่รุนแรง เขาคิดจะฆ่าชายชราคนนี้ให้ได้
ไม่สิความตายนั้นดีเกินไปสำหรับเขาฉิงเฟิงต้องการถลกหนังเขาทั้งเป็น
โฮ่ ครึ่งก้าวจิตวิญญาณ หาที่ตาย กุ้ยเทียนคงกล่าวเย้ยหยันด้วยรอยยิ้มจางๆ
เขายกมือขึ้นช้าๆและผลักฝ่ามือขวาไปที่ฉิงเฟิงส่งพลังอันแข็งกร้าวสายหนึ่งใส่ตัวเขา
ตูม!!!
ด้วยเสียงดังสนั่นฉิงเฟิงลอยละลิ่วและกระแทกเข้ากับประตูทางเข้า เขาล้มลงกับพื้นดังโครมไปอีกห้องหนึ่งซึ่งห่างออกไปนับสิบเมตร
ทุกคนต่างหันมามองฉิงเฟิงชายหนุ่มที่พิชิตศัตรูตลอดเส้นทางนักสู้ แต่ตอนนี้เขาถูกทำร้ายบาดเจ็บจนกระเด็นด้วยฝ่ามือเดียว !
แค่กแค่ก …!
ฉิงเฟิงกระอักเลือดออกมาสองคำและขาสั่นใบหน้าของเขาซีดเซียว
นี่คือพลังของขอบเขตจิตวิญญาณแท้จริงงั้นหรือ… ใบหน้าของฉิงเฟิงเปลี่ยนเป็นมืดมน กุ้ยเทียนคงมีพลังเหนือความคาดคิดของเขา เขาไม่สามารถสู้กับชายชราผู้นี้ได้
นับตั้งแต่เข้าสู่โลกแห่งการฝึกยุทธ์โบราณฉิงเฟิงได้พิชิตทุกคนในเส้นทางของเขาและยังสามารถฆ่ายอดฝีมือระดับครึ่งก้าวจิตวิญญาณแท้จริงได้อีกด้วย มันทำให้เขารู้สึกเย่อหยิ่งและเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ
แต่ตอนนี้เขาถูกกุ้ยเทียนคงทำลายความมั่นใจอย่างหนักและด้วยการโจมตีของเขาก็แสดงให้ฉิงเฟิงได้เห็นว่าระหว่างเต็มก้าวกับครึ่งก้าวนั้นต่างกันเพียงใด
โอ้ เจ้ายังไม่ตายอีกหรือ ? ร่องรอยของความประหลาดใจผ่านเข้ามาในดวงตาของกุ้ยเทียนคงเมื่อเขาได้เห็นว่าฉิงเฟิงยังไม่ตาย แม้จะบาดเจ็บแต่เขาก็สามารถลุกขึ้นยืนได้
เขาเป็นผู้ฝึกตนอย่างแท้จริงและเป็นยอดฝีมือระดับจิตวิญญาณแท้จริงขั้นต้นเขาทรงพลังอย่างยิ่ง
ส่วนฉิงเฟิงเป็นเพียงชายหนุ่มคนหนึ่งที่เพิ่งมาถึงขั้นครึ่งก้าวจิตวิญญาณแท้จริงได้ไม่นานกล่าวได้ว่าเขายังไม่ใช่ผู้ฝึกตนที่แท้จริง
มีเพียงผู้ฝึกตนที่แท้จริงอย่างเช่นกุ้ยเทียนคงเท่านั้นจึงจะสามารถควบคุมแก่นแท้พลังของสวรรค์และปฐพีได้
มาตอนนี้เองที่ฉิงเฟิงได้ตระหนักถึงพลังที่แท้จริงของผู้ฝึกตนตลอดจนความแตกต่างของระดับพลัง
ก่อนหน้านี้กุ้ยเทียนคงเพิ่งได้พบกับยอดฝีมือระดับครึ่งก้าวจิตวิญญาณแท้จริงมาคนผู้นั้นดูถูกเขาและถูกเขาสังหารด้วยฝ่ามือเดียว
มันมีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างครึ่งก้าวและเต็มก้าวแม้จะทำร้ายฉิงเฟิงบาดเจ็บ แต่กุ้ยเทียนคงก็ยังสงสัยเล็กน้อยว่าทำไมชายหนุ่มผู้นี้ถึงยังไม่ตายหลังจากถูกเขาซัดฝ่ามือใส่
มันเป็นโชคดีสำหรับฉิงเฟิงที่ได้ฝึกฝนกายาแดนชำระมาก่อนมันทำให้ผิวหนัง กล้ามเนื้อและกระดูกของเขาแข็งแรง อีกทั้งยังช่วยให้เขาทนต่อพลังฝ่ามือของกุ้ยเทียนคงได้ หากฉิงเฟิงไม่ได้ฝึกฝนบ่มเพาะกายามาและเป็นเพียงครึ่งก้าวจิตวิญญาณแท้จริงทั่วไป ป่านนี้เขาตายไปนานแล้ว
เจ้าหนูเจ้ามีพรสวรรค์ไม่น้อยที่ยังรอดจากพลังฝ่ามือของข้าไปได้ แต่ยังไงเจ้าก็ต้องตายอยู่ดี ด้วยรอยยิ้มอันหนาวเย็น กุ้ยเทียนคงเดินไปหาฉิงเฟิงด้วยเจตนาฆ่าที่แผ่ซ่านรอบๆตัวเขา