เมื่อเห็นว่ากุ้ยเทียนคงกำลังเดินมาหาสีหน้าของฉิงเฟิงก็เปลี่ยนไปเพราะเขาได้รับบาดเจ็บอยู่และรู้ดีถึงพลังอันมหาศาลจากชายชราผู้นี้
เพลิงจันทร์เงิน
!
ฉิงเฟิงคำรามด้วยเสียงต่ำและใช้กระบวนท่าที่สี่ของกระบี่เพลิงคะนองซึ่งเป็นกระบวนท่าที่ทรงพลังที่สุดในทันที
ออร่ากระบี่ที่เปล่งออกมาจากกระบี่เพลิงคะนองสร้างรอยแยกขนาดใหญ่ในอากาศ ไม่ว่ามันจะไปที่ไหนมันก็จะก่อตัวเป็นดวงจันทร์ขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิงอันร้อนระอุที่พุ่งเข้าหากุ้ยเทียนคงในทันที
กุ้ยเทียนคงไม่หวั่นไหวเขาแสยะยิ้มด้วยรอยยิ้มอันเย็นชา จากนั้นเขาก็ผลักฝ่ามือขวาออกไปข้างหน้าและก่อให้เกิดหมอกสีดำที่พุ่งขึ้นมาปกคลุมดวงจันทร์เพลิงของฉิงเฟิงและดับพวกมันทันที
อะไรกัน
!
เปลวเพลิงถูกดับไปในพริบตา
!
ฉิงเฟิงตกตะลึงอย่างมากเมื่อได้เห็นว่าวิชากระบี่ที่ทรงพลังที่สุดของเขาถูกสะกดเอาไว้ได้อย่างง่ายดายเห็นได้ชัดว่ากุ้ยเทียนคงไม่เพียงแค่มีพลังเหนือล้ำ แต่เขายังชำนาญในเพลงหมัดอีกด้วย
ตูม!!
หลังจากดับเปลวไฟของเพลิงจันทร์เงินของฉิงเฟิงได้แล้วกุ้ยเทียนคงก็ผลักฝ่ามือใส่ฉิงเฟิงจนลอยกระเด็นออกไปอีกครั้ง
อั่ก!
ฉิงเฟิงร่วงลงกับพื้นอย่างรุนแรงและกระอักเลือดคำโตออกมา
หลี่ฉิงเฟิงคุณเป็นอะไรไหม ! ลั่วหนี่ชิงรีบวิ่งเข้ามาหาฉิงเฟิงด้วยความกังวลบนใบหน้าของเธอ
ฉิงเฟิงกล่าวกับเธอด้วยเสียงต่ำว่า มิสลั่ว กุ้ยเทียนคงผู้นี้แข็งแกร่งเกินไป คุณรีบพาทุกคนหนีไปก่อน ผมจะรับมือมันเอง
ลั่วหนี่ชิงสร้างความประหลาดใจให้กับเขาด้วยการตอบอย่างหนักแน่นว่า ชั้นไม่ทิ้งคุณหรอก
เคะ เคะ สาวงามอีกคนหนึ่ง ในเมื่อมาแส่นักก็จงตายซะเถอะ กุ้ยเทียนคงแสยะยิ้มอย่างเย็นชาและฟาดฝ่ามือเข้าใส่ลั่วหนี่ชิง
ฉิงเฟิงหวาดหวั่นต่อการโจมตีนี้มากตัวเขาสามารถทนรับพลังฝ่ามือของกุ้ยเทียนคงได้ด้วยกายาแดนชำระที่บ่มเพาะมา แต่ลั่วหนี่ชิงไม่ใช่ เธอไม่ได้บ่มเพาะกายาแบบเขา จึงไม่มีทางทนพลังฝ่ามือนี้ได้อย่างแน่นอน
ฉิงเฟิงขบกรามแน่นและอดทนต่อความเจ็บปวดจากบาดแผลเขาผลักลั่วหนี่ชิงออกไปและรับการโจมตีแทนเธอ
อั่ก!!
ฉิงเฟิงถูกฝ่ามือซัดกระเด็นออกไปไกลอีกครั้งนับสิบเมตรและร่วงลงกับพื้นอย่างรุนแรงเขากระอักเลือดออกมาไม่หยุด
เขายอมรับการโจมตีแทนลั่วหนี่ชิงเพราะเธอมาที่เพื่อช่วยเหลือเขา
ครั้งนี้เขาไม่สามารถยืนหยัดขึ้นมาได้อีกครั้งเขาเสียเลือดมากเกินไปและบาดเจ็บภายใน
สิ้นท่าแล้วสินะถึงเวลาตายของเจ้า มือขวาของกุ้ยเทียนคงชูขึ้นสูงและฟาดลงไปที่หัวของฉิงเฟิง
พลังฝ่ามือนี้มหาศาลมากเมื่อใดที่มันกระทบศีรษะของฉิงเฟิง เขาจะตายอย่างไม่ต้องสงสัย
ฟิ้ว!
ประกายแสงสีน้ำเงินที่เปี่ยมไปด้วยพลังงานมหาศาลยิงเข้าใส่ฝ่ามือของกุ้ยเทียนคงและปิดกั้นการโจมตีถึงตายของเขา
ดรรชนีจักรพรรดิเพลิง กุ้ยเทียนคงขมวดคิ้วเล็กน้อยและตระหนักได้ว่าประกายแสงสีน้ำเงินนี้มาจากเคล็ดวิชาดรรชนีจักรพรรดิเพลิง
ดรรชนีจักรพรรดิเพลิงนั้นคล้ายคลึงกับวิชาดรรชนีกระบี่หกชีพจร(ผู้แต่งอิงมาจากนิยาย 8 เทพอสูรมังกรฟ้า) ด้วยการโคจรพลังแท้ใส่นิ้ว ผู้ใช้จะสามารถยิงพลังงานขนาดใหญ่ที่สามารถเจาะทะลุรถยนต์ได้อย่างง่ายดาย
จากนั้นฉินเซียนจื่อ,ฮวาเซียนจือและชาวเฟิงอู่ก็ก้าวเข้ามาพร้อมกัน
ในฐานะที่เป็นบุตรสาวคนโตของตำหนักโห่วเย่อหวงตี้ฉินเซียนจื่อแข็งแกร่งขึ้นมากในช่วงนี้เนื่องจากเธอทำลายผนึกพลังภายในร่างกายของเธอ เป็นผลทำให้เธอสามารถควบคุมวิชาดรรชนีจักรพรรดิเพลิงซึ่งเป็นวิชาที่ทรงพลังที่สุดของตำหนักโห่วเย่อหวงตี้ ก่อนหน้านี้ฉิงเฟิงขอใช้เฮลิคอปเตอร์เพื่อล่วงหน้ากลับหัวเซี่ยไปก่อนในขณะที่ฉินเซียนจื่อและคนอื่นๆโดยสารเรือรบ ในช่วงที่พวกเธอเพิ่งจะเทียบท่า ฉิงเฟิงก็โทรมาหาและบอกให้พวกเธอตามมาสมทบที่ตำหนักโกสคิงในเมืองเทียนจิง
ฉินเซียนจื่อและคนอื่นๆต่างรู้ดีถึงพลังอำนาจของตำหนักโกสคิงซึ่งเป็นกองกำลังผู้ฝึกยุทธ์โบราณระดับซุปเปอร์ดังนั้นพวกเธอจึงรีบตามมาทันทีด้วยเฮลิคอปเตอร์
เธอรู้สึกยินดีมากที่มาทันเวลาและสามารถช่วยฉิงเฟิงไว้ได้พอดี
นังหนูเจ้าเป็นใคร เจ้าใช้วิชาดรรชนีจักรพรรดิเพลิงของไอ้แก่นั่นได้อย่างไร ?
กุ้ยเทียนคงกล่าวด้วยใบหน้าบึ้งตึง
ฉินเซียนจื่อแล้วตรงเข้าไปดูอาการฉิงเฟิงทันทีโดยไม่เหลียวมองกุ้ยเทียนคงเธอช่วยพยุงเขาขึ้นมาและถามด้วยความเป็นห่วงว่า ท่านเป็นอะไรไหม แค่กแค่ก !
ฉิงเฟิงกระอักเลือดออกมาสองคำก่อนจะพูดด้วยสีหน้าซีดเซียวว่า ฉันไม่เป็นไร
ท่านเสียเลือดมากขนาดนี้จะไม่เป็นไรได้อย่างไร ข้าจะถ่ายทอดพลังแท้สู่ร่างท่าน ฉินเซียนจื่อวางฝ่ามือนวลเนียนของเธอไว้ที่ข้อมือของเขาและเริ่มถ่ายทอดพลังแท้เข้าสู่ร่างกาย
ฉินเซียนจื่อกังวลและกระวนกระวายกับอาการไม่สู้ดีของฉิงเฟิงมากเธอจึงถ่ายทอดพลังแท้ให้เขามากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จากนั้นไม่นานผิวของฉิงเฟิงที่เป็นสีขาวซีดก็เปลี่ยนเป็นสีชมพูที่มีสุขภาพดี
เมื่อฉิงเฟิงได้เห็นใบหน้าที่งดงามของเธอที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อเขาก็รู้สึกตื้นตันใจต่อความช่วยเหลือของเธอมาก
ใบหน้าของกุ้ยเทียนคงบึ้งตึงด้วยความโกรธสาวน้อยคนนี้เพิกเฉยต่อคำถามของเขาและกล้าสอดมือ เขาฟาดฝ่ามือออกไปใส่ศีรษะอันบอบบางของฉินเซียนจื่อด้วยเจตนาฆ่าเขาตั้งใจจะสังหารสาวน้อยที่มาวุ่นวายผู้นี้
แต่ทันใดนั้นเองฝ่ามือที่ทรงพลังของเขาก็ถูกปัดป้องด้วยมือของฮวาเซียนจือ
ตูม!
ฝ่ามือทั้งสองปะทะกันจนก่อให้เกิดเสียงดังสนั่นกุ้ยเทียนคงยืนหยัดอย่างมั่นคงในขณะที่ฮวาเซียนจือถูกบีบให้ต้องถอยไปหลายก้าว
ขั้นต้นแห่งจิตวิญญาณแท้จริง! ความประหลาดใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่มีเสน่ห์ของเธอฮวาเซียนจือ
ตอนนี้เธอเข้าใจแล้วว่าทำไมฉิงเฟิงถึงได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ชายชราผู้นี้เป็นยอดฝีมือชั้นสูง
ในฐานะที่เป็นนักบุญของกองกำลังระดับซุปเปอร์แห่งตำหนักร้อยบุปผาฮวาเซียนจือรู้ดีว่าผู้ที่มีพลังระดับจิตวิญญาณแท้จริงนั้นแข็งแกร่งเพียงใด ผู้ฝึกตนในระดับนี้จะสามารถดึงเอาพลังแท้จากสวรรค์และปฐพีมาขับเคลื่อนในการโจมตีได้
ฮวาเซียนจือก็เป็นผู้ฝึกตนคนหนึ่งเช่นกันแต่เธอปิดบังพลังที่แท้จริงเอาไว้เธอไม่คาดคิดว่ากุ้ยเทียนคงจะสามารถบีบให้เธอต้องถอยในการปะทะกันได้
ดวงตาที่งดงามของฮวาเซียนจือเปลี่ยนเป็นจริงจังชายชราผู้นี้ทรงพลังเหลือล้น แต่เธอก็สามารถต่อกรกับเขาได้ถ้าหากเธอปลดปล่อยพลังลึกลับที่ถูกผนึกไว้ในร่างกายเธอออกมา
อย่างไรก็ตามเธอจำคำพูดของแม่เธอได้ว่ายามที่เธอใช้พลังนั้นออกไป ร่างกายของเธอจะได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง เธอไม่สามารถทลายผนึกนี้ออกได้จนกว่าจะถึงจิตวิญญาณแท้จริงขั้นต้น
ในทางตรงกันข้ามถ้าเธอไม่ทลายผนึกก็ไม่มีใครที่นี้ที่สามารถต่อกรกับชายชราผู้นี้ได้ กุ้ยเทียนคงทรงพลังเกินกว่าที่เธอจะรับมือไหว
ในขณะนี้เองชาวเฟิงอู่ก็ก้าวเข้ามาสมทบและกล่าวว่า อมนุษย์โบราณผู้นี้แกร่งเกินไป ชั้นจะรับมือให้พวกเธอเอง
กุ้ยเทียนขมวดคิ้วและไม่พอใจที่ถูกชาวเฟิงอู่เรียกว่าอมนุษย์เขากล่าว เจ้าเป็นเมียหรือคู่ขาของหลี่ฉิงเฟิง ทำไมต้องต่อสู้เพื่อมัน ?