โรงแรมแกรนด์ปารีสเป็นหนึ่งในโรงแรมที่หรูหราที่สุดในโลกมันได้รับการตกแต่งอย่างวิจิตรและงดงาม ประตูบางบานใช้ทองคำแท้ซึ่งทำให้ดูแวววาวและสว่างเกินกว่าจะมองเห็นได้ทั่วไป
ผนังและพื้นตกแต่งด้วยคริสตัลคริสตัลใสที่ตกแต่งในโรงแรมนี้สวยมาก ด้วยแสงสีเงินที่เปล่งและดูเหมือนเพชร มันทำให้ผู้หญิงทุกคนรู้สึกชื่นชอบ
ไม่เพียงแค่การตกแต่งของโรงแรมเท่านั้นแต่ยังรวมไปถึงพนักงานเสิร์ฟภายในโรงแรมอีกด้วย พวกเธอทุกคนสวยมากในชุดฟอร์มทางการ พวกเธอทั้งสวยและสูงราวกับนางแบบ อีกทั้งยังเต็มไปด้วยกลิ่นอายความงามของสาววัยรุ่น
แต่แน่นอนว่าไม่ว่าพนักงานเสิร์ฟเหล่านี้จะสวยแค่ไหน พวกเธอก็ไม่อาจเทียบได้กับแคทเธอรีนซึ่งเป็นจุดสนใจหลักในงานเลี้ยงดินเนอร์คืนนี้
ห้องโถงจัดเลี้ยงดินเนอร์มีพื้นที่ประมาณหนึ่งพันตารางเมตรมันกว้างมากและเต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมากอยู่ข้างใน แทบทุกคนมีผมสีบลอนด์ดวงตาสีฟ้าและผิวขาว นี่เป็นลักษณะทั่วไปของชาวยุโรป
ทันทีที่ฉิงเฟิงก้าวเข้ามาในห้องโถงเขาก็กลายเป็นจุดสนใจของฝูงชน ทุกคนมองเขาเพราะเขาเดินมาพร้อมกับแคทเธอรีน
ทั้งความสูงส่งและเกียรติยศของแคทเธอรีนทุกคนในห้องต่างประจักษ์กันดี ดังนั้นพวกเขาจึงสับสนมากว่าทำไมแคทเธอรีนถึงพาชาวหัวเซี่ยมาด้วย เพราะคืนนี้คืองานเลี้ยงดินเนอร์ของสิบตระกูลใหญ่ในทวีปเสือ
ช่างเป็นกลิ่นอายที่เข้มแข็งอะไรเช่นนี้
ใบหน้าของฉิงเฟิงกลายเป็นจริงจังเมื่อเขาสัมผัสได้ถึงพลังของเหล่าคนที่อยู่เบื้องหน้าเขาในตอนนี้
ฉิงเฟิงสำรวจคร่าวๆและรู้ว่าเหล่าคุณชายคุณหนูรุ่นเยาว์พวกนี้ต่างก็ทรงพลังมากอย่างน้อยๆพวกเขาก็อยู่ในระดับเหนือสวรรค์ขั้นสูงสุดกันทั้งนั้น และมีหลายคนที่เป็นแกรนด์มาสเตอร์
จากมุมๆหนึ่งของห้องจัดเลี้ยงฉิงเฟิงสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของผู้บ่มเพาะพลัง ซึ่งทำให้เขาต้องขมวดคิ้ว
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคนเหล่านี้เป็นคนของสิบตระกูลใหญ่ในสมาพันธ์เทพนภาหากคนเหล่านี้แม้สักคนออกสู่โลกภายนอก อย่างน้อยๆก็ครองเมืองได้เมืองหนึ่งเลยทีเดียว
ในเวลานี้เองชายหนุ่มที่ตัวสูงโย่งก็เดินออกมาข้างหน้าเขามีผมสั้นสีบลอนด์และดวงตาสีฟ้าที่กระพริบด้วยประกายอันเยือกเย็น
ไอ้หนูชาวหัวเซี่ยนี่เป็นปาร์ตี้ของสมาพันธ์เทพนภาแห่งทวีปเสือ ขยะอย่างนายเสนอหน้ามาทำอะไรที่นี่ ชายผมบลอนด์ดูมีท่าทีไม่พอใจต่อฉิงเฟิง
แล้วนายเป็นใคร ฉันจะมาที่นี่ได้หรือไม่ได้ก็ไม่ใช่ธุระของนาย
ฉิงเฟิงขมวดคิ้วกล่าวตอบโต้
ฉิงเฟิงรู้สึกไม่ดีต่อชายผมสั้นสีบลอนด์ที่ยืนอยู่ต่อหน้าเขาเขาคิดในใจว่า
ฉันแค่มาร่วมดินเนอร์ยังไม่ได้ก่อปัญหาให้ใครสักนิด นายมาหาเรื่องฉันทำไม
ไอ้เด็กหัวเซี่ยเราคือคุณชายแห่งตระกูลกาโตร์ เราขอแนะนำให้นายอยู่ห่างๆจากแคทเธอรีนเอาไว้ พวกขอทานชาวหัวเซี่ยอย่างนายไม่มีคุณสมบัติพอที่จะใกล้ชิดกับเธอ ชายหนุ่มผมสั้นกล่าวกับฉิงเฟิงอย่างหยิ่งผยอง
หืม
ตระกูลกาโตร์
แสงเย็นสะท้อนในดวงตาของฉิงเฟิงความจริงแล้วเขามีความขัดแย้งอย่างลึกซึ้งกับตระกูลนี้ เขาฆ่ากาโตร์คิงและคนของตระกูลกาโตร์ไปไม่น้อย
ฉิงเฟิงไม่คิดเลยว่าการมาดินเนอร์พร้อมกับแคทเธอรีนในคืนนี้คนกลุ่มแรกที่มาหาเรื่องเขาก็คือตระกูลกาโตร์
ถามหน่อยสิบรรพบุรุษของนายเป็นจระเข้ใช่ไหม ถ้าเป็นงั้นก็น่าสงสารมาก เพราะโดนถลกหนังไปทำโซฟาซะทั่วโลก ฉิงเฟิงแสยะยิ้มและด่าออกมาทันที
ในเมื่อศัตรูมาหาเรื่องก่อนฉิงเฟิงก็ไม่ยอมถอย อีกทั้งวันนี้เขามาที่นี่เพื่อดูว่าทั้งสิบตระกูลนั้นแข็งแกร่งแค่ไหน
นายกำลังหาที่ตายแล้วเจ้าหนู! นายกล้าดูถูกตระกูลของเราได้อย่างไร !
ภาพลักษณ์บนใบหน้าของชายผมบลอนด์เปลี่ยนไปดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธ เขาเดินไปที่ฉิงเฟิงช้าๆพร้อมกับจะสั่งสอนบทเรียนให้เขา
ทุกคนดูนั่นสิคุณชายแห่งตระกูลกาโตร์กำลังจะมีเรื่องกับเด็กหัวเซี่ย
เด็กน้อยชาวหัวเซี่ยคนนั้นจบสิ้นแล้วเขากล้าเป็นศัตรูกับคุณชายตระกูลกาโตร์ เผลอๆตอนตายยังไม่รู้ด้วยซ้ำล่ะมั้งว่าตายได้อย่างไร ฮ่าๆ
ดีมากคุณชายตระกูลกาโตร์คนนี้เป็นคนที่ชั่วร้ายที่สุด เขาชอบฆ่าคนโดยการตัดแขนตัดขาและโยนลงไปในบ่อที่เต็มไปด้วยจระเข้เพื่อเลี้ยงจระเข้
ทุกคนรอบตัวต่างพูดคุยกันด้วยท่าทางสนุกสนานพวกเขาดีใจที่มีออเดิร์ฟก่อนอาหาร พวกเขาอยากเห็นชาวหัวเซี่ยคนนี้ถูกอัดจนน่วม
แคทเธอรีนพยายามจะเข้ามาห้ามแต่ฉิงเฟิงก็ยกมือขวางไว้ไม่ให้มายุ่ง
ค้างคาวม่วงไปเล่นกับหมอนี่หน่อยสิ ฉิงเฟิงไม่คิดจะเปลืองแรงเล่นกับตัวกระจอกอย่างคุณชายตระกูลกาโตร์ผู้นี้ เขาจึงบอกให้ค้างคาวที่ยืนอยู่ข้างๆเขาออกไปสู้แทน หลังจากพูดจบฉิงเฟิงก็นั่งลงบนโต๊ะและจิบไวน์แดงอย่างสบายอารมณ์หากคนที่มาหาเรื่องตอนนี้เป็นหัวหน้าตระกูลกาโตร์หรือบรรพบุรุษ บางทีเขาอาจจะออกไปสู้เอง อย่างไรก็ตามในเมื่อชายคนนี้เป็นแค่คุณชายน้อย เขาก็ไม่อยากลดตัวไปเสียเวลาด้วย
ขอรับนายน้อย ค้างคาวม่วงพยักหน้าและเดินออกไปข้างหน้าเพื่อต่อสู้แทนฉิงเฟิง
เฮอะไอ้เด็กหัวเซี่ย นายทำให้เราผิดหวังนักที่ปล่อยให้ลูกน้องออกมาสู้แทน กลัวเราสินะ ใบหน้าของคุณชายตระกูลกาโตร์ดูมืดมน เขาหายใจแรงด้วยความหงุดหงิด
คุณชายน้อยมาจากตระกูลกาโตร์ซึ่งเป็นหนึ่งในสิบตระกูลใหญ่แห่งสมาพันธ์เทพนภาเขามีอิทธิพลและอำนาจมากในทวีปเสือ ถึงกระนั้นเขากลับโดนดูถูกจากฉิงเฟิง เขารู้สึกโกรธมาก
ฉิงเฟิงจิบไวน์ต่อไปแล้วพูดว่า ไม่ใช่ว่ากลัว แต่นายมันอ่อนแอเกินไป ไม่มีคุณสมบัติพอมาสู้กับฉันหรอก ไว้ชนะลูกน้องฉันให้ได้ก่อนค่อยพล่าม
ได้ได้ ได้ ! งั้นเราจะอัดลูกน้องนายให้น่วมจากนั้นเราจะไปตั้นหน้านาย !
คุณชายน้อยตระกูลกาโตร์กล่าวด้วยความโกรธเขาพูดคำว่า ได้ ถึงสามครั้งเพื่อแสดงถึงความมั่นใจของเขา
คุณชายกาโตร์ชายหนุ่มหัวเซี่ยคนนี้หล่อเหลานัก ชั้นรู้สึกถูกใจมาก อย่าหนักมือกับเขานักล่ะ ทันใดนั้นเอง น้ำเสียงที่ดูชดช้อยก็ดังขึ้น
เจ้าของเสียงคือเด็กผู้หญิงอายุประมาณยี่สิบปีที่งดงามมากใบหน้าที่งดงามของเธอเต็มไปด้วยสีแดงจางๆ ผิวขาวนวลเนียนของเธอดูเร้าร้อน ดวงตาสีฟ้าคู่นั้นของเธอราวกับอัญมณี อีกทั้งหน้าอกใหญ่คู่โตของเธอก็ช่างดึงดูดสายตาผู้คนอย่างยิ่ง
เธอชื่อว่าอาฟริล(Avril) คุณหนูของตระกูลค้างคาวแห่งทวีปเสือ เธอเกิดสปาร์คกับราชาอสูรค้างคาวม่วงตั้งแต่แรกพบหน้า… ไม่ได้มีเพียงแค่หัวเซี่ยเท่านั้นที่มีตระกูลค้างคาวแม้แต่ในทวีปเสือก็มีเช่นกัน
ในฐานะที่เป็นคนของตระกูลค้างคาว,อาฟริลสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของบรรพบุรุษค้างคาวบนร่างของราชาอสูรค้างคาวม่วงซึ่งทำให้เธอหลงใหลต่อเขา เธอตกหลุมรักค้างคาวม่วงเข้าแล้ว
เมื่อได้ยินสิ่งที่อาฟริลพูดใบหน้าของคุณชายกาโตร์ก็แปรเปลี่ยนไปและกล่าวด้วยความโกรธว่า ชายคนนี้เป็นชาวหัวเซี่ย เธอเป็นถึงคุณหนูของหนึ่งในสิบตระกูลใหญ่แห่งทวีปเสือของเรา เธอลดศักดิ์ศรีตัวเองไปสนใจพวกชั้นต่ำเช่นนี้ได้อย่างไร เราไม่เข้าใจ !
คุณชายกาโตร์นี่ไม่ใช่ธุระของนาย ถ้านายกล้าทำร้ายพ่อรูปหล่อคนนี้ของชั้นล่ะก็ เรื่องไม่จบง่ายๆแน่ ! เขาเป็นชายเพียงคนเดียวที่ชั้นพึงตาต้องใจ ชั้นจะพิชิตเค้า !
อาฟริลเลียริมฝีปากสีแดงสดของเธอและกล่าวด้วยรอยยิ้ม ค้างคาวม่วงขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจบนใบหน้าของเขาเขาเป็นถึงหนึ่งในสิบราชาอสูรและได้ปลุกพลังสายเลือดของราชาค้างคาวม่วงแล้ว เขาไม่ชอบที่ถูกเธอมองเป็นของเล่น
นายไอ้หน้าจระเข้ จะสู้ก็เข้ามาสักที ทำไมพล่ามมากมายเป็นตุ๊ดซะขนาดนี้
ค้างคาวม่วงมองคุณชายกาโตร์และกล่าวด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ
เด็กดี…ถ้านายอยากตายนักเราจะให้นายสมความปรารถนา ! คุณชายกาโตร์มีสีหน้ามืดมนและเดินก้าวใหญ่ไปหาค้างคาวม่วง ทุกย่างก้าวของเขาช่างทรงพลัง มันทำให้พื้นดินในห้องจัดเลี้ยงต้องสั่นสะเทือน