หัวหน้ากลุ่มทั้งสามปลดปล่อยเขตแดนสามสายที่แตกต่างกันออกมาพร้อมกันหมายจะดักจับและฆ่าฉิงเฟิงให้ได้
พวกเขาเชื่อมั่นว่าไม่ว่าชายหนุ่มคนนี้จะแข็งแกร่งเพียงใด เขาย่อมไม่อาจหนีรอดไปจากเขตแดนทั้งสามได้
แต่ความเป็นจริงอาจจะเลวร้ายในบางครั้ง…
ฉิงเฟิงยิ้มบางและโห่ร้องออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว
เขตแดนแรงโน้มถ่วง
!
เขตแดนพายุ
!
เขตแดนเพลิงพินาศ
!
ภายในรัศมียี่สิบเมตร,แรงโน้มถ่วงอันมืดมิด, พายุสีเขียว, และเพลิงสีแดงของทั้งสามเขตแดนก่อตัวขึ้น พลังทั้งสามสายนี้เป็นเขตแดนที่ทรงพลังและเป็นตัวแทนของแต่ละธาตุ
เขตแดนแห่งแรงโน้มถ่วงสะกดเขตแดนเสือดำให้ตรึงอยู่กับพื้นด้วยแรงโน้มถ่วงอันมหาศาลในขณะที่เขตแดนพายุสะกดเขตแดนแมวป่าและตัดมันเป็นชิ้นๆด้วยดาบสายลม และสุดท้ายเขตแดนเพลิงพินาศยับยั้งเขตแดนงูพิษด้วยการเผาพวกมันเป็นเถ้าถ่าน
เขตแดนทั้งสามของฉิงเฟิงสะกดข่มเขตแดนของเหล่าหัวหน้ากลุ่มในระยะ20 เมตรทันที (ตอนที่แล้วพิมพ์เป็น 200 เมตรขออภัย ต้นฉบับ ENG แปลมา 200 เมตรผมก็แปลตาม ลืมดู สรุปคือ 20 เมตรครับ)
ภายในเวลาไม่นานเขตแดนของหัวหน้าทั้งสามก็พ่ายแพ้ย่อยยับ พวกเขากระอักเลือดและได้รับบาดเจ็บสาหัสไปตามๆกัน
มนุษย์ปุถุชนธรรมดาไม่สามารถปลดปล่อยพลังเขตแดนได้มีเพียงเหล่าผู้เหนือมนุษย์ที่เหยียบย่างเข้าสู่ขอบเขตแห่งแกรนด์มาสเตอร์เท่านั้นถึงจะสามารถทำได้ เพราะการโจมตีประเภทนี้ก่อเกิดมาจากพลังแท้และแก่นโลหิตของแต่ละบุคล
เมื่อฝ่ายหนึ่งทำลายเขตแดนของอีกฝ่ายได้ร่างกายของผู้ถูกทำลายจะได้รับความเสียหายโดยตรง
ไอ้หนุ่ม… นี่แกถึงกับใช้เขตแดนพร้อมกันได้ถึงสามสาย !
หัวหน้ากลุ่มเสือดำ,แมวป่าและงูพิษต่างก็ตกตะลึง
ในฐานะหัวหน้าตระกูลของสมาพันธ์เทพนภาพวกเขารู้ซึ้งถึงพลังแห่งเขตแดน ความแข็งแกร่งนั้นไม่เพียงพอในการเรียนวิธีควบคุมพลังเขตแดน แต่ยังต้องอาศัยพรสวรรค์และการรับรู้ ยิ่งมีพรสวรรค์มากเท่าไหร่เขตแดนที่สามารถรู้แจ้งก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
ในโลกศิลปะการต่อสู้โบราณเช่นยอดฝีมือระดับเหนือสวรรค์จะไม่สามารถใช้เขตแดนได้ มีเพียงเฉพาะผู้ที่ได้ก้าวถึงระดับแกรนด์มาสเตอร์เท่านั้นจึงจะสามารถทำได้ อย่างไรก็ตามมันหาได้ยากมาก
ถึงแม้ว่าแกรนด์มาสจะใช้เขตแดนได้แต่พวกเขาเกือบทั้งหมดมีความเข้าใจเพียงเขตแดนเดียว มีเพียงยอดฝีมือที่เปี่ยมล้นด้วยพรสวรรค์และความสามารถเท่านั้นถึงจะใช้ได้สองเขตแดนพร้อมกัน อย่างไรก็ตาม มันหาได้ยากยิ่งกว่ายาก
ยิ่งไปกว่านั้นผู้ที่สามารถใช้พลังเขตแดนพร้อมกันได้สามสายนั้นหาได้ยากสุดแสนราวกับสมบัติระดับชาติ กล่าวกันว่ายอดฝีมือประเภทนี้มีเพียงคนเดียวในรอบหลายร้อยปี
ในขณะนี้หัวหน้ากลุ่มทั้งสามทั้งตื่นตระหนกและตกใจอย่างยิ่งต่อพรสวรรค์ของหลี่ฉิงเฟิง เขารู้เลยว่าถ้าหากวันนี้กำจัดเขาไม่ได้ วันหนึ่งเขาจะกลายเป็นสุดยอดฝีมือผู้ทรงพลัง
ยิ่งไปกว่านั้นหลี่ฉิงเฟิงก็เป็นชาวหัวเซี่ย มันเป็นเรื่องน่าผิดหวังอย่างมากสำหรับนักรบแห่งทวีปเสือเช่นพวกเขา
ฆ่ามัน! หัวหน้ากลุ่มทั้งสามโห่ร้องออกมาด้วยความโกรธ พวกเขาเลิกใส่ใจต่อบาดแผลบนร่างกาย สิ่งที่พวกเขาต้องการและจำเป็นต้องทำที่สุดในตอนนี้ก็คือการฆ่าชายหนุ่มผู้นี้ให้ได้
พวกแกกล้าโจมตีฉันด้วยอาการบาดเจ็บเช่นนี้ คิดจะฆ่าตัวตายหรือไง ?
ฉิงเฟิงกล่าวด้วยความรังเกียจ
วูบ!
กระบี่เพลิงคะนองของฉิงเฟิงพุ่งทะลุผ่านอากาศราวกับสายฟ้าฟาดเข้าหาหัวหน้ากลุ่มทั้งสามในทันที
กระบี่นี้รวดเร็วมากจนแยกอากาศออกเป็นสองส่วนและพุ่งสู่ท้องฟ้าสูงนับสิบเมตร ฉัวะ!
ศีรษะของหัวหน้ากลุ่มเสือดำหลุดลอยขึ้น
ฉัวะ!
ต่อมาก็ศีรษะของหัวหน้ากลุ่มแมวป่า
ฉัวะ!
และสุดท้ายศีรษะของหัวหน้ากลุ่มงูพิษก็ลอยขึ้นฟ้าอีกคน
ในพริบตาเดียวหัวหน้ากลุ่มทั้งสามก็พบกับความตายศีรษะของพวกเขาแยกออกจากร่างกายและเลือดสีแดงสดก็ไหลชโลมไปทั่วพื้นจนกลายเป็นสีแดงฉาด ทันใดนั้นเองงานแต่งงานอันรื่นรมย์ก็เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด
ครืดครืด ครืด ครืด …
ทุกคนเริ่มก้าวถอยหลังพวกเขามองฉิงเฟิงด้วยความสยดสยอง มีบางคนแทบจะล้มทั้งยืน บางคนก็แทบหมดสติ และบางคนก็หยุดตัวสั่นด้วยความกลัวไม่ได้
งานแต่งงานควรจะครึกครื้นและมีชีวิตชีวาอย่างไรก็ตามมันมันกลับกลายเป็นดั่งนรกที่เต็มไปด้วยกองเลือดและศพที่เหม็นคุ้งกลิ่นคาวเลือดในอากาศ
ฉิงเฟิงเหยียบย่ำศัตรูของเขาเขาฆ่าหัวหน้าตระกูลกาโตร์และหัวหน้ากลุ่มแมงมุม และล่าสุดเขาก็เพิ่งฆ่าหัวหน้ากลุ่มไปอีกสาม ตอนนี้เขาฆ่าหัวหน้าตระกูลของสมาพันธ์เทพนภาไปถึงห้าคนแล้ว อีกทั้งยังไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่เพียงนิดเดียว !
สมาพันธ์เทพนภามีหัวหน้าตระกูลอยู่สิบคนและฉิงเฟิงก็ฆ่าไปครึ่งหนึ่งแล้วนับได้ว่าสมาพันธ์เทพนภาสูญเสียฐานอำนาจไปถึงครึ่ง
มีเพียงผู้ที่โง่เง่าเท่านั้นถึงดูไม่ออกว่าฉิงเฟิงมีพลังในระดับครึ่งก้าวจิตวิญญาณแท้จริงไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าเขาไร้เทียมทานในขอบเขตเดียวกัน
มีผู้คนมากมายที่ร่วมงานแต่งงานของออกัสตินบางคนเป็นเพื่อน บางกลุ่มเป็นพันธมิตรและบางคนก็เป็นศัตรูคู่อริ เช่นโพไซดอนจากกลุ่มเทพสมุทร
ร่องรอยแห่งความสุขเปล่งประกายผ่านแววตาของโพไซดอนเขาเต็มไปด้วยความชื่นชมต่อชายหนุ่มผู้นี้
ท่านพ่อคะพี่ใหญ่เก่งจังเลย ! บุตรสาวตัวน้อยของโพไซดอนกล่าวขึ้น
เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนนี้เป็นเด็กคนที่ฉิงเฟิงได้ช่วยชีวิตไว้ในระหว่างการแข่งขันทักษะทางการแพทย์ในเมืองตงไห่เมื่อตอนที่หัวหน้าตระกูลกาโตร์จะลงมือกับฉิงเฟิง เธอได้ร่ำร้องบอกให้พ่อของเธอช่วยเขา แต่โพไซดอนส่ายหน้าและบอกว่าไม่จำเป็น
เธอไม่เชื่อคำพูดของพ่อเธอในตอนแรกแต่หลังจากเธอได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เธอก็เชื่อมั่นในคำพูดของพ่อเธอ
โดยปกติแล้วสถานการณ์ที่โหดเหี้ยมเช่นนี้เด็กๆคงจะหมดสติแต่เด็กหญิงคนนี้กลับแตกต่างออกไป เธอไม่มีอาการหวาดกลัวแม้แต่น้อย ในฐานะเจ้าหญิงน้อยแห่งกลุ่มเทพสมุทรเธอได้ผ่านเรื่องราวการฆ่าฟันและความขัดแย้งมามากมาย เธอเห็นคนตายมามากแม้แต่ต่อหน้าก็ยังมี ดังนั้นเรื่องเหล่านี้เธอไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย
ใบหน้าของอลิซเต็มไปด้วยความสุขเธอไม่เคยคิดเลยว่าบอสของเธอจะแข็งแกร่งขึ้นถึงเพียงนี้ เขาทรงพลังมากขึ้นกว่าครั้งสุดท้ายที่พบกันในหัวเซี่ย
ในตอนแรกอลิซกังวลว่าบอสจะช่วยเธอได้หรือไม่แต่หลังจากที่เขาลงมือ เธอถึงรู้ว่าเขาแข็งแกร่งเพียงใด ความระแวงและความกังวลของเธอก็หายไป
อย่างไรก็ตามคำพูดของออกัสตินทำให้เธอเริ่มเป็นกังวัลอีกครั้ง
หลี่ฉิงเฟิงข้าคงต้องขอชมและอดพูดไม่ได้ว่าเจ้าแข็งแกร่งมาก นักรบระดับครึ่งก้าวจิตวิญญาณแท้จริงยังไม่อาจเฉียดใกล้กับความแข็งแกร่งอย่างที่เจ้ามี ดูเหมือนว่าข้าคงต้องหาคู่มือที่เหมาะสมกว่านี้ให้เจ้าเสียแล้ว ลอร์ดอัลบรอน ท่านเป็นคนของสันตะสำนัก ท่านจะทำอย่างไรกับเรื่องนี้
ออกัสตินกล่าวกับอัลบรอนที่เป็นเจ้าภาพงานแต่งงานด้วยรอยยิ้มอันอ่อนโยน
ใบหน้าของอัลบรอนเริ่มดูเป็นกังวลด้วยความลังเลเล็กน้อย
สมาพันธ์เทพนภาเป็นพันธมิตรและผู้สนับสนุนที่สำคัญของสันตะสำนักพวกเขาปรนเปรอทรัพยากรหลายอย่างในแต่ละปีเช่น เงิน ที่ดิน ผู้หญิงและผู้ติดตาม
ในขณะนี้สมาพันธ์เทพนภาเสียกำลังสำคัญอย่างหัวหน้าตระกูลไปถึงห้าคนออกัสตินไม่ต้องการให้เกิดความสูญเสียไปมากกว่านี้ ดังนั้นเขาจึงขอความช่วยเหลือจากสันตะสำนัก
ในฐานะกองกำลังระดับซุปเปอร์ของทวีปเสือสันตะสำนักไม่เพียงแค่มีอิทธิพลอย่างน่ากลัวเท่านั้น แต่ยังมีบุคคลผู้ทรงอำนาจนับไม่ถ้วนที่แข็งแกร่งกว่าเหล่าหัวหน้าตระกูลของสมาพันธ์เทพนภา อัลบรอนลังเลอยู่ครู่หนึ่งและตัดสินใจยื่นมือเข้าร่วมในสถานการณ์นี้เพราะสมาพันธ์เทพนภาสำคัญต่อพวกเขาอย่างมาก
แน่นอนว่าอัลบรอนคงไม่ลงมือเองเพราะเขารับรู้ได้ว่าฉิงเฟิงแข็งแกร่งกว่าครั้งที่แล้วที่ได้พบกันไปไกลโข เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉิงเฟิงอีกต่อไป
อัลบรอนจำเป็นที่จะต้องส่งสุดยอดฝีมือของสันตะสำนักออกไป