ฉิงเฟิงอลิซถูกลักพาตัวไปที่ทวีปเสืองั้นหรือ ไปช่วยเธอเร็วเข้า !
หลิวหรูหยานกล่าวด้วยความร้อนใจ
เธอกับอลิซสนิทกันมากอลิซคอยปกป้องเธออยู่ตลอดเวลาและอยู่ด้วยกันแทบจะ 24 ชั่วโมง
ในความคิดของหลิวหรูหยานเธอชอบอลิซมากเพราะพวกเธอเป็นผู้หญิงที่อยู่ในสถานะคล้ายๆกันของฉิงเฟิง พวกเธอมองหลินเสวี่ยเป็นศัตรูจึงสนิทกันขึ้นไปอีก
หรูหยานคุณเพิ่งจะคลอดลูกแล้วจะให้ผมไปทันที…. นี่ มัน ค่อนข้างจะ…
ฉิงเฟิงรู้สึกละอายใจเมื่อเห็นว่าหลิวหรูหยานเพิ่งจะคลอดลูกและตอนนี้เขาก็ต้องไปต่างประเทศอีกเขารู้สึกเสียใจที่ไม่มีเวลาดูแลเธอให้มากกว่า
ซึ่งที่จริงแล้วหลิวหรูหยานเป็นคนมีน้ำใจเธอไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยและแยกแยะหนักเบาได้ เธอยิ้มและพูดว่า ลูกก็คลอดแล้วอีกทั้งยังแข็งแรงมาก ตอนนี้ชั้นไม่มีอะไรกังวลแล้ว แต่อลิซนั้นไม่ใช่ เธอกำลังตกอยู่ในอันตรายและชั้นมองอลิซเหมือนเป็นน้องสาว ชั้นอยากให้คุณพาเธอกลับมาโดยเร็วที่สุด
หรูหยานถ้าคุณคิดได้แบบนี้ผมก็สบายใจ ขอให้เชื่อใจผมนะ ผมจะพาอลิซกลับมาจากทวีปเสือให้ได้อย่างแน่นอน ฉิงเฟิงจูบหน้าผากของเธอและกล่าวอย่างอ่อนโยน
ฉิงเฟิงจัดแจงเรื่องทุกอย่างในโรงพยาบาลให้หลิวหรูหยานและขอให้ราชาอสูรสิงโตและราชาอสูรมังกรเขียวทำหน้าที่ปกป้องเธอ นอกจากราชาอสูรทั้งสองแล้ว ฉิงเฟิงก็ยังขอให้คนจากตระกูลลั่วและตระกูลถังคอยปกป้องเธออีก
แทบจะพูดได้ว่าห้องพักฟื้นของหลิวหรูหยานนั้นเป็นห้องที่ปลอดภัยที่สุดในเมืองเทียนจิงไปแล้วคนที่ได้รับการคุ้มกันหนาแน่นเช่นนี้นอกจากนายกรัฐมนตรีก็มีเพียงเธอคนเดียว ในการเดินทางไปทวีปเสือครั้งนี้ฉิงเฟิงไม่เพียงแค่พาทีมเขี้ยวหมาป่าไปเท่านั้นแต่เขายังพาราชาอสูรค้างคาวม่วงไปด้วยอีกคน
ราชาอสูรค้างคาวม่วงนั้นมีความเร็วที่สุดในบรรดาราชาอสูรทั้งสิบคนฉิงเฟิงขอให้เขาติดตามไปทวีปเสือด้วย เผื่อจะต้องอาศัยเขาในช่วงเวลาสำคัญ
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วฉิงเฟิงก็พาทุกคนและขับรถไปที่สนามบินโดยทันที
ราชาอสูรค้างคาวม่วงกำลังขับรถโดยมีฉิงเฟิงนั่งข้างคนขับเขาหยิบโทรศัพท์ออกมาและโทรหาหลินเสวี่ย
หลินเสวี่ยรีบรับสายอย่างรวดเร็วและถามว่า ที่รักคะ คุณกำลังจะกลับบ้านเหรอ
ในน้ำเสียงของหลินเสวี่ยเต็มเปี่ยมไปด้วยความคาดหวังการที่เธอได้เห็นหลิวหรูหยานคลอดลูกวันนี้ทำให้เธออารมณ์เสีย เธออยากอยู่กับฉิงเฟิงและยอมเป็นของเขาจริงๆสักที เธออยากนอนกับเขาและมีลูก ในขณะที่เขาได้ยินเสียงของหลินเสวี่ยที่เต็มไปด้วยอารมณ์ฉิงเฟิงก็รู้สึกผิด เขามัวแต่ยุ่งวุ่นวายกับปัญหาต่างๆนาๆข้างนอกจนไม่มีเวลาอยู่กับหลินเสวี่ยเลย เขาเป็นสามีที่ไม่ดี
ที่รักผมขอโทษนะ ผมต้องไปที่ทวีปเสือเพื่อช่วยอลิซเดี๋ยวนี้เลย หลังจากกลับมาแล้วผมจะอยู่กับนะ คุณจะว่าอะไรไหม ฉิงเฟิงกล่าวด้วยความเสียใจ
หลินเสวี่ยถอนหายใจด้วยความรู้สึกผิดหวังแต่เธอรู้ว่าการช่วยอลิซเป็นเรื่องสำคัญที่สามีของเธอจะต้องทำ เพราะอลิซเป็นสมาชิกในทีมเขี้ยวหมาป่าที่ใกล้ชิดกับเขามานาน
เข้าใจแล้วชั้นจะรอคุณนะ เดินทางปลอดภัยด้วย หลินเสวี่ยกล่าวด้วยเสียงต่ำ เธอไม่ได้อยู่กับฉิงเฟิงมาพักใหญ๋ๆแล้ว เธอคิดถึงเขามากจนฝันถึงแต่เขาทุกคืน
โอเคผมจะรีบกลับมาอย่างปลอดภัย ฉิงเฟิงวางสายไป และสิ่งที่อยู่ในหัวเขาก็คือใบหน้าที่งดงามเย็นชาดั่งเทพธิดาของหลินเสวี่ย มันทำให้เขาอมยิ้มและรู้สึกอบอุ่นใจ ไม่ว่าจะมีผู้หญิงกี่คนที่ผ่านเข้ามาหลินเสวี่ยก็ยังคงเป็นคนสำคัญที่สุดของเขาเสมอ เธอคือผู้หญิงที่แต่งงานกับเขาคนแรกและเสียสละเพื่อเขามามาก
ครั้งนี้หลินเสวี่ยมาถึงเมืองเทียนจิงเพื่อเยี่ยมหลิวหรูหยานถึงแม้พวกเธอจะทะเลาะกันแต่ก็ยังอยู่ในขอบเขตและไม่ได้ทำตัวน่ารำคาญ ซึ่งดีกว่าผู้หญิงทั่วไป ฉิงเฟิงรู้สึกซาบซึ้งกับความมีน้ำใจของหลินเสวี่ยมาก
นายน้อยครับมีคนตามพวกเรามา ค้างคาวม่วงขมวดคิ้วและกล่าวขึ้น
ราชาอสูรค้างคาวม่วงไม่เพียงแค่รวดเร็วแต่เขายังมีสายตาที่ดี เขาสามารถเห็นคนที่ติดตามพวกเขาได้อย่างง่ายดาย
ฉิงเฟิงตื่นตัวขึ้นและมองกระจกหลังทันทีเขาเห็นรถจี๊ปสีแดงขับตามพวกเขามา
ฉิงเฟิงใช้พลังวิญญาณตรวจสอบผู้ที่อยู่ในรถจี๊ปสีแดงข้างหลังอย่างระมัดระวังเขารู้สึกได้ถึงกลิ่นคาวเลือด คนของนิกายแวมไพร์น่ะ ฉิงเฟิงยิ้มและกล่าว
ฉิงเฟิงนั้นอ่อนไหวต่อกลิ่นอายของนิกายแวมไพร์มากเพราะพวกมันมีกลิ่นอายแห่งความชั่วร้ายและเลือดของวิญญาณชั่ว
นิกายแวมไพร์
!
ใบหน้าของค้าวคาวม่วงเปลี่ยนไปและความเกลียดชังปรากฏในดวงตาของเขาเขาเกลียดผู้คนของนิกายแวมไพร์มากที่สุดเพราะคนของนิกายนี้ฆ่าอาจารย์ของเขา
นายน้อยผมต้องการฆ่าพวกมัน ! จิตสังหารแผ่ซ่านออกมารอบตัว, ใบหน้าที่หล่อเหลาของค้างคาวม่วงเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า
ฉิงเฟิงรู้ดีถึงอดีตของค้างคาวม่วงและนิกายแวมไพร์เขาพยักหน้าและกล่าวว่า เข้าใจแล้ว จอดข้างถนนแล้วลงไปเล่นมันเลย
ค้างคาวม่วงจัดรถริมถนนทันทีและเดินออกมาจากรถร่างของเขาเหมือนประกายสายฟ้าสีม่วงและมาปรากฏตัวที่หน้ารถจี๊ปสีแดงในเวลาไม่กี่วินาที
บนรถจี๊ปสีแดงมีคนทั้งหมดสี่คนทุกคนเป็นคนของนิกายแวมไพร์ เดิมทีพวกเขากำลังลอบติดตามฉิงเฟิง แต่จู่ๆรถของฉิงเฟิงก็จอดและมีชายหนุ่มหน้าตาดีปรากฏตัวขึ้นข้างๆพวกเขาในพริบตาดั่งภูติพราย
ตาย!
ค้างคาวม่วงไม่พูดพร่ำทำเพลงและหักคอชายคนแรกทันที
บัดซบ! แกไปกินดีหมีมารึไง พวกข้าเป็นคนของนิกายแวมไพร์ แกกล้าลงมือกับพวกข้าได้อย่างไร แกหนีไม่รอดแน่ ! ชายคนที่สองตะโกนเสียงดังเมื่อเห็นพรรคพวกตาย
จุดประสงค์ของคำพูดของเขาก็คือต้องการแสดงตัวตนเพื่อข่มขู่ค้างคาวม่วงให้หวาดกลัวเพราะนิกายแวมไพร์เป็นนิกายนอกรีตระดับสูง คนทั่วไปมักจะเผ่นหนีทันทีเมื่อเห็นพวกเขา ฉันคือคนที่พวกแกกำลังตามหาไง ค้างคาวม่วงแสยะยิ้มด้วยน้ำเสียงอันเยือกเย็น คนที่เหลือต่างสั่นสะท้านเมื่อได้ยินคำพูดนี้
กร๊อบ!
ค้างคาวม่วงเหยียดมือออกไปอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดและบีบคอคนที่เหลือทั้งสามคนในพริบตา
หวือ!
ค้างคาวม่วงขยับร่างของเขาเหมือนดั่งพายุทอร์นาโดสีแดงทั้งหมดที่คุณเห็นก็คือเงาสีแดงเท่านั้น เขามาปรากฏตัวข้างรถที่ฉิงเฟิงนั่งรถในพริบตา
เร็วมาก ฉิงเฟิงมองค้างคาวด้วยความชื่นชม
ในบรรดาราชาอสูรทั้งสิบคนค้างคาวม่วงเป็นเพียงคนเดียวที่มีความเร็วเทียบเท่ากับฉิงเฟิง เขาเร็วมาก !
นายน้อยผมจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ เดินทางกันต่อเถอะ ค้างคาวม่วงกล่าวด้วยรอยยิ้มเล็กน้อยและขึ้นไปขับรถพาทุกคนเดินทางต่อไปยังสนามบินเมืองเทียนจิง
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
ทุกคนมาถึงที่สนามบินนานาชาติเทียนจิงลั่วหนี่ชิงได้จองตั๋วเครื่องบินไว้ให้พวกเขาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งสายการบินระหว่างประเทศนี้เป็นทรัพย์สินของตระกูลลั่ว ดังนั้นฉิงเฟิงและทุกคนจึงเดินตรงไปที่ชั้นเฟิสคลาสซึ่งเป็นที่นั่งที่ดีที่สุดบนเครื่องบิน
ผู้โดยสารรายอื่นบนเที่ยวบินเดียวกันได้เห็นฉิงเฟิงและพรรคพวกเดินไปที่ชั่นเฟิสคลาสพวกเขาเต็มไปด้วยความอิจฉาแต่ก็ไม่มีคุณสมบัติพอ