กลืนกิน! ฉิงเฟิงคำรามเสียงต่ำและสั่งให้สายเลือดผู้กลืนกิน ดูดกลืนพลังที่เหลือทั้งหมดของมังกรดำในทันที
เนื่องจากสายเลือดมังกรดำถูกมังกรอัคคีกลืนกินไปครึ่งตัวแล้วอีกครึ่งที่เหลือจึงมีพลังไม่มากพอที่จะหลบหนี ผลที่ตามมาคือมันถูกกลืนกินโดยวังวนสีดำของฉิงเฟิงและเปลี่ยนมาเป็นพลังงานของเขา
ในฐานะที่เป็นสัตว์เทวะบรรพกาลในตำนานของตะวันตกมังกรดำเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงานมหาศาลและทรงพลังอย่างยิ่ง หลังจากที่ฉิงเฟิงกลืนกินเข้าไปแล้ว มันก็เปลี่ยนเป็นกลุ่มก้อนพลังแท้จำนวนมหาศาลไปทั่วร่างกายของเขา มันไหลผ่านเส้นลมปราณ, กล้ามเนื้อ และในที่สุดก็ท้องส่วนล่างของเขา
ตันเถียนหรือช่องท้องส่วนล่างเป็นสถานที่ในร่างกายมนุษย์ที่ซึ่งกักเก็บพลังงานและพลังแท้เอาไว้มันเป็นแหล่งที่มีแก่นวิญญาณคงอยู่
ผู้ฝึกฝนวิทยายุทธโบราณนั้นทำได้เพียงแค่รวบรวมพลังแท้เท่านั้นแต่ผู้ฝึกตนหรือผู้บ่มเพาะพลังจะสามารถรวบรวมแก่นวิญญาณซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญที่แข็งแกร่ง
ยกตัวอย่างเช่นถ้าหากพลังแท้คือก๊าซชนิดหนึ่ง งั้นแก่นวิญญาณก็จะมีสถานะเป็นของแข็ง มันคือการรวมพลังแท้เข้าไปไว้ในของแข็งซึ่งทำให้มีพลังที่ยิ่งใหญ่ขึ้น และยังรวมไปถึงความเร็วในการโจมตีที่จะเพิ่มขึ้นด้วย
กลุ่มก้อนพลังงานสีเขียวที่ไม่อาจวัดได้จำนวนมากเริ่มปั่นป่วนอยู่ในตันเถียนของฉิงเฟิงมันหมุนวนและควบแน่นเป็นแก่นวิญญาณสีเขียว ขนาดของแก่นในตอนแรกเริ่มมีขนาดเพียงแค่เข็มหมุด จากนั้นมันก็ค่อยๆใหญ่ขึ้น จากนั้นก็ขยายตัวเป็นขนาดเท่าเมล็ดข้าว – ถั่วเหลือง – เหรียญและก็กลายเป็นมีขนาดเท่าไข่ฟองหนึ่ง
ในที่สุดแก่นวิญญาณขนาดเท่าไข่ก็ก่อตัวขึ้นในจุดตันเถียนของฉิงเฟิงแก่นวิญญาณนั้นแข็งแกร่งมาก มันรายล้อมไปด้วยกลุ่มเมฆสีเขียวและปล่อยคลื่นพลังงานมหาศาลออกมา
ตูม
!!
พลังงานมหาศาลหลั่งไหลพรั่งพรูออกมาจากร่างของฉิงเฟิง
ทะลุสรวงสวรรค์,เขย่าปฐพี
ในที่สุดฉันก็ได้มาถึงขอบเขตจิตวิญญาณแท้จริงขั้นต้นแล้ว….
ฉิงเฟิงพึมพัมออกมาอย่างตื่นเต้นเมื่อสัมผัสได้ถึงแก่นวิญญาณและพละกำลังความแข็งแรงของแขนที่เพิ่มมากขึ้น
เมื่อทะลวงผ่านมาถึงจิตวิญญาณแท้จริงขั้นต้นก็หมายความว่าหมัดทลายนรกานต์ของเขาก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นยิ่งไปกว่านั้นฉิงเฟิงก็จะสามารถทลายผนึกชั้นที่สองของกระบี่เพลิงคะนองได้อีกด้วย ! พรวด!
เนื่องจากพลังสายเลือดมังกรดำของเขาถูกฉิงเฟิงกลืนกินเข้าไปมันสร้างความเสียหายต่อร่างกายของหัวหน้ากลุ่มมังกรดำ เขาพ่นเลือดสดออกมามากมาย พลังวิญญาณของเขาตอนนี้ก็เหมือนลูกบอลลูนที่อ่อนแอ
ราชาอสูรค้างคาวม่วงไม่ยอมพลาดช่วงเวลานี้เขาฉวยโอกาสในตอนที่หัวหน้ากลุ่มมังกรดำกำลังอ่อนแอด้วยการพุ่งเข้าประชิดด้วยความเร็วแสงและทะลวงอกคว้าหัวใจของเขาเอาไว้ในทันที
ฉัวะ!
หัวหน้ากลุ่มมังกรดำอยู่ในสภาพอ่อนแอเกินกว่าที่จะตอบสนองได้ทันหัวใจของเขาถูกกรงเล็บกระชากเป็นเป็นชิ้นๆโดยค้างคาวม่วง ด้วยความหวาดกลัวที่ปรากฏขึ้นในสายตาของเขา, ร่างกายของเขาล้มลงกับพื้นอย่างแรงและตายหลังจากช่วงเวลาสั้นๆ
รู้งานนี่ค้างคาวม่วง ฉิงเฟิงกล่าวชมเชยค้างคาวม่วงด้วยรอยยิ้ม ราชาอสูรค้างคาวม่วงหัวเราะคิกคักอย่างปลาบปลื้มใจจากคำพูดของฉิงเฟิงการได้รับคำชมเชยจากนายน้อยทำให้เขามีความสุขมาก
แต่แน่นอนว่าสิ่งที่ทำให้เขาปลื้มที่สุดก็คือการได้สังหารหัวหน้ากลุ่มมังกรดำต่างหากสำหรับนักสู้อย่างเขาแล้วการล้มยอดฝีมือได้เป็นสิ่งที่ท้าทาย
หัวหน้ากลุ่มมังกรดำเป็นหนึ่งในหัวหน้าตระกูลสิบตระกูลใหญ่ที่ทรงพลังที่สุดของสมาพันธ์เทพนภาในเมื่อตอนนี้เขาตายแล้ว สมาพันธ์เทพนภาย่อมเจ็บปวดอย่างแรง
ออกัสตินรู้สึกเดือดดาลมากเมื่อเห็นหัวหน้ากลุ่มมังกรดำตกตายไปอีกคนเขาคำรามอย่างเกรี้ยวกราดว่า ไอ้ค้างคาวสารเลว ข้าจะฉีกเจ้าเป็นชิ้นๆ !
ออกัสตินเหวี่ยงหมัดขวาออกไปและเปลี่ยนเป็นแฟนท่อมของยักษ์สูงสิบเมตรและพุ่งตรงเข้าหาราชาอสูรค้างคาวม่วงเขาต้องการทุบทำลายค้างคาวบัดซบผู้นี้ให้เป็นชิ้นๆ
เมื่อเห็นภาพนี้ฉิงเฟิงก็รีบพุ่งเข้าใส่ออกัสตินเพราะค้างคาวม่วงไม่ใช่คู่มือของเขา
เพลงหมัดทลายนรกานต์
บดภูผาทลายปฐพี
!
ฉิงเฟิงคำรามออกมาและปล่อยหมัดทลายนรกานต์หมัดที่สองทันทีมันฉายภาพเงาของขุนเขาที่สูงนับสิบเมตร
ตอนนี้เขาเข้าขอบเขตจิตวิญญาณแท้จริงขั้นต้นแล้วทั่วร่างของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแท้มากมาย หมัดทลายนรกานต์จึงแข็งแกร่งกว่าเดิมหลายเท่า
เงาแห่งขุนเขาของหมัดทลายนรกานต์ปะทะเข้ากับแฟนท่อมยักษ์ของหมัดเทวาทำให้เกิดเสียงอึกทึกขึ้น พลังงานจำนวนมหาศาลฉีกกระชากทำลายบรรยากาศและทำให้เกิดหลุมดำยาวนับสิบเมตรหลุมดำแผ่ขยายออกไปทุกทิศทุกทาง มันยกพื้นหินแกรนิตที่ทำจากหินสะเก็ดดาวจนแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ครืดครืด ครืด ครืด !!!!
ในครั้งนี้ฉิงเฟิงยืนหยัดอย่างมั่นคงไม่ไหวติงแต่กลับเป็นออกัสตินที่ต้องถอยรูดไปหลังจากการปะทะ เขาอ้าปากถ่มเลือดสดออกมา
นิ….นี่มันอะไรกันคุณชายออกัสตินได้รับบาดเจ็บ
เป็นไปได้อย่างไร คุณชายออกัสตินเพิ่งจะเอาชนะหลี่ฉิงเฟิงมาได้ แต่ทำไมยกนี้เขาถึงพ่ายแพ้ !?
เจ้าไม่เห็นหรือไง ไม่รู้เพราะเหตุใดแต่ดูเหมือนว่าหลี่ฉิงเฟิงจะมีพลังมากขึ้น ข้าเกรงว่าตอนนี้เขาน่าจะอยู่ในระดับจิตวิญญาณแท้จริงขั้นต้นแล้ว ! ผู้คนโดยรอบต่างก็มองฉิงเฟิงไปด้วยสายตาที่ตกใจผู้ที่มีไหวพริบบางคนได้คาดเดาว่าเขาก้าวเข้าสู่ขอบเขตจิตวิญญาณแท้จริงขั้นต้นไปแล้ว
ออกัสตินรู้สึกโกรธกริ้วอย่างมากเห็นได้ชัดว่าพละกำลังที่เพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันของฉิงเฟิงทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกหยาม
ระดับพลังของแกมาถึงจิตวิญญาณแท้จริงขั้นต้นแล้วงั้นหรือ! ออกัสตินถามอย่างเย็นชา
ในฐานะคุณชายแห่งสมาพันธ์เทพนภาออกัสตินได้ฝึกฝนสรรพวิชา, ใช้สมุนไพรล้ำค่าระดับจิตวิญญาณและดื่มโอสถทิพย์ตั้งแต่ยังเด็ก ถึงกระนั้นเขาก็ยังเพิ่งจะมาถึงขอบเขตจิตวิญญาณแท้จริงขั้นต้นเมื่อวานนี้เอง
แล้วฉิงเฟิงล่ะ เขาใช้เวลาในการฝึกฝนวิทยายุทธ์โบราณและเคล็ดบ่มเพาะพลังของผู้ฝึกตนเพียงแค่ไม่นาน เขายังไม่ได้มีโอกาสกินสมุนไพรวิญญาณหรือยาทิพย์ใดๆนัก แต่เขากลับก้าวมาถึงระดับจิตวิญญาณแท้จริงขั้นต้นแล้วในวันนี้ แถมยังในระหว่างการต่อสู้กับออกัสตินอีกด้วย ออกัสตินรู้สึกไม่พอใจมาก
ออกัสตินฉันต้องขอขอบคุณสมาพันธ์เทพนภาสำหรับความช่วยเหลือในวันนี้ หากไม่ใช่เพราะหัวหน้ากลุ่มมังกรดำของนาย ฉันคงไม่ก้าวหน้ารวดเร็วเช่นนี้ เสียดายที่เขาตายไปซะก่อนไม่งั้นฉันคงพาไปเลี้ยงข้าวเป็นการขอบคุณแล้ว ฉิงเฟิงกล่าวอย่างเย้ยหยัน
ถึงจะฟังดูเยาะเย้ยแต่ฉิงเฟิงก็พูดความจริงเขาทะลวงระดับได้เนื่องจากกลืนกินสายเลือดมังกรดำของหัวหน้ากลุ่มมังกรดำเข้าไป มันทำให้เขามีพลังแท้สะสมมากขึ้นจนตัดผ่านขอบเขตได้ในที่สุด
ด้วยความแข็งแกร่งของตัวเขาเองที่มีฉิงเฟิงอาจจะต้องใช้เวลานานมากกว่าจะรวบรวมแก่นพลังแท้ได้มากพอที่จะทะลวงผ่าน อย่างไรก็ตาม ด้วยพลังของสายเลือดมังกรดำ มันทำให้เขาทะลวงขีดขั้นได้ทันที พรวด!
เมื่อได้ยินคำพูดของฉิงเฟิงออกัสตินก็กระอักเลือดออกมาด้วยความโกรธ แต่เดิมเขาแข็งแกร่งกว่าฉิงเฟิงหลายขั้นและควรจะเป็นผู้ชนะ อย่างไรก็ตามด้วยสายเลือดมังกรดำของหัวหน้ากลุ่มมังกรดำที่ตายไป ทำให้ฉิงเฟิงแข็งแกร่งขึ้นมากและตอนนี้ก็เหนือกว่าออกัสตินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ออกัสตินรับรู้ถึงพลังอันน่าเหลือเชื่อของหมัดทลายนรกานต์ว่ากันว่าหมัดสุดท้ายของเพลงหมัดชุดนี้สามารถสะกดขุมนรกได้ ดังนั้นเมื่อมีระดับบ่มเพาะเท่ากัน ออกัสตินก็ไม่ใช่คู่มือของฉิงเฟิง
หลี่ฉิงเฟิงดูเหมือนข้าคงต้องใช้อาวุธ ออกัสตินแสยะยิ้มออกมา น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า
สีหน้าของออกัสตินดูเคร่งขรึมบรรยากาศโดยรอบพลันเปลี่ยนไปในพริบตา เขาพนมมือและท่องบทสวดบางอย่างออกมาว่า
ข้าคือบุตรเทพของสมเด็จพระสันตะปาปาขอท่านได้โปรดส่งหอกแห่งแสง
[Spearof Light]
และมอบพลังให้ข้าพิชิตศัตรูด้วยเถิด…..
!
หลังจากร่ายคาถาของสันตะสำนักเสร็จทันใดนั้นเองหอกสีขาวก็พุ่งออกมาจากส่วนลึกของมหาวิหารและเข้ามาอยู่ในมือเขา
หอกสีขาวยาวประมาณสามเมตรและกว้างพอๆกับขนาดแขนของเด็กทารกมันเป็นสีเงินขาวทั่วทั้งด้ามซึ่งแกะสลักไว้ด้วยลวดลายที่สลับซับซ้อน ปลายหอกคมกริบอย่างที่ไม่อาจจะคมไปมากกว่านี้ได้และเปล่งแสงวิ้งๆด้วยประกายเย็นยะเยือก
พลังงานมหาศาลพวยพุ่งออกมาจากหอกแห่งแสงมันระเบิดบรรยากาศโดยรอบและก่อให้เกิดหลุมดำจำนวนมาก