ยูเรนัสเจ้าจงไปฆ่าหลี่ฉิงเฟิงซะ อัลบรอนยิ้มเล็กน้อยและออกคำสั่งต่ออัศวินเกราะดำที่อยู่ข้างหลังเขา
อัศวินชายสวมชุดเกราะสีดำสูงเกือบสองเมตรเปล่งกลิ่นอายอันทรงพลังออกมา
ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาสามัญชื่อของเขาคือยูเรนัส เขาเป็นหัวหน้าแห่งอัศวินศักดิ์สิทธิ์ นอกจากนี้เขายังเป็นหนึ่งในสุดยอดฝีมือผู้แข็งแกร่งที่สุดภายใต้สมเด็จพระสันตะปาปา
การที่สันตะสำนักปกครองทวีปเสือได้ไม่ใช่เพียงแค่เพราะศาสนาแต่ยังเป็นเพราะกองกำลังอีกด้วย ไม่ว่าจะยุคไหนสมัยไหน กองกำลังทหารคือสิ่งที่จำเป็นและมีประสิทธิภาพที่สุดในการปกครองผู้คน
ในสมัยสงครามการใช้กำลังสามารถกำจัดศัตรูและปราบปรามประชาชนผู้แข็งข้อได้ ยูเรนัสทรงพลังอย่างยิ่งเมื่อไม่กี่วันก่อนเขาพยายามจะทะลวงระดับไปยังขอบเขตจิตวิญญาณแท้จริงขั้นต้น แม้ว่าเขาจะล้มเหลวแต่ก็นับได้ว่าเขาเกือบจะเข้าถึงขอบเขตจิตวิญญาณแท้จริงแล้ว ระดับของเขานั้นผู้ที่อยู่ในระดับครึ่งก้าวไม่สามารถเปรียบเทียบได้
ในระดับครึ่งก้าวจิตวิญญาณแท้จริงมีทั้งผู้ที่เข้มแข็งและอ่อนแอซึ่งยูเรนัสนับได้ว่าแข็งแกร่งที่สุดในระดับพลังนี้ บางทีถ้าให้เวลาเขาอีกสักไม่กี่วัน เขาย่อมก้าวไปถึงขั้นจิตวิญญาณแท้จริงได้อย่างแน่นอน
พลังระดับนี้…..
ฉิงเฟิงพึมพัมและเริ่มเป็นกังวล
ฉิงเฟิงสัมผัสได้ถึงพลังของยูเรนัสอัศวินศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้แข็งแกร่งกว่าหัวหน้าตระกูลของสมาพันธ์เทพนภาทุกคน
เมื่อเขาคิดได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มันทำให้รู้สึกว่ามีสุดยอดฝีมือระดับนี้เท่านั้นถึงจะคู่ควรเป็นหัวหน้าของเหล่าอัศวินศักดิ์สิทธิ์ ทุกคนจากทวีปเสือรู้ว่ายูเรนัสมีพลังแค่ไหนทันทีที่ได้ยินว่ายูเรนัสจะลงมือจัดการกับฉิงเฟิงด้วยตนเอง ทุกคนก็เริ่มกังขา
โอ้คุณพระช่วย ! ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวันนี้จะได้เห็นหัวหน้าของอัศวินศักดิ์สิทธิ์ลงมือด้วยตนเอง !
ใช่ๆข้าก็เคยได้ยินมาว่าโดยปกติแล้วพวกเขาทำหน้าปกป้องสมเด็จพระสันตะปาปาเท่านั้นและแทบจะไม่มีส่วนร่วมในการต่อสู้ขัดแย้งต่างๆเลย
ข้าจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่เห็นยูเรนัสต่อสู้ก็คือตอนที่กวาดล้างกลุ่มพวกการกบฏของตระกูลโลหิตเขายังสังหารเจ้าชายของตระกูลโลหิตได้อีกด้วย !
หลี่ฉิงเฟิงกำลังจะตายแน่แล้ว
ผู้คนรอบข้างเริ่มพูดคุยกันและดวงตาของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความตกใจ
แม้ว่าพลังของฉิงเฟิงจะทำให้ทุกคนตกตะลึงแต่ความแข็งแกร่งของหัวหน้าอัศวินศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นที่โด่งดังในหมู่ผู้คนของทวีปเสือ ทุกคนต่างรอคอยที่จะได้เห็นฉิงเฟิงถูกทำลาย
ในความเป็นจริงยูเรนัสไม่ได้เป็นแค่เพียงหัวหน้าของเหล่าอัศวินศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น แต่ยังเป็นคู่หมั้นของแคทเธอรีนซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของฉิงเฟิง
ในขณะนี้เองแคทเธอรีนก็ก้าวออกมาและกล่าวด้วยความเศร้าใจว่า ยูเรนัส วูฟคิงเป็นเพื่อนสนิทของชั้น ชั้นหวังว่าคุณจะปล่อยเขาไป
หลังจากที่ยูเรนัสได้ยินสิ่งที่แคทเธอรีนพูดเขาก็ดูเศร้าหมองเขาไม่อยากเชื่อว่าคู่หมั้นของตนเองจะออกหน้าปกป้องฉิงเฟิง
แคทเธอรีนเธอก็เป็นคนของทวีปเสือ เธอมาขอร้องข้าให้ปล่อยชายหนุ่มหัวเซี่ยที่มาก่อความวุ่นวายในงานสำคัญเช่นนี้ได้อย่างไร ใบหน้าของยูเรนัสเต็มไปด้วยทุกข์ใจ เขากล่าวด้วยความผิดหวัง
ถ้าหากเป็นคนอื่นที่พูดกับเขาเช่นนี้ยูเรนัสคงจะตบหน้าไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เธอเป็นคู่หมั้นของเขา เขายังมีหัวใจอยู่ไม่มากก็น้อย
ยูเรนัสชั้นจะพูดอีกครั้งเป็นครั้งสุดท้าย ปล่อยเขาไป ! แคทเธอรีนตอบ
แคทเธอรีนไม่ได้มีเพื่อนมากนักเพราะเธอทำงานในโลกใต้ดินและฉิงเฟิงก็เป็นหนึ่งในไม่กี่คน เธอไม่ต้องการเห็นคู่หมั้นต่อสู้กับเพื่อนของเธอ
ทันใดนั้นออกัสตินก็แทรกพูดขึ้นมาว่า ยูเรนัส เจ้าเป็นหัวหน้าของเหล่าอัศวินศักดิ์สิทธิ์ เจ้ามีเกียรติและศักดิ์ศรีของนักรบ การเชื่อคำพูดของอิตสตรีเป็นการกระทำที่ไม่เป็นที่ยอมรับ !
ยูเรนัสเห็นด้วยกับความคิดของออกัสตินแน่นอนว่าในฐานะหัวหน้าอัศวินผู้กล้าหาญและเป็นตัวแทนของศาสนจักร ศักดิ์ศรีของยอดนักรบไม่อาจถูกขวางด้วยคำพูดของผู้หญิง
แคทเธอรีนข้าขอโทษด้วย ยูเรนัสมองแคทเธอรีนและเดินไปหาฉิงเฟิง
อดพูดไม่ได้ว่ายูเรนัสสมแล้วที่เป็นสุดยอดฝีมือของศาสนจักรแผ่นดินสั่นสะเทือนในทุกย่างก้าวที่เขาเหยียบย่ำ ทุกการก้าวเท้าของเขาทิ้งรอยเท้าลึกไว้บนพื้นหินแกรนิตที่แข็งแรง
สิ่งสำคัญที่ต้องรู้ก็คือแม้แต่หัวหน้าตระกูลใหญ่ของสมาพันธ์เทพนภาก็ยังไม่อาจทิ้งรอยเท้าไว้บนพื้นของสถานที่นี้ได้เพราะมันปูพื้นด้วยหินสะเก็ดดาวที่ผ่านการสังเคราะห์มาเป็นพิเศษ
เห็นได้ชัดว่ายูเรนัสมีพลังมากเพียงใดเมื่อเปรียบเทียบกับหัวหน้าตระกูลทั้งสิบเพียงดูจากรอยเท้าที่เขาทิ้งไว้
หมัดแสงศักดิ์สิทธิ์
!
ยูเรนัสปล่อยหมัดของเขาออกมาปรากฏแสงสว่างไสวแผ่ออกมาจากหมัดขวาของเขามันเหมือนกับการมาเยือนของจิตวิญญาณอันบริสุทธิ์
หมัดแสงศักดิ์สิทธิ์เป็นวิชาระดับจิตวิญญาณแท้จริงมันเป็นส่วนหนึ่งของเคล็ดการบ่มเพาะพลังที่ทรงพลังมาก
ในช่วงสงครามระหว่างประเทศตะวันออกและประเทศฝั่งตะวันตกในอดีตผู้บ่มเพาะพลังฝั่งตะวันตกได้สังหารชาวตะวันออกไปมากมาย พวกเขายึดครองและดัดแปลงเคล็ดบ่มเพาะพลังของชาวตะวันออกมาสร้างเป็นวิชาหมัดแสงศักดิ์สิทธิ์ที่ปรากฏขึ้นในตอนนี้
ในฐานะที่เป็นวิชาระดับจิตวิญญาณแท้จริงหมัดแสงศักดิ์สิทธิ์ทรงพลังยิ่งยวด แสงสว่างนับไม่ถ้วนส่องประกายในอากาศจนทำให้อากาศแตกเป็นชิ้นเล็กน้อย และหมัดนั้นยังนำมาซึ่งพลังที่ไร้เทียมทาน
ฉิงเฟิงตื่นตัวในฉับพลันและรู้ดีว่าหมัดนี้ทรงเพียงใดเขารู้สึกว่ากำลังถูกคุกคามอย่างรุนแรง
หมัดทลายนรกานต์
!
ฉิงเฟิงไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อยเขาบีบอัดพลังแท้เข้าสู่หมัดและเหวี่ยงหมัดทลายนรกานต์ออกมาด้วยพลังทั้งหมดของเขาทันี
ขุนเขาสีดำขนาดมหึมาก่อตัวขึ้นและปะทะกับแสงสว่างของหมัดแสงศักดิ์สิทธิ์
ในเคล็ดบ่มเพาะของ‘กายาแดนชำระ’ เพลงหมัดทลายนรกานต์เป็นส่วนหนึ่งของเคล็ดเพลงหมัดระดับจิตวิญญาณแท้จริง อย่างไรก็ตาม ฉิงเฟิงซึมซับได้เพียงแค่เคล็ดแรก ‘หนึ่งหมัด’จากทั้งหมด ซึ่งหมัดแสงศักดิ์สิทธิ์ของยูเรนัสก็อยู่ในระดับเดียวกัน เพื่อพิสูจน์ว่าหมัดของใครเหนือกว่า ทั้งหมดขึ้นอยู่กับแก่นแท้พลังที่ผู้ใช้มี
เป็นที่น่าแปลกใจว่าการปะทะกันของสองหมัดที่รุนแรงมหาศาลนี้ไม่ได้ทำให้เกิดเสียงดังแต่มันเงียบอย่างมากซึ่งน่าตกใจยิ่งกว่าเดิม เพราะการปะทะกันแล้วไม่เกิดเสียงก็หมายความว่าการปะทะกันนั้นรุนแรงและมีเสียงดังเกินกว่าที่ประสาทหูของมนุษย์จะรับรู้ได้ !
สิ่งเดียวที่ฝูงชนมองเห็นก็คือมิติที่บิดเบี้ยวสองมิติมิติหนึ่งเป็นสีดำส่วนอีกมิติหนึ่งเป็นสีขาว พลังงานในมิติทั้งสองที่กำลังปะทะกันแผ่กระจายพลังงานออกไปโดยรอบ
หลังจากความเงียบสนิทสัมบูรณ์ก็ได้เกิดการระเบิดของแผ่นดินไหวขึ้น
ครืนนนนนน
!!!
หมัดทั้งสองระเบิดออกในเวลาเดียวกันแสงสีดำและแสงสีขาวนับไม่ถ้วนกระจายออกเป็นประกายในอากาศ พื้นหินแกรนิตที่ทำจากหินสะเก็ดดาวอันแข็งแกร่งแตกเป็นเสี่ยงๆ ฝุ่นและก้อนหินลอยกระเด็นไปทุกทิศทุกทาง
ก้อนหินดินทรายลอยไปด้วยความเร็วสูงมีบางคนโดนลูกหลงจนเลือดไหลกระเซ็นไปทุกที่
ฉิงเฟิงก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่งแต่ยูเรนัสยังคงยืนหยัดอย่างมั่นคงดั่งขุนเขา เมื่อเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งอย่างแท้จริง ฉิงเฟิงยังด้อยกว่าขั้นหนึ่ง
หมอนี่แกร่งมาก…
ฉิงเฟิงมีสีหน้าตกตะลึง
ในคราวนี้ฉิงเฟิงรู้สึกตื่นตระหนกอย่างแท้จริงเขาสัมผัสได้ถึงพลังในระดับจิตวิญญาณแท้จริงจากร่างกายของยูเรนัส แม้จะเพียงเล็กน้อยก็ตาม
แน่นอนว่าฉิงเฟิงสัมผัสได้ถูกต้องยูเรนัสพยายามทะลวงเข้าสู่ระดับจิตวิญญาณแท้จริงขั้นต้นและเกือบจะทำสำเร็จ แต่ถึงแม้ว่าเขาจะล้มเหลว แต่พลังแท้จำนวนมากจากการควบแน่นเพื่อทะลวงระดับในครั้งนั้นยังคงหลงเหลืออยู่ในร่างกายของเขา ซึ่งทำให้เขาสามารถใช้อำนาจของผู้บ่มเพาะพลังในระดับจิตวิญญาณแท้จริงขั้นต้นออกมาได้ แม้ว่ามันจะน้อยนิดแต่ก็เพียงพอที่จะล้มฉิงเฟิง ยูเรนัสเจ้าทำได้ดีมาก จงฆ่าหลี่ฉิงเฟิงซะ แล้วข้าจะบอกให้พระสันตะปาปาตบรางวัลแก่เจ้าอย่างงาม ออกัสตินกล่าวด้วยรอยยิ้มจางๆ
ในฐานะบุตรชายของสมเด็จพระสันตะปาปาออกัสตินเป็นที่รักของฝ่าบาทอย่างยิ่ง ถ้าได้รับการสนับสนุนจากเขา ยูเรนัสจะก้าวกระโดด