แต่ฉันไม่คิดว่าแกจะแข็งแกร่งพอที่จะเลาะเส้นเอ็นของฉัน ฉิงเฟิงยิ้มบางและพูดจาโอหังเย่อหยิ่งเหมือนเช่นเคย
ออกัสตินไม่ใช่คู่มือเขาอีกต่อไปดังนั้นโดยธรรมชาติแล้วฉิงเฟิงจึงไม่หวั่นกลัวต่อพ่อของเขา, ออกัสตัส
อย่างไรก็ตามในวินาทีถัดไปฉิงเฟิงก็หยุดยิ้ม เขาแข็งค้างและรู้สึกเย็นเยียบไปทั่วร่างกาย
ตูม
!!
ออกัสตัสปลดปล่อยพลังงานอันทรงพลังออกมาจากร่างของเขามันคล้ายกับพลังแห่งเขตแดนแต่มันลึกซึ้งกว่า มันเหมือนกับสะกดข่มทางจิต
แสงสีขาวเปล่งประกายออกมาจากร่างของออกัสตัสมันล้อมรอบและดักจับฉิงเฟิงเอาไว้
ฉิงเฟิงติดอยู่ในม่านแสงสีขาวเขาไม่สามารถขยับร่างกายของเขาได้แม้แต่นิดเดียว
ในขณะนี้ราวกับว่าฉิงเฟิงได้ย้อนกลับไปยังช่วงที่เขาอยู่ในขอบเขตเหนือสวรรค์เขาจำได้อย่างชัดเจนถึงตอนที่พบกับลอร์ดอัลบรอนเป็นครั้งแรก ในตอนนั้นอัลบรอนใช้เขตแดนระดับแกรนด์มาสเตอร์และตรึงร่างของฉิงเฟิงเอาไว้
ในช่วงเวลานั้นเป็นเพราะราชันกระบี่เนี่ยอู่ซวงสหายของพ่อได้ปรากฏตัวและช่วยเหลือเขาเอาไว้ แต่ครั้งนี้ราชันกระบี่ไม่อยู่ แล้วใครจะช่วยเขาได้
ในระดับจิตวิญญาณแท้จริงขั้นปลายผู้เชี่ยวชาญจะสามารถปลดปล่อยจิตวิญญาณม่านแสงเพื่อตรึงร่างของใครก็ตามที่มีระดับบ่มเพาะต่ำกว่า เว้นเสียแต่ว่าฉิงเฟิงจะสามารถเข้าถึงขอบเขตจิตวิญญาณแท้จริงขั้นปลาย เขาถึงจะหลุดพ้นจากถูกสะกดข่มของม่านแสงของออกัสตัส
เมื่อเห็นฉิงเฟิงติดอยู่ในม่านแสงวิญญาณทั้งค้างคาวม่วงและทีมเขี้ยวหมาป่าทุกคนต่างก็หน้าถอดสีและพุ่งมาช่วยเขา อย่างไรก็ตาม ด้วยคลื่นพลังอันทรงพลังจากฝ่ามือขวาข้างเดียวของออกัสตัส พวกเขาก็ถูกผลักกระเด็นลอยไปไกลจนกระอักเลือดออกมา
นี่มันทรงพลังมากเกินไปแล้ว,ในฐานะลอร์ดแห่งสมาพันธ์เทพนภา ออกัสตัสแข็งแกร่งกว่าอย่างเทียบกันไม่ติด ค้างคาวม่วงและทีมเขี้ยวหมาป่าไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลือฉิงเฟิงได้เลยเพราะพวกเขาอ่อนแอเกินไป
คุณพ่อคะได้โปรดช่วยพี่ชายด้วยเถิด ! เด็กหญิงตัวน้อยกล่าวกับโพไซดอนด้วยความกระวนกระวาย
โพไซดอนขมวดคิ้วและกล่าวว่า เฮเลน ถ้าพ่อลงมือ มันคือสงครามระหว่างกลุ่มเทพสมุทรและสมาพันธ์เทพนภา พ่อ….
เด็กหญิงตัวน้อยที่ชื่อเฮเลนกังวลมากเธอกล่าวอีกครั้งว่า คุณพ่อ แต่พี่ชายคนนั้นเคยช่วยชีวิตหนูเอาไว้นะคะ โปรดช่วยเขาด้วย
โพไซดอนถอนหายใจเขารู้ว่าลูกสาวของเขาพูดถูก ในอดีตเมื่อตอนที่เขาหนีไปหัวเซี่ย เป็นฉิงเฟิงที่ช่วยชีวิตลูกสาวของเขาเอาไว้จากอุบัติเหตุ
เมื่อคิดได้ถึงบุญคุณครั้งนั้นโพไซดอนก็ยืนขึ้นและพูดว่า ออกัสตัส เจ้าช่วยเห็นแก่ข้าหน่อยได้ไหม ปล่อยหลี่ฉิงเฟิงไปซะ
ฉิงเฟิงรู้สึกประหลาดใจเขาไม่เคยจินตนาการได้เลยว่าในเหล่าคนนับล้านของทวีปเสือจะมีคนออกหน้าช่วยเขา
ฉิงเฟิงมองไปที่ชายกลางคนที่พูดและตระหนักได้ทันทีว่าเขาคือพ่อของเด็กสาวตัวน้อยที่เขาเคยช่วยชีวิตไว้ในเมืองตงไห่เขาวุ่นวายกับเหล่าศัตรูจนลืมสังเกตถึงการคงอยู่ของชายวัยกลางคนผู้นี้
ออกัสตัสขมวดคิ้วเห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้คาดคิดว่าวันนี้ลอร์ดแห่งกลุ่มเทพสมุทรจะออกหน้าขอร้องเพื่อหลี่ฉิงเฟิง โพไซดอนสมาพันธ์เทพนภาของข้าและกลุ่มเทพสมุทรของเจ้าเป็นศัตรูกันมาตลอด ทำไมข้าจะต้องยอมรับคำขอของเจ้า
ออกัสตัสยิ้มจางๆใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความยโส
ในทวีปเสือทั้งสมาพันธ์เทพนภาและกลุ่มเทพสมุทรเป็นมหาอำนาจยักษ์ใหญ่ พวกเขาเป็นกองกำลังระดับสุดยอด
ซุสหัวหน้าของเหล่าเทพทั้งสิบสองของโอลิมปัสผู้ปกครองสูงสุดของโลก หรือที่รู้จักกันในนามพระบิดาของเหล่าเทพศักดิ์สิทธิ์คือราชาแห่งเทพเจ้า
ออกัสตัสเป็นลูกหลานของซุสราชาแห่งเทพเจ้าแต่แน่นอนว่าไม่มีผู้ใดสามารถตรวจสอบความสัมพันธ์ของพวกเขาได้เพราะมีเพียงเขาเท่านั้นที่อ้างสิทธิ์นี้ขึ้น
สำหรับโพไซดอนเขาก็มีชื่อเสียงมาก เขาเป็นเทพเจ้าแห่งท้องทะเลผู้ครองน่านน้ำที่สูงส่งที่สุด ตำนานเล่าว่าเขาเป็นพี่ชายของซุส อาวุธที่เขาใช้คือตรีศูลและพาหนะของเขาก็คือรถม้าทองคำ
แม้ว่าโพไซดอนจะเป็นพี่ชายของซุสแต่ทั้งคู่ก็ไม่ลงรอยกัน หนึ่งคือผู้ปกครองดินแดนและอีกคนเป็นผู้ปกครองมหาสมุทร ทั้งสองต้องการปกครองทั่วทั้งดาวเคราะห์ มีการปะทะกันอย่างต่อเนื่องระหว่างเทพทั้งสองนี้
ในฐานะที่เป็นลอร์ดแห่งกลุ่มเทพสมุทรภักดีเขาเป็นที่รู้จักกันในฐานะลูกหลานของ ‘โพไซดอน’ เทพเจ้าแห่งมหาสมุทร ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้ว เหล่าลูกหลานผู้ภักดีต่อเชื้อสายเทพของตนมักจะต่อสู้กันอยู่เสมอ
โพไซดอนขอร้องให้ออกัสตัสปล่อยตัวหลี่ฉิงเฟิงแต่ถูกปฏิเสธเรื่องนี้ทำให้เขาโกรธมาก มันเหมือนกับการตบหน้าเขากลางที่สาธารณะ
ถ้าเป็นเช่นนั้นทำไมเจ้าไม่แสดงให้ข้าเห็นหน่อยล่ะว่าเจ้าแข็งแกร่งแค่ไหนแล้ว
โพไซดอนแค่นเสียงอย่างเย็นชาในขณะที่ก้าวไปข้างหน้า ตูม
!
พลังมหาศาลที่ปลดปล่อยออกมาจากร่างกายของโพไซดอนนั้นเป็นพลังงานในระดับจิตวิญญาณแท้จริงขั้นปลายมันอยู่ในระดับเดียวกันกับออกัสตัสเลยทีเดียว !
ฟิ้ว!
โพไซดอนยิงลำแสงสีน้ำเงินออกมา,สีของมันเป็นสีน้ำเงินราวกับมหาสมุทร มันเปลี่ยนเป็นม่านแสงวิญญาณสีน้ำเงินและพุ่งไปทางออกัสตัส
หากม่านแสงวิญญาณสีน้ำเงินนี้สามารถทำลายม่านแสงวิญญาณสีขาวได้ฉิงเฟิงก็จะหลุดจากพันธนาการ
อย่างไรก็ตามทันใดนั้นเองก็มีน้ำเสียงที่ดูชราดังขึ้น
หลี่ฉิงเฟิงทำร้ายบุตรเทพของข้าผู้นี้วันนี้เขาต้องตาย
เสียงนั้นปรากฏขึ้นมาในฉับพลันราวกับว่ามันออกมาจากอากาศที่เบาบางจนทำให้ทุกคนสะดุ้งและตกตะลึง
ทุกคนแหงนหน้าขึ้นมองบนฟ้าพวกเขาได้เห็นร่างเงาของกลุ่มก้อนพลังแท้ที่อยู่เหนือโบสถ์ ร่างเงานี้คืออวตารของผู้ฝึกตน, มันปรากฏขึ้นได้ด้วยพลังวิญญาณของผู้ฝึกตนที่ทรงพลังที่สุด !
อวตารนี้เป็นชายชราที่หนวดเคราเป็นสีขาวโพลนใบหน้ามีร่องรอยของความชราแต่ดวงตาของเขาสว่างไสวดั่งดวงดาวบนป้องฟ้าและเปล่งแสงอันน่าเกรงขามออกมา
อวตารนี้สวมมงกุฎของศาสนจักรบนหัวของเขาเขาถือไม้เท้าทองคำไว้ในมือขณะที่ยืนอยู่กลางอากาศที่ด้านบนสุดของโบสถ์และทอดสายตามองฝูงชนเบื้องล่างดั่งมดปลวก
เมื่อเห็นภาพอวตารของชายชราสมาชิกทุกคนของศาสนจักรรวมไปถึงผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์ก็ตกใจอย่างสิ้นเชิง พวกเขาทั้งหมดคุกเข่าลงกับพื้นทันที
พระสันตะปาปาผู้ยิ่งใหญ่เสด็จแล้ว! พระคาร์ดินัลเสื้อคลุมแดงอัลบรอนเป็นคนแรกที่คุกเข่าและแสดงความเคารพอย่างสุดขั้วหัวใจ
อวตารนี้คือสมเด็จพระสันตะปาปาเบรุตแห่งศาสนจักรเขาคือชายผู้ทรงอำนาจที่สุดในทวีปเสือและมีอิทธิพลมากกว่าประธานาธิบดีหลายคน
เมื่อเห็นพระสันตะปาปาเสด็จโพไซดอนก็ตกตะลึงอย่างสมบูรณ์ เขาไม่เคยคาดคิดว่าจะได้เห็นการปรากฏตัวของผู้ยิ่งใหญ่เช่นนี้
เมื่อปีที่แล้วสมเด็จพระสันตะปาปาเบรุตได้เก็บตัวบ่มเพาะพลังและถูกห้ามรบกวน โดยปกติแล้วช่วงเวลาเก็บตัวของเขาอย่างน้อยก็สองปีจนถึงสามหรือห้าปี แต่วันนี้ยังไม่ทันถึงหนึ่งปีจากการเก็บตัว เขาก็ปรากฏกายต่อสาธารณะ !
แน่นอนร่างเงาที่ยืนอยู่อย่างศักดิ์สิทธิ์กลางอากาศนี้ไม่ใช่ร่างจริงของเบรุตมันเป็นเพียงอวตารของเขา
แม้แต่ออกัสตัสและโพไซดอนผู้มีอำนาจสูงสุดสองคนในขอบเขตจิตวิญญาณแท้จริงขั้นปลายก็ยังอาจสร้างร่างอวตารได้แต่สมเด็จพระสันตะปาปาเบรุตสามารถทำได้ เห็นได้ชัดว่าเบรุตนั้นทรงพลังมากกว่าทั้งสองคนนี้เสียอีก
ในขณะนี้ทุกคนคิดว่าหลี่ฉิงเฟิงต้องตายอย่างแน่นอนแล้วเพราะสมเด็จพระสันตะปาปา, ชายผู้ทรงอำนาจที่สุดในทวีปปรากฏกายขึ้นพร้อมกับมอบประกาศิตสั่งตายออกมา !
สมเด็จพระสันตะปาปามีอำนาจเด็ดขาดไปทั่วทั้งทวีปเสือเขาสามารถฆ่าใครก็ได้ที่เขาต้องการจะฆ่าและไม่มีผู้ใดกล้าโต้แย้งหรือแข็งข้อ
หลี่ฉิงเฟิงเจ้าชิงตัวคู่หมั้นของบุตรเทพของเราผู้นี้
,
เจ้าสังหารหัวหน้าตระกูลใหญ่ของสมาพันธ์เทพนภาไปถึงครึ่งหนึ่งในฐานะพระสันตะปาปาของทวีปเสือ เราตัดสินประหารชีวิตเจ้า
เบรุตกล่าวอย่างเยือกเย็นในขณะที่เขามองลงไปที่ฉิงเฟิงพร้อมกับไม้เท้าทองคำในมือของเขา
มันตัวไหนกล้าตัดสินประหารชีวิตบุตรชายของเราราชัน
อยากตายหรือไง
เราราชันจะบิดหัวมันให้หลุดแล้วเอามาเตะเป็นลูกบอล
!!
ทันใดนั้นเองน้ำเสียงที่เย่อหยิ่งโอหังราวกับราชันเหนือโลกหล้าก็ดังขึ้นออกมาจากข้างนอก