ตอนที่ 980 ขุดรากถอนโคนนิกายแวมไพร์
ความเงียบ,มันคือความเงียบสงัดที่เข้าปกคลุมไปทั่วทั้งนิกายแวมไพร์ ทุกคนต่างก็ตกใจ บรรพบุรุษแห่งนิกายแวมไพร์ที่เป็นผู้ฝึกตนในระดับครึ่งก้าวจิตโลกากลับถูกสตรีผู้แปลกประหลาดสังหารตกตายอย่างง่ายดายน่าเหลือเชื่อ
นังมารร้าย! เธอคือนางมารร้ายที่น่าสะพรึงกลัว !
นี่มันช่างน่าหวาดผวาเหลือคณาทุกคนต่างก็สั่นสะท้านและมองดูราชินีอสูรเพลิงด้วยความหวาดกลัว
ที่รัก,ผู้หญิงคนนี้แข็งแกร่งเหลือเกิน
ดวงตาของหลินเสวี่ยเปล่งประกายและกระซิบบอกกับฉิงเฟิงในขณะที่เธอมองเงาร่างที่งดงามสง่าของราชินีอสูรเพลิง
ในตอนแรกหลินเสวี่ยไม่อาจเข้าใจได้ว่าทำไมสามีของเธอถึงได้พาราชินีอสูรเพลิงและราชาอสูรค้างคาวม่วงติดตามมายังหุบเขาจันทราโลหิตด้วยเธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงได้พาหญิงสาวบอบบางผู้งดงามคนนี้มา แต่ตอนนี้เธอเข้าใจแล้ว ผู้หญิงคนนี้แข็งแกร่งและแข็งแกร่งยิ่งกว่าสามีของเธอเสียอีก !
แต่ไม่ว่าผู้หญิงคนนี้จะแข็งแกร่งเพียงใดเธอก็เป็นบอดี้การ์ดของสามีเธอซึ่งเรื่องนี้ทำให้หลินเสวี่ยแอบพึงพอใจไม่น้อย
ฉิงเฟิงพยักหน้าและกล่าวว่า เธอเป็นยอดฝีมือระดับขอบเขตจิตโลกา มันก็สมควรแล้วที่เธอจะแข็งแกร่งเพียงนี้ นี่คือเหตุผลที่ผมพาเธอนิกายแวมไพร์เผื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น
ฉิงเฟิงก็เกิดความรู้สึกที่ซับซ้อนต่อราชินีอสูรเพลิงเช่นกันเธอเป็นนังมารดีดกระโหลกที่แข็งแกร่งทรงพลัง และบางครั้งเขาเองก็ยังไม่สามารถออกคำสั่งหรือควบคุมเธอได้
ความตายของบรรพบุรุษแห่งนิกายแวมไพร์ทำให้ทั่วทั้งนิกายเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความสิ้นหวัง สำหรับนิกายแวมไพร์บรรพบุรุษคือผืนนภาและเป็นเสาหลักของทั้งนิกาย ในเมื่อตอนนี้ท้องฟ้าพังทลายด้วยความตายของบรรพบุรุษ ทั้งนิกายจึงเต็มไปด้วยความหวาดกลัวอย่างแน่นอน
เซี่ยซาหยางแกยังมีอะไรจะโชว์อีกมั้ย สำแดงออกมาได้เลยตอนนี้
ฉิงเฟิงมองไปที่จ้าวนิกายแวมไพร์และกล่าวอย่างเย็นชา
ใบหน้าของเซี่ยซาหยางเปลี่ยนไปเขากัดฟันแน่นและกล่าวพึมพำกับหลายคนที่อยู่ข้างกายเขาว่า แผดเผาแก่นโลหิตและสังหารหลี่ฉิงเฟิงให้จงได้ !
ผู้เฒ่าทั้งสามต่างก็พยักหน้าอย่างพร้อมเพรียงพวกเขารู้ซึ้งเกี่ยวกับพลังอำนาจของหลี่ฉิงเฟิงและตัดสินใจลงมือพร้อมกันกรุ้มรุมเขา เพราะตอนนี้ไม่มีโอกาสใดๆอีกแล้ว
สาบานด้วยแก่นโลหิตของพวกเราและแผดเผา….
เซี่ยซาหยางเปล่งเสียงออกมาในขณะที่เขาเริ่มเผาแก่นโลหิตเลือดสารสำคัญในร่างกายของเขา
ผู้อาวุโสทั้งสามคนก็ท่องบทสวดและเผาแก่นโลหิตออกมาเช่นกันมันทำให้พลังมหาศาลไหลออกมาจากร่างกายของพวกเขาในเวลาเดียวกันและสร้างคลื่นกระแทก
การเผาแก่นโลหิตนั้นสามารถเพิ่มพลังในการต่อสู้ได้ชั่วขณะหนึ่งเป็นผลทำให้เซี่ยซาหยางที่อยู่ขอบเขตจิตวิญญาณแท้จริงขั้นกลางเลื่อนขั้นไปสู่ขั้นปลายในทันที
ฝ่ามือปีศาจแวมไพร์
!
เซี่ยซาหยางผลักฝ่ามือขวาออกไปเบื้องหน้าทันทีมันก่อร่างเป็นฝ่ามือขนาดใหญ่ที่นำพามาซึ่งพลังที่ไม่อาจยับยั้งได้
หนึ่งนิ้วแยกสรรพสิ่ง
!
ฉิงเฟิงเหยียดนิ้วชี้ออกมามันเปลี่ยนเป็นลำแสงที่ยิงเข้าใส่เซี่ยซาหยาง
ฉูด!
ร่างกายของเซี่ยซาหยางถูกหั่นเป็นสองส่วนอย่างไม่น่าแปลกใจด้วยลำแสงจากดรรชนีผู้พิชิตและแม้แต่พลังฝ่ามือปีศาจแวมไพร์ก็ถูกผ่าเป็นสองซีกเช่นเดียวกัน โลหิตฉีดพุ่งออกไปทั่วทุกหนทุกแห่งและเซี่ยซาหยางก็ล้มลงสิ้นใจกับพื้น
เพียงนิ้วเดียวก็ปลิดปลงชีวิตของจ้าวนิกายแวมไพร์จนตกตาย
เขาคิดว่าการเผาแก่นโลหิตจนก้าวไปสู่ขอบเขตจิตวิญญาณแท้จริงขั้นปลายนั้นเพียงพอที่จะเอาชนะหลี่ฉิงเฟิงได้แต่เขาไม่รู้ว่าวิชาดรรชนีผู้พิชิตของฉิงเฟิงนั้นไร้คู่เปรียบในขอบเขตนี้ มันเหลือเฟือที่จะแบ่งร่างของเซี่ยซาหยางเป็นสองส่วน
ทุกคนในนิกายแวมไพร์ต่างก็มีสีหน้าซีดเซียวและไม่อาจหยุดตัวสั่นได้บรรพบุรุษของนิกายเพิ่งจะตายไปและตอนนี้จ้าวนิกายก็ตายเช่นกัน … ความกลัวถูกเขียนขึ้นบนใบหน้าของทุกคน มันทำให้พวกเขาตระหนักได้ว่าชายหนุ่มคนนี้คือปีศาจที่แท้จริง
เพลิงภูเขาไฟถล่ม!
ฉิงเฟิงดึงกระบี่เพลิงคะนองออกมาและใช้กระบวนท่าที่สองของวิชากระบี่เพลิงภูเขาไฟเนื่องจากวิชาดรรชนีผู้พิชิตสามารถใช้ได้เพียงสองครั้งเท่านั้นด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขา
ภาพเงาของภูเขาไฟก่อตัวขึ้นและพลังงานมหาศาลที่กักเก็บไว้ในลาวาก็พุ่งเข้าปะทะกับอาวุโสทั้งสามคน
ตูมตูม ตูม !!!
ร่างของอาวุโสทั้งสามสลายและก่อตัวขึ้นเป็นหยดฝนเลือดนับไม่ถ้วนสุดท้ายมันก็หายไปในอากาศ…
ผู้อาวุโสทั้งสามของนิกายแวมไพร์ตายเรียบ
จนถึงตอนนี้บรรพบุรุษนิกาย, จ้าวนิกายและอาวุโสทั้งหมดต่างก็ตกตายหมดสิ้นเหลือเพียงศิษย์สาวกอีกเพียงไม่กี่คนที่ไม่ได้แข็งแกร่งอันใดนัก
ค้างคาวม่วงฆ่าพวกมันให้หมด
ฉิงเฟิงยิ้มบางและออกคำสั่งกับราชาอสูรค้างคาวม่วง
ขอรับนายน้อย! ราชาอสูรค้างคาวม่วงพยักหน้าและเคลื่อนไหวร่างกายของเขาดั่งลูกศรที่พุ่งไปสุดหล้า เขาพุ่งเข้าไปกลางดงของสาวกนิกายแวมไพร์ในพริบตา
แกร่กตูม …
ในช่วงเวลาสั้นๆสาวกนิกายแวมไพร์ทุกคนก็ถูกค้างคาวม่วงสังหารสิ้น
นิกายแวมไพร์ถูกกวาดล้างโดยไม่มีผู้รอดชีวิตแม้แต่เพียงคนเดียว ฉิงเฟิงมองดูนิกายแวมไพร์ที่ถูกทำลายอย่างไร้ความปราณีนิกายนอกรีตนี้ได้ฆ่าผู้บริสุทธิ์จำนวนมากและดูดเลือดของพวกเขา แม้แต่ความตายก็ยังไม่อาจลบล้างความผิดของนิกายนี้ไปได้
ฉิงเฟิงหยิบไฟแช็กออกมาจุดไฟเผานิกายแวมไพร์ทั่วทั้งพื้นที่ถูกปกคลุมไปด้วยเปลวไฟสีแดง ทุกสิ่งทุกอย่างถูกเผาจนไม่มีอะไรเหลือเลยนอกจากขี้เถ้า
จบเรื่องแล้วพวกเรากลับกันเถอะ ฉิงเฟิงยิ้มเล็กน้อยและจากไปพร้อมกับหลินเสวี่ยและคนอื่นๆ
นิกายแวมไพร์ถูกกำจัดหมดสิ้นแล้วฉิงเฟิงและทุกคนจึงขึ้นเครื่องบินกลับไปยังเมืองตงไห่
……………
สี่ชั่วโมงต่อมาฉิงเฟิงก็กลับมาถึงเมืองตงไห่ เขาพาหลินเสวี่ยไปส่งที่วิลล่าก่อนที่จะออกเดินทางไปยังโรงพยาบาล เขาคิดที่จะไปหาหลิวหรูหยานกับลูก เขาไม่ได้เห็นพวกเธอนานแล้วจึงคิดถึงเป็นอย่างมาก
ราชาอสูรค้างคาวม่วงและราชินีอสูรเพลิงต่างก็ติดตามฉิงเฟิงไปด้วยเช่นกันตอนนี้พวกเขาเป็นบอดี้การ์ดของฉิงเฟิง ดังนั้นพวกเขาจึงตามติดฉิงเฟิงไปทุกที่
ฉิงเฟิงโบกรถแท็กซี่และเดินทางไปโรงพยาบาลพร้อมกันทั้งทั้งสามคน
กริ๊งงง…
ในช่วงเวลานี้เองโทรศัพท์ของค้างคาวม่วงก็ดังขึ้นเขาหยิบโทรศัพท์ออกมาและมีรอยยิ้มที่อบอุ่น
อะฮ่า….ค้างคาวตัวน้อย ใครกันน้าที่โทรมา เจ้าถึงมีสีหน้ามีความสุขเช่นนี้
ราชินีอสูรเพลิงกล่าวแซวหยอกล้อค้างคาวม่วงด้วยรอยยิ้ม
เธอชอบล้อเขาว่า ค้างคาวน้อย มันเป็นหนึ่งในสิ่งที่ทำให้เธอมีความสุขในชีวิต
ค้างคาวม่วงกลอกตาของเขาและไม่ตอบสนองต่อคำแซวของนังมารร้ายคนนี้เขาหันหลังให้เธอและรับสายอย่างรวดเร็ว
ลี่อิงมีเรื่องอะไรหรือ ค้างคาวม่วงถาม ผู้ที่โทรมาคือแฟนสาวของเขา, หวังหลี่อิง เธอเป็นดาวมหาลัยของมหาวิทยาลัยซากุระ ซึ่งกำลังศึกษาอยู่บนเกาะแปซิฟิกในขณะนี้
หึหึหึเจ้าคงเป็นราชาอสูรค้างคาวม่วงสินะ ผู้หญิงของเจ้าอยู่ในกำมือของข้า ถ้าเจ้าอยากได้เธอคืนก็จงมาที่เกาะแปซิฟิกเดี๋ยวนี้ เสียงไม่คุ้นหูที่แหลมคมดังออกมาจากอีกฝากของโทรศัพท์
แกเป็นใครจับตัวแฟนฉันไปทำไม ! ใบหน้าของค้างคาวม่วงเปลี่ยนไปและเขาตะโกนออกมาด้วยความกังวล
ชื่อของข้าคือทาโร่มุรามาสะ ข้าสนใจในสายเลือดค้างคาวม่วงของเจ้า หากเจ้าไม่มาปรากฏตัวที่มหาวิทยาลัยซากุระภายในหนึ่งวัน ข้าจะฆ่าแฟนสาวคนสวยของเจ้า ทาโร่ มุรามาสะกล่าวคุกคามอย่างโหดเหี้ยม
ทาโร่……มุรามาสะ เมื่อได้ยินชื่อนี้ดวงตาของค้างคาวม่วงก็เปล่งประกายเขารู้จักชื่อนี้ คนๆนี้คือผู้อาวุโสของหนึ่งในห้าตระกูลใหญ่บนเกาะแปซิฟิก, ตระกูลดาบปีศาจ และเป็นตระกูลที่ทรงพลังอีกด้วย
จากที่ได้ยินมาทาโร่ มุรามาสะผู้นี้ฝึกฝนวิชาดาบค้างคาว ซึ่งในการทะลวงผ่านไปยังขั้นสูงขึ้น ผู้ฝึกจะต้องกลืนกินผู้ที่มีสายเลือดค้างคาว ในเมื่อทราบข่าวว่าราชาอสูรค้างคาวม่วงเป็นหนึ่งในผู้ที่มีพลังสายเลือดค้างคาว แถมยังเป็น ค้างคาวระดับราชัน มันเป็นที่ชัดเจนว่าทำไมทาโร่ มุรามาสะผู้นี้ถึงต้องการตัวราชาอสูรค้างคาวม่วง
อย่าทำอะไรเธอ! ฉันสัญญากับแกว่าจะไปที่มหาวิทยาลัยซากุระภายในวันนี้
ค้างคาวม่วงตะโกนออกมาอย่างกระวนกระวาย
แฟนของค้าวคาวม่วงเป็นเพียงคนธรรมดาและไม่อาจต่อสู้ขัดขืนทาโร่มุรามาสะได้ ดังนั้นค้างคาวม่วงจึงต้องไปช่วยเธอ