ตอนที่ 979 บรรพบุรุษแห่งนิกายแวมไพร์
นี่คือดรรชนีผู้พิชิตค่ายกลของพวกแกช่างกระจอกเหลือเกิน
หลี่ฉิงเฟิงส่ายหัวและกล่าวเบาๆ
ค่ายกลแวมไพร์นี้ทรงพลังมากมันเป็นการรวบรวมพลังแท้ของยอดฝีมือทั้งสี่คนและก่อตัวขึ้นเป็นขุนพลภูติที่มีพลังในระดับจิตวิญญาณแท้จริงขั้นปลาย อย่างไรก็ตาม, เมื่อเปรียบเทียบกับดรรชนีผู้พิชิตซึ่งเป็นเคล็ดวิชาบ่มเพาะพลังในระดับปราชญ์ มันอ่อนแอมากจนแม้แต่นิ้วเดียวก็สามารถแยกมันออกเป็นสองส่วนได้
อะไรนะ
ดรรชนีผู้พิชิต
ใบหน้าของเซี่ยซาหยางแปรเปลี่ยนไปชื่อนี้ทำให้เขานึกถึงตำนานเมื่อสิบห้าปีก่อน ดรรชนีผู้พิชิตเป็นวิชาที่ใช้โดยราชันผู้พิชิตหลี่ซานเย่, บุตรชายคนที่สามแห่งตระกูลหลี่ผู้ซึ่งเป็นตัวตนที่กวาดทั่วทั้งหัวเซี่ยและพิชิตยอดฝีมือมาแล้วนับไม่ถ้วน
ราชันผู้พิชิตมีชื่อเสียงอย่างยิ่งของฝ่ายธรรมะในหัวเซี่ยและเป็นความอดสูของฝ่ายอธรรม ในฐานะกองกำลังนอกรีต พวกเขาทุกคนต่างก็หวาดกลัวหลี่ซานเย่เนื่องจากผู้แข็งแกร่งที่สุดของฝ่ายอธรรมจำนวนมากต่างก็ถูกเขาทุบตีจนพ่ายแพ้ไม่เป็นท่าในอดีต
เจ้ากับราชันผู้พิชิตแห่งตระกูลหลี่เป็นอะไรกัน! ใบหน้าของเซี่ยซาหยางมืดครึ้มและกล่าวถามด้วยความสงสัย
ราชันผู้พิชิตคือพ่อของฉันเองแกรู้จักท่านด้วย ฉิงเฟิงกล่าวตอบด้วยรอยยิ้ม
ใบหน้าของเซี่ยซาหยางเริ่มซีดหลังจากได้ยินคำพูดของหลี่ฉิงเฟิงเขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าชายหนุ่มตรงหน้าเขาผู้นี้จะเป็นบุตรชายของราชันผู้พิชิตในตำนาน
เมื่อมาถึงจุดนี้เซี่ยซาหยางเข้าใจในที่สุดว่าทำไมหลี่ฉิงเฟิงถึงเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งโอหังและเด็ดขาด มันเป็นกรรมพันธุ์ที่เขาได้สืบทอดลักษณะความเป็นจ้าวของราชันผู้พิชิตและไม่แหงนหน้าขึ้นมองผู้ใด
ในเวลานี้,ราชินีอสูรเพลิงก็กล่าวขึ้นว่า หลี่ฉิงเฟิง, เมื่อสิบห้าปีก่อนเซี่ยซาหยางผู้นี้เคยเป็นศัตรูกับพ่อของเจ้า แต่สุดท้ายก็โดนพ่อเจ้าทุบตีเละเทะสะบักสะบอม
โอ้…. ฉิงเฟิงตอบสั้นๆ เขาเพิ่งรู้ว่าจ้าวนิกายแวมไพร์เป็นศัตรูของพ่อเขาเช่นกัน
เจตนาฆ่าปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วบนใบหน้าของฉิงเฟิงในเมื่อเซี่ยซาหยางเป็นศัตรูของพ่อเขาเช่นกัน ดังนั้นบทสรุปของวันนี้มีเพียงมันต้องตาย
เซี่ยซาหยางแกมีไม้เด็ดอะไรที่จะเอาชนะฉันได้อีกไหม รีบขุดขึ้นมาใช้เลยก่อนที่จะไม่มีโอกาส ฉิงเฟิงกล่าวอย่างเยือกเย็นด้วยท่าทีที่เย่อหยิ่งและน้ำเสียงอวดดี
หลี่ฉิงเฟิง! การที่เจ้าเป็นบุตรแห่งราชันผู้พิชิตก็มิได้หมายความว่าเจ้าจะอยู่ยงคงกระพัน นิกายแวมไพร์ของเราเป็นกองกำลังระดับซุปเปอร์ ความแข็งแกร่งของพวกเราเหนือกว่าจินตนาการของเจ้า !
หุบปากซะแล้วมีของดีอะไรก็สำแดงออกมาเป้าหมายของฉันวันนี้คือกำจัดนิกายแวมไพร์ของแก
หลี่ฉิงเฟิงเจ้ามันเลือดร้อนบ้าคลั่งเกินไปแล้ว เจ้าจะต้องจ่ายด้วยชีวิต
เซี่ยซาหยางแสยะยิ้มและกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ในฐานะที่เป็นกองกำลังนอกรีตระดับซุปเปอร์เซี่ยซาหยางย่อมมีไพ่ตาย มิฉะนั้นแล้วพวกเขาคงไม่อาจยืนหยัดเป็นกองกำลังชั้นนำของเหล่านิกายนอกรีตในโลกแห่งการต่อสู้ได้ การคุกคามข่มเหงที่เกินจะรับได้ทำให้เซี่ยซาหยางตัดสินใจที่จะแสดงไพ่ตายของนิกายออกมา
เซี่ยซาหยางหยิบหยกสีแดงออกมาและเฉือนนิ้วตัวเองจนเลือดไหลจากนั้นเขาก็หยดเลือดลงบนหยก มันเรืองแสงขึ้นในทันทีและบินเข้าไปในส่วนลึกของนิกายแวมไพร์
ผู้น้อยคือจ้าวนิกายแวมไพร์คนปัจจุบัน
,
เซี่ยซาหยางข้าขอใช้แก่นโลหิตเพื่ออัญเชิญท่านบรรพบุรุษของนิกาย โปรดสำแดงตนด้วย
เซี่ยซาหยางคุกเข่าลงบนพื้นในขณะที่ใบหน้าของเขากลายเป็นเคร่งขรึมเขาประกาศเจตจำนงของเขาออกมาเสียงดังกึกก้องไปทั่วหุบเขาจันทราโลหิต
ปัง!!
เกิดเสียงระเบิดขึ้นในส่วนลึกของหุบเขาจนทำให้ก้อนหินจำนวนมากถล่มลงมาจากยอด กลิ้งลงมาจากเนินเขา ร่างเงาสีเลือดไหลออกมาจากภูเขาและลอยขึ้นไปในอากาศ
สิ่งที่ปรากฏขึ้นคือชายชราที่แก่มากเขามีอายุอย่างน้อยหนึ่งร้อยปีและมีผม หนวดเคราที่เป็นสีเลือดทั้งสิ้น
ออร่าอันทรงพลังเปล่งออกมาจากร่างของชายชราผู้นี้ออร่านี้ทรงพลังอำนาจอย่างมหาศาลและครอบงำกดขี่สิ่งมีชีวิตรอบๆภูเขาด้วยขุมพลังขนาดมหึมา
นี่มัน….ครึ่งก้าวสู่จิตโลกา บรรพบุรุษของมันมีพลังถึงระดับนี้จริงๆ
ใบหน้าของฉิงเฟิงแปรเปลี่ยนไปและดูสับสนเล็กน้อย
เขาไม่เคยคิดเลยว่าบรรพบุรุษของนิกายแวมไพร์จะเป็นถึงยอดฝีมือระดับครึ่งก้าวจิตโลกา
ขอบเขตที่อยู่เหนือกว่าจิตวิญญาณแท้จริงก็คือขอบเขตจิตโลกาตอนนี้หลี่ฉิงเฟิงอยู่ในขั้นแรกของจิตวิญญาณแท้จริง และด้วยความสามารถของวิชาดรรชนีผู้พิชิต ทำให้เขาไร้พ่ายในขอบเขตนี้ อย่างไรก็ตาม เขาเพิ่งจะเรียนรู้ได้เพียงแค่ดรรชนีแรก มันไร้ประโยชน์เมื่อต้องเผชิญกับยอดฝีมือในระดับจิตโลกา
เจ้าเรียกข้า บรรพบุรุษนิกายแวมไพร์เหลือบมองเซี่ยซาหยางและถามอย่างเย็นชา ภายใต้เหตุการณ์ทั่วไปของสุดยอดฝีมือในระดับนี้ส่วนมากพวกเขาจะปิดประตูบ่มเพาะพลังอย่างสันโดษในส่วนลึกเขาได้ปรับแต่งเคล็ดวิชาบ่มเพาะพลังนอกรีตที่ทรงพลังและจะไม่ปรากฏเว้นแต่มีความจำเป็นจริงๆเท่านั้น ดังนั้นการที่ถูกเรียกในระหว่างเก็บตัวบ่มเพาะทำให้เขาไม่ค่อยพอใจชนรุ่นหลังอย่างเซี่ยซาหยางมากนัก
เรียนท่านผู้เฒ่าชายหนุ่มหลี่ฉิงเฟิงผู้นี้ต้องการกวาดล้างนิกายแวมไพร์ของพวกเรา ขอท่านผู้เฒ่าโปรดสังหารมันด้วยเถอะ เซี่ยซาหยางคุกเข่าลงบนพื้นและวิงวอนต่อบรรพบุรุษด้วยความเคารพ
ถึงแม้ว่าเซี่ยซาหยางจะเป็นถึงจ้าวนิกายแวมไพร์และได้รับการเคารพบูชาจากผู้คนนับไม่ถ้วนแต่เมื่ออยู่ต่อหน้าบรรพบุรุษของนิกาย เขาก็ยังคงต้องคุกเข่าลงเพราะบรรพบุรุษผู้นี้มีอำนาจสูงสุด !
เซี่ยซาหยางเจ้านี่มันช่างไร้ค่าไร้ความสามารถมากขึ้นทุกวัน ! เห็นได้ชัดว่าหลี่ฉิงเฟิงผู้นี้เป็นเพียงผู้ฝึกตนระดับจิตวิญญาณแท้จริงขั้นต้นเท่านั้น ส่วนเจ้าอยู่ถึงขั้นกลาง เหตุใดถึงได้พ่ายแพ้ !
ระ..เรียนท่านผู้เฒ่า ชายหนุ่มคนนี้เป็นบุตรชายโทนของราชันผู้พิชิตหลี่ซานเย่ มันได้สืบทอดวิชาดรรชนีผู้พิชิตจากบิดาของมัน ข้าน้อยไม่ใช่คู่ต่อสู้…
โฮ่ เจ้าหนุ่มนี่เป็นบุตรชายของราชันผู้พิชิตงั้นหรือ ดี งั้นเราผู้เฒ่าจะไม่กล่าวโทษเจ้า ในอดีต ราชันผู้พิชิตที่อวดดีผยองโลกหล้าได้ทุบตีรังแกคนของนิกายแวมไพร์เรา วันนี้เราจะสังหารบุตรชายของมันเป็นการตอบแทน !
บรรพบุรุษนิกายแวมไพร์กล่าว
เมื่อสิบห้าปีก่อน,ราชันผู้พิชิตได้ต่อสู้ห่ำหั่นกับนิกายแวมไพร์และสังหารพวกเขาเป็นจำนวนมาก ก่อให้เกิดความบาดหมางกับบรรพบุรุษของนิกายแวมไพร์
ม่านแสงโลกา !
บรรพบุรุษของนิกายแวมไพร์แค่นเสียงต่ำและปลดปล่อยม่านแสงโลกาของเขาเข้าใส่หลี่ฉิงเฟิงโดยตรง
ม่านพลังงานโลกานั้นสามารถใช้งานได้โดยยอดฝีมือในขอบเขตจิตโลกาเท่านั้นและสามารถทำลายได้โดยอีกฝ่ายที่มีพลังในระดับจิตโลกาขึ้นไปผู้ที่อยู่ในขอบเขตจิตวิญญาณแท้จริงอย่างหลี่ฉิงเฟิงนั้นจะไม่สามารถทำอะไรกับพลังชนิดนี้ได้
หลี่ฉิงเฟิงถูกขังไว้และไม่สามารถเคลื่อนไหวภายในม่านพลังโลกาได้แต่เขาก็ยังคงไม่หวาดหวั่น เพราะข้างกายเขายังมีราชินีอสูรเพลิงอยู่ ตอนนี้นางมารร้ายผู้นี้ก็มีพลังในระดับจิตโลกาเช่นเดียวกันกับบรรพบุรุษนิกายแวมไพร์
และก็เป็นไปดังคาดใบหน้าที่ละเอียดอ่อนเย้ายวนของราชินีอสูรเพลิงเปลี่ยนไปเล็กน้อยหลังจากที่เห็นหลี่ฉิงเฟิงถูกขังอยู่ในม่านพลัง เธอคำรามอย่างเย็นชาว่า ไอ้แก่ใกล้ตาย ปล่อยเขาเดี๋ยวนี้ !
แม่สาวน้อยเจ้ากล้าอย่างไรถึงได้พูดจาเช่นนี้กับเราผู้เฒ่า เชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถสูบเลือดอันหอมหวานของเจ้าจนแห้งได้เพียงพริบตา !
สีหน้าของบรรพบุรุษนิกายแวมไพร์เปลี่ยนเป็นมืดครึ้มและกล่าวกับราชินีอสูรเพลิงด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ถุยไอ้แก่ไร้ยางอาย กะโหลกกะลาอย่างเจ้าเนี่ยนะจะมาสูบเลือดแม่แกผู้นี้ คอยดูหม่ามี๊ของแกทำลายม่านพลังโลกาซะ !
ราชินีอสูรเพลิงกล่าวเยาะเย้ยถากถางเขาด้วยท่าทีกดขี่
ปัง!
ราชินีอสูรเพลิงเหยียดแขนที่เพรียวบางออกมาเล็งไปที่ม่านพลังโลกาบอลพลังแสงขนาดเท่าฝ่ามือถูกยิงออกอย่างรวดเร็วและปะทะเข้าใส่ม่านพลังจนทำให้มันระเบิดออกและสลายไปในพริบตา ยอดฝีมือขอบเขตจิตโลกา แม่สาวน้อย เจ้ากลับบรรลุพลังระดับนี้ !?
ใบหน้าของบรรพบุรุษนิกายแวมไพร์กลายเป็นซีดเซียวมีร่องรอยของความตื่นตระหนกปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา
เป็นที่ทราบกันดีว่าบรรพบุรุษของนิกายแวมไพร์ได้ฝึกฝนบ่มเพาะพลังมานานกว่าร้อยปีและอยู่ห่างจากขอบเขตจิตโลกาเพียงครึ่งก้าวเท่านั้นแต่ตอนนี้กลับมีเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆที่อายุเพียงราวๆสามสิบปีปรากฏตัวขึ้นแถมยังมีพลังในขอบเขตจิตโลกา ! สิ่งนี้ทำให้เขาช็อคจนแทบตาย
ไอ้แก่,พูดจบรึยัง ไปตายได้แล้ว ฝ่ามือวิญญาณเพลิง !
ราชินีอสูรเพลิงมองเขาอย่างเย่อหยิ่งและกดขี่มันคล้ายคลึงกับความจองหองอวดดีของหลี่ฉิงเฟิง เพราะโดยปกติแล้วเธอก็เป็นคนที่ไม่เคยเห็นผู้ใดอยู่ในสายตา
สิ้นเสียงของราชินีอสูรเพลิงลูกบอลเพลิงก็พุ่งออกมาจากฝ่ามือ มันเต็มเปี่ยมไปด้วยกลุ่มก้อนพลังงานอันน่ากลัวและตรงเข้าใส่บรรพบุรุษนิกายแวมไพร์
ฝ่ามือปีศาจแวมไพร์
!!
บรรพบุรุษนิกายแวมไพร์ตะโกนลั่นและโบกฝ่ามือขวาของเขาโดยตรงมันกลายร่างเป็นวิญญาณชั่วร้ายขนาดใหญ่ที่ปะทะเข้ากับวิญญาณแห่งเปลวเพลิง
พลังฝ่ามือขนาดใหญ่ทั้งสองปะทะกันแต่เปลวไฟแห่งวิญญาณเพลิงที่ลุกโชนก็แข็งแกร่งกว่า มันเหมือนกับอุกกาบาต มันบดขยี้ฝ่ามือปีศาจแวมไพร์โดยตรงและฟาดใส่บนร่างของบรรบุรุษนิกายแวมไพร์
ตูม!!
ร่างกายของบรรพบุรุษนิกายแวมไพร์เหมือนลูกบอลลูนที่โดนอุกกาบาตขนาดใหญ่พุ่งเข้าชนมันระเบิดกลายเป็นชิ้นส่วนนับไม่ถ้วนทันทีและจางหายไปในอากาศที่เบาบาง เพียงหนึ่งฝ่ามือของเธอก็ส่งบรรพบุรุษนิกายแวมไพร์ไปสู่สุขคติ!