ตอนที่ 970 สัญญาหนึ่งปี
เอาล่ะๆพี่สาวคนสวยเลิกโกรธได้แล้ว เอ้า นี่ผลเพลิงสำหรับคุณ
ฉิงเฟิงฉีกยิ้มกว้างและหยิบผลเพลิงไปมอบให้ราชินีอสูรเพลิง
ใบหน้าสีดอกกุหลาบของราชินีอสูรเพลิงแสดงให้เห็นถึงความสับสนเธอโพล่งออกมาว่า ผลเพลิงเป็นผลไม้จิตวิญญาณและใช้เวลาร่วมร้อยปีกว่ามันจะเติบโตพอที่จะเก็บเกี่ยวได้ เจ้าแน่ใจนะว่าจะมอบให้ข้าผลหนึ่ง
ราชินีอสูรเพลิงอาศัยที่เกาะเพลิงระอุแห่งนี้ก็เพื่อผลเพลิงเธอรอมานานกว่าสิบปี ผ่านช่วงชีวิตวัยสาวสะพรั่งของเธอก็เพื่อผลเพลิงผลนี้ อย่างไรก็ตาม เธอคิดไม่ถึงเลยว่าชายหนุ่มคนนี้มอบมันให้เธอง่ายๆอย่างไม่ใส่ใจ
แน่นอนซี่ก็คุณเป็นผู้หญิงของฉันแล้วตอนนี้ ……… โอะ อุ๊บ ! ฉันหมายความว่าคุณเป็นเพื่อนของฉัน แน่นอนว่าฉันต้องให้คุณ ฉิงเฟิงเผลอพูด แต่เขาก็เปลี่ยนคำพูดอย่างรวดเร็ว
ราชินีอสูรเพลิงเอาแต่จ้องมองผลเพลิงด้วยดวงตาที่น่าหลงใหลของเธอดังนั้นเธอจึงไม่ได้ยินคำพูดฉิงเฟิงอย่างชัดเจน
สำหรับความล้ำค่าของผลเพลิงราชินีอสูรเพลิงย่อมรู้ดี มันเป็นสมบัติล้ำค่าสำหรับผู้ฝึกตนธาตุไฟต้องการ มันสามารถช่วยให้ผู้ฝึกก้าวหน้าในขีดขั้นต่อไป ลองคิดดูว่าเธอต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจถึงสิบห้าปีก็เพื่อมัน
แต่ราชินีอสูรเพลิงก็คาดไม่ถึงเลยว่าหลี่ฉิงเฟิงจะมอบมันให้กับเธออย่างง่ายดายในขณะนี้เธอมองฉิงเฟิงด้วยสีหน้าที่งุนงง
เมื่อสิบห้าปีก่อนราชันผู้พิชิตได้สัญญาว่าจะหาผลเพลิงให้กับเธอ แต่สุดท้ายแล้วเขาก็หามันไม่พบและหายสาบสูญไป ฉิงเฟิงบุตรชายกลับเป็นผู้ที่เติมเต็มคำสัญญานั้นให้กับเธอในที่สุด
ราชินีอสูรเพลิงรู้สึกขอบคุณฉิงเฟิงในใจและรับผลเพลิงมาสำหรับเธอที่มีนิสัยเย่อหยิ่งดุร้าย การแสดงความขอบคุณต่อคนๆหนึ่งนับว่าหาได้ยากมากแล้ว
เอาล่ะงั้นฉันจะไปคอยเฝ้าดูต้นทางให้คุณข้างนอก คุณดูดซับพลังของมันและบ่มเพาะพลังตามสบาย ฉิงเฟิงจากไปหลังจากพูดจบ
หลี่ฉิงเฟิงข้าจะไม่ฆ่าเจ้าหลังจากบาดแผลหายดี ถือเป็นการตอบแทนสำหรับผลเพลิงลูกนี้ก็แล้ว ราชินีอสูรเพลิงขบริมฝีปากล่างของเธอและพึมพำออกมา
จากนั้นเธอก็หยุดคิดฟุ้งซ่านและกัดผลเพลิงทันทีมันมีรสชาติเหมือนแอปเปิ้ล แต่ทันทีที่กัดมัน น้ำสีแดงสดที่บรรจุไปด้วยพลังงานธาตุไฟก็เริ่มไหล่บ่าออกมา
ปัง…แกร่ก…
ผลเพลิงมีองค์ประกอบของธาตุไฟที่มากพอๆกับคลื่นมหาสมุทรนี่คือพลังงานที่ได้จากการดูดซับลาวาที่หลอมเหลวเป็นร้อยๆปี ดังนั้นพลังงานมหาศาลเหล่านี้จึงไหลเข้าสู่ร่างกายของราชินีอสูรเพลิงไม่หยุด บาดแผลของราชินีอสูรเพลิงหายขาดในพริบตาพลังงานที่เพิ่มขึ้นนั้นเหมือนกับคลื่นมหาสมุทรอันบ้าคลั่งที่ปั่นป่วนไปทั่วท้องส่วนล่างของเธอ
ที่ตำแหน่งท้องน้อยของเธอนั้นแก่นวิญญาณหมุนไปรอบๆอย่างรวดเร็วจนตาเปล่าไม่สามารถมองเห็น มีเพียงการเคลื่อนไหวที่หมุนอย่างต่อเนื่องเท่านั้นที่มองเห็นได้และพลังแท้มากมายก็ไปรวมกันที่นั่น มันควบแน่น ดูดซับ ควบแน่น ดูดซับ ซ้ำไปซ้ำมา
ในตอนแรกแก่นวิญญาณเป็นสีฟ้าแต่เมื่อมันได้ดูดซับพลังงานแท้มากขึ้น มันก็เริ่มเปลี่ยนไปจนกลายเป็นสีแดงในที่สุด
แก่นวิญญาณสีฟ้าเป็นตัวแทนของแก่นวิญญาณในขอบเขตจิตวิญญาณแท้จริงในขณะที่แก่นวิญญาณสีแดงหมายถึงขอบเขตจิตโลกา
ข้าทำได้แล้วขอบเขตจิตโลกา ! พลังงานที่มีอยู่ในผลเพลิงลูกนี้ช่างรุนแรงนัก !
เมื่อสัมผัสได้ถึงแก่นวิญญาณสีแดงที่จุดตันเถียนของเธอราชินีอสูรเพลิงก็มีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข
ในตอนแรกเธอคิดว่าด้วยการดูดซับพลังจากผลเพลิงก็น่าจะเพียงพอในการทะลวงสู่ขอบเขตจิตวิญญาณแท้จริงขั้นสูงสุดซึ่งเธอก็พอใจแล้ว แต่ใครจะไปรู้ว่าพลังงานจากลาวาหลอมเหลวที่กักเก็บไว้ในผลเพลิงนับร้อยๆปีนี้จะรุนแรงมากจนทำให้แก่นวิญญาณของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดง
ตูม!!
พลังอันน่าเกรงขามถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างของราชินีอสูรเพลิงเมื่อเธอยกมือขวาขึ้นลำแสงสีแดงก็พุ่งออกมาจนทำให้เกิดรูขนาดใหญ่ที่ด้านบนของภูเขา
ครืนครืน ครืน
!
ก้อนหินมากมายตกลงมาจากยอดเขาราวกับภูเขากำลังจะถล่ม
ฉิงเฟิงหันหลังกลับไปมองและเห็นแสงสีแดงที่เปล่งออกมาจากร่างของราชินีอสูรเพลิงพลังที่ท่วมท้นและแสงที่เปล่งประกายจากเธอทำให้เขาแทบตาบอด
ฉิงเฟิงรู้สึกได้ถึงความกลัวต่อราชินีอสูรเพลิงแบบเดียวกับที่เขารู้สึกตอนที่พบกับพระสันตะปาปาในวันนั้น…
คุณ…คุณ… คุณทะลวงผ่านไปจนถึงขอบเขตจิตโลกาเลยหรือ !
ฉิงเฟิงพูดติดอ่างหัวใจของเขาเต้นถี่รัวด้วยความตกใจ
ขอบเขตจิตโลกา….โอ้ฟัค ขอบเขตพลังระดับนี้มันเหนือล้ำกว่าจิตวิญญาณแท้จริงไปไกลโขเชียวนะ ! ฉิงเฟิงแทบจะเป็นบ้า
เขารู้ซึ้งถึงพลังในขอบเขตจิตโลกาเป็นอย่างดีที่ทวีปเสือ พระสันตะปาปามีพลังในระดับจิตโลกาและสามารถกักขังฉิงเฟิงไว้ในม่านแสงได้ ซึ่งมันเกือบจะฆ่าเขาไปแล้ว วูบ!
ราชินีอสูรเพลิงยกมือขวาอันเรียวงามของเธอขึ้นและก่อตัวเป็นม่านแสงสีแดงกักขังฉิงเฟิงไว้ทันที
ฟัคแล้วไงทำไมถึงซวยแบบนี้ สิ่งแรกที่เธอทำหลังจากทะลวงผ่านก็คือกักฉันไว้ในม่านแสง….
ฉิงเฟิงคิดในใจอย่างหดหู่
ภายในม่านแสงนี้ฉิงเฟิงไม่สามารถขยับได้แม้แต่นิ้วเดียวเขาทำได้เพียงมองไปที่ราชินีอสูรเพลิง
พี่สาวคนสวยคุณจะทำอะไรนี่….
โอ้ เป็นคำถามที่ดี เจ้าตีข้าไปหลายสิบครั้งก่อนหน้านี้ทำเป็นจำไม่ได้ ? คราวนี้ตาข้าบ้างล่ะ !
เดี๋ยวสิพี่สาวคนสวยคุณทำแบบนี้ไม่ได้นะ ฉันไม่เพียงแค่ช่วยชีวิตคุณแต่ฉันยังมอบผลเพลิงให้คุณอีก คุณไม่ควรเนรคุณคนแบบนี้ หลี่ฉิงเฟิงหากเจ้าไม่ช่วยชีวิตข้าและมอบผลเพลิงให้ ป่านนี้ข้าตบเจ้าตายไปนานแล้ว นี่ข้าปรานีเจ้าแล้วเป็นการตอบแทน แต่เจ้าต้องให้ข้าทุบตีเจ้าคืนให้หายแค้นก่อน
ราชินีอสูรเพลิงพ่นลมออกทางจมูกด้วยความฉุนเฉียวในขณะที่มองไปที่ก้นของฉิงเฟิง
ราชินีอสูรเพลิงนั้นเป็นคนที่หยิ่งผยองดุร้ายและเกรี้ยวกราด แต่เธอก็รู้ผิดชอบชั่วดี มันจึงเป็นเหตุผลที่เธอไม่ฆ่าฉิงเฟิงแต่ต้องการลงโทษเขาด้วยการตีก้นคืนเป็นการแก้แค้น
ราชินีอสูรเพลิงเดินชดช้อยไปหาฉิงเฟิงเธอยื่นมือขาวเนียนออกมาและฟาดเข้าที่ก้นของเขาทันที
โอ้ย! เจ็บจังเลย !! ฉิงเฟิงไม่สามารถขยับร่างกายของเขาได้ ดังนั้นเขาจึงอ้าปากกว้างแล้วแสร้งทำเป็นเจ็บปวด
ถึงแม้ว่าฉิงเฟิงจะตะโกนออกมาด้วยความเจ็บปวดแต่แท้จริงแล้วเขาก็รู้สึกตื่นเต้นอยู่ภายในใจ ป้าบป้าบ ป้าบ ป้าบ ป้าบ …
เมื่อได้ยินฉิงเฟิงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดราชินีอสูรเพลิงก็เต็มไปด้วยความสุขและคิดว่าการลงโทษของเธอนั้นมีประสิทธิภาพมาก จากนั้นเธอก็ใช้มือที่ขาวกับหิมะฟาดก้นของฉิงเฟิงอีกครั้ง
ราชินีอสูรเพลิงไม่ได้โง่และตระหนักได้หลังจากลงมืออยู่พักใหญ่เธอสังเกตเห็นว่าที่จริงแล้วฉิงเฟิงไม่ได้ร้องตะโกนด้วยความเจ็บปวด แต่เขาดูสนุกกับมันเสียมากกว่า…
หนอยไอ้คนสารเลว นี่เจ้าหยอกข้าอีกแล้วเหรอ ! ราชินีอสูรเพลิงกล่าวด้วยความโมโห
ในที่สุดเธอก็ตระหนักว่าเขาตั้งใจปล่อยให้เธอตี
พี่สาวคนสวยต่อเลยซี่
ไม่เอาข้าจะหยุดแล้ว ข้าไม่ยอมเป็นเครื่องมือสร้างความสำราญให้คนสารเลวอย่างเจ้าหรอก ! งั้นก็ได้แต่อย่าลืมนะว่าคุณสัญญากับฉันแล้วว่าจะเป็นสาวใช้ของฉัน
ฉิงเฟิงกล่าว
ตูม!
ออร่าที่แข็งแกร่งทรงพลังออกมาจากร่างกายของราชินีอสูรเพลิงเธอมองไปที่ฉิงเฟิงและกล่าวอย่างเย็นชาว่า หมดเวลาเล่นแล้ว ข้าคือผู้ฝึกตนในขอบเขตจิตโลกา ไม่มีทางที่ข้าจะยอมเป็นสาวใช้ของเจ้า แต่เอาเถอะ ในเมื่อเจ้าช่วยชีวิตข้า ข้าจะยอมกลับเข้าเป็นหนึ่งในสิบอสูรอีกครั้งและคอยปกป้องเจ้าเป็นเวลาหนึ่งปี เช่นนี้เพียงพอหรือไม่
ฉิงเฟิงครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งและยอมรับมันมันเป็นไปไม่ได้ที่ยอดฝีมือในระดับจิตโลกาจะเป็นสาวใช้ ดังนั้นการให้เธอเป็นบอดี้การ์ดย่อมเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าและไม่สร้างความบาดหมางระหว่างพวกเขา
แต่ฉิงเฟิงก็คิดคำนวนในใจอย่างแน่วแน่ที่จะฝึกฝนนังมารร้ายคนนี้ให้เชื่องอย่างช้าๆเพื่อที่เขาจะได้มีมือหนึ่งอยู่ข้างกาย,สุดยอดฝีมือที่สามารถต่อกรกับสมเด็จพระสันตะปาปาแห่งทวีปเสือได้
คนโบราณว่าไว้ยิ่งรีบยิ่งเสียเปล่า, รอกินคำโตทีเดียวเลยดีกว่า ทุกอย่างต้องเป็นขั้นเป็นตอน….