ตอนที่ 989 งดงามไร้ทัดเทียม
ชุ่ยน้อยพาฉิงเฟิงเข้าไปภายในตัวตำหนักเงียบๆแต่พวกเขาก็ชนกับสตรีนางหนึ่งอย่างรวดเร็ว
เธอคนนี้อายุประมาณยี่สิบและสวมชุดสีเขียวที่ทำให้เธอดูบอบบางเหมือนต้นหลิวเธอกำลังถือชาถ้วยหนึ่งที่เธอคิดจะนำไปให้จ้าวตำหนัก เธอพบชุ่ยน้อยทันที
แน่นอนว่าเธอย่อมรู้จักชุ่ยน้อยเพราะเธอเป็นสาวใช้ที่ซื่อสัตย์ที่สุดของฮวาเซียนจื่อ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากฮวาเซียนจื่อถูกกักตัวไว้ ชุ่ยน้อยจึงสูญเสียผู้สนับสนุนและไม่มีศักดิ์ฐานะภายในตำหนักเหมือนแต่ก่อน
เด็กสาวสะบัดผมยาวสีดำของเธอและถามด้วยความเย่อหยิ่งว่า ชุ่ยน้อย เจ้าคิดจะไปที่ใดกัน
ชุ่ยน้อยกระวนกระวายและเริ่มรู้สึกกังวลหลังจากได้ยินคำพูดของหญิงสาวเธอกลัวการถูกคนเห็นมากที่สุดในตอนนี้เพราะเธอกำลังพาคนนอกเข้ามาภายในตำหนัก
ชุ่ยน้อยประหม่าและไม่อาจพูดอะไรออกไปได้ใบหน้าของเธอเริ่มซีดขาวและเหงื่อเย็นเริ่มไหลออกมาจากหน้าผากของเธอ
เด็กสาวมีสีหน้าเย้ยหยันหลังจากเห็นอาการของชุ่ยน้อยก่อนหน้านี้ชุ่ยน้อยเป็นที่นับหน้าถือตาและเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจเพราะเป็นสาวใช้คนสนิทของนักบุญหญิงฮวาเซียนจื่อ แต่บัดนี้ศักดิ์ฐานะของเธอตกต่ำลงจนเด็กสาวคิดว่าชุ่ยน้อยเกรงกลัวเธอ
ทันใดนั้นเองเด็กสาวก็สังเกตเห็นถึงการคงอยู่ของชายคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆชุ่ยน้อย,หลี่ฉิงเฟิงนั่นเอง
หะ
ผู้ชาย
!
ทำไมถึงมีผู้ชายอยู่ในตำหนัก
ภายในนิกายแห่งนี้ล้วนมีแต่ผู้หญิงไม่มีผู้ชายเลยแม้แต่คนเดียว ชุ่ยน้อยช่างกล้าหาญนักที่พาผู้ชายเข้ามาในตำหนักร้อยบุปผา !
เด็กสาวแสดงท่าทางที่หยาบคายออกมาและกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า ชุ่ยน้อย เจ้าก็รู้ว่าตำหนักร้อยบุปผาห้ามผู้ชายเข้ามา เจ้ากล้าฝ่าฝืนกฎของนิกายงั้นหรือ !
ชุ่ยน้อยตกใจอย่างยิ่งเมื่อได้ยินคำพูดของเด็กสาวเธอรู้ตัวว่าสิ่งที่เธอกลัวที่สุดเกิดขึ้นแล้ว หากมีการพาผู้ชายเข้ามาในตำหนัก เธอจะต้องโดนลงโทษสถานหนัก
ฟังจากการสนทนาของพวกเธอฉิงเฟิงก็เข้าใจทุกอย่างก่อนที่เด็กสาวจะได้ตอบสนองฉิงเฟิงก็ขยับตัวอย่างรวดเร็วดั่งสายฟ้าและเคาะหลังศีรษะของเธอจนสลบไป
เมื่อเห็นเด็กสาวหมดสติชุ่ยน้อยก็ตบหน้าอกตัวเองด้วยความโล่งใจ เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆและกล่าวว่า ข้ากลัวมากเลย ! โชคดีที่ท่านปิดปากเธอไว้ได้ทัน มิเช่นนั้นหากคนอื่นมาพบเข้าพวกเราลำบากแน่
ฉิงเฟิงรู้สึกสนุกกับอาการกลัวเกินเหตุของเธอเขาหันไปหาเธอและพูดว่า อย่ามัวเสียเวลาอยู่เลย ไปกันต่อได้แล้ว
ชุ่ยน้อยพยักหน้าและรีบพาฉิงเฟิงก้าวยาวๆไปยังห้องคุมขัง
ห้องขังนี้ตั้งอยู่ที่มุมหนึ่งทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของตำหนักและเป็นห้องปิดตายที่มีผู้ดูแลเป็นหญิงสาวสวยคนหนึ่ง
ต้องบอกว่าผู้หญิงทุกคนในตำหนักร้อยบุปผาล้วนแต่งดงามทุกคนที่ฉิงเฟิงพบหน้าล้วนแต่เป็นสาวงามที่น่าดึงดูดใจ หากพวกเธอเหล่านี้ออกสู่โลกภายนอกย่อมต้องถูกชายหนุ่มมากหน้าหลายตาตามจีบเป็นแน่
ส่วนหญิงสาวอีกสองคนที่อยู่เฝ้าหน้าห้องคุมขังนั้นไม่เพียงแค่มีใบหน้าที่งดงามแต่พวกเธอยังเปล่งออร่าที่แข็งแกร่งออกมาจากร่างกายอีกด้วย
จิตวิญญาณแท้จริงขั้นต้น
!
ฉิงเฟิงมองพวกเธอด้วยความรู้สึกประหลาดใจมากเขาไม่เคยคิดเลยว่าฮวาเซียนจื่อจะถูกคุ้มกันโดยยอดฝีมือระดับจิตวิญญาณแท้จริงขั้นต้นถึงสองคน ดูเหมือนว่าตำหนักร้อยบุปผาจะให้ความสำคัญกับเธอเป็นอย่างมาก
หญิงสาวเฝ้าหน้าห้องทั้งสองต่างประหลาดใจเมื่อเห็นฉิงเฟิงพวกเธอประหลาดใจยิ่งกว่าพบแพนด้ายักษ์ในสถานที่แห่งนี้เสียอีก
แม้ว่าหลี่ฉิงเฟิงจะเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลาเปล่งประกายอย่างน่าดึงดูดใจแต่พวกเธอก็คิดที่จะทุบตีเขาก่อนแล้วค่อยสอบสวนในภายหลัง เพราะเขาเป็นผู้บุกรุก
ผู้หญิงที่อยู่ทางซ้ายลงมือในทันทีเธอขยับมือขวาเป็นเหมือนกรงเล็บและพุ่งเข้าหาข้อมือของฉิงเฟิง เธอต้องการที่จะคว้าและสยบเขาอย่างรวดเร็ว
มันเป็นการจู่โจมที่รวดเร็วยิ่งจนทิ้งภาพติดตาไว้เบื้องหลังในขณะที่มันพุ่งผ่านอากาศ แต่สำหรับฉิงเฟิงในตอนนี้มันไม่สามารถคุกคามใดๆต่อเขาได้
ฉิงเฟิงเหยียดมือขวาด้วยความรวดเร็วยิ่งกว่าเธอเขาคว้าจับข้อมือและสกัดจุดชีพจรของเธอในพริบตา
ผลุบ!
หญิงสาวล้มลงบนพื้นและไม่สามารถขยับหรือพูดได้แม้แต่คำเดียวมีเพียงดวงตาของเธอก็ยังเปิดอยู่ เธอเหม่อมองฉิงเฟิงด้วยความหวาดกลัวและคิดสงสัยว่าชายหนุ่มคนนี้มีพลังเพียงใดกัน ทำไมเขาถึงสามารถสยบเธอได้ด้วยกระบวนท่าเดียว
เมื่อหญิงสาวอีกคนเห็นเพื่อนล้มลงอย่างง่ายดายเธอก็รู้สึกตึงเครียด แต่ก่อนที่เธอจะตะโกนเรียกกำลังเสริม ฉิงเฟิงก็ขยับร่างอย่างรวดเร็วอีกครั้งและสกัดจุดเธอเช่นกัน
ชุ่ยน้อยที่เฝ้ามองเหตุการณ์นี้ก็รู้สึกตื่นเต้นหลี่ฉิงเฟิงนั้นทรงพลังจริงๆ เขาแข็งแกร่งกว่าครั้งที่พบกันบนเกาะทมิฬมากมายหลายเท่านัก คุณหนูเซียนจื่อของเธอจะต้องพ้นอันตรายครั้งนี้แน่นอน ! ปัง!
ฉิงเฟิงผลักประตูเปิดออกและเดินเข้าไปมันเป็นห้องขังเล็กๆที่มีขนาดประมาณสิบตารางเมตร ไม่มีเตียง ไม่มีโต๊ะ ไม่มีเก้าอี้ มันเป็นแค่ห้องว่างๆเท่านั้น
มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่บนพื้นเธอหันหลังให้เขา แม้ว่าเขาจะไม่เห็นใบหน้าของเธอ แต่เขาก็จดจำได้ว่าเธอคือฮวาเซียนจื่อจากเรือนร่างที่ทรงเสน่ห์อันคุ้นเคย
เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูฮวาเซียนจื่อก็หันหน้ามาเวลานี้โฉมหน้าที่แท้จริงของเธอถูกเปิดเผยต่อสายตาของฉิงเฟิงโดยไร้ผ้าคลุมหน้าเหมือนเมื่อก่อน
ช่างงดงามอะไรขนาดนี้…..
ฉิงเฟิงตะลึงงันคล้ายกับว่าหัวใจหยุดเต้นดวงตาของเขาสว่างวาบขึ้น เขาเคยพบฮวาเซียนจื่อมาแล้วหลายครั้งแต่เธอมักจะสวมผ้าคลุมหน้าทำให้เขาไม่สามารถมองเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเธอได้ แต่ครั้งนี้แตกต่างกันในที่สุดเขาก็ได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเธอ มันเป็นใบหน้าที่งดงามอย่างไม่มีใครเทียบได้
ใบหน้าของเธอมีความสง่างามเหมือนดอกโบตั๋น*ช่อหนึ่งผิวของเธอเป็นสีขาวเหมือนบัวหิมะ ริมฝีปากของเธอแดงเหมือนลูกเชอร์รี่ ดวงตาของเธอกระจ่างใสเหมือนดวงดารา และขนตาเล็กๆของเธอก็กระพริบเหมือนหน้าต่างบานเล็กๆสองดวง
นอกเหนือไปจากความงดงามไร้ทัดเทียมแล้วเธอยังมีเรือนร่างที่เข้ารูปไร้ตำหนิอีกด้วย
ฉิงเฟิงเคยพบกับสาวงามมาแล้วมากมายนับไม่ถ้วนหลินเสวี่ยงามสง่า หลิวหรูหยานทรงเสน่ห์เย้ายวน จางเสี่ยวเยวี่ยบริสุทธิ์ไร้เดียงสา แต่ฮวาเซียนจื่อคือสาวงามที่รวมคุณสมบัติเด่นของพวกเธอทั้งหมดเข้าด้วยกัน
ฮวาเซียนจื่อเป็นที่รู้จักกันในฐานะสาวงามอันดับหนึ่งในยุทธภพซึ่งเธอก็สมควรได้รับมันแล้ว ฉิงเฟิงยังต้องพยายามอย่างหนักในการเก็บอารมณ์ชื่นชมต่อความงามของเธอไว้ในใจ
เมื่อเธอเห็นว่าผู้ที่เปิดประตูเข้ามาคือหลี่ฉิงเฟิงดวงตาที่สดใสของฮวาเซียนจื่อก็เผยความประหลาดใจ ริมฝีปากอันงดงามของเธอเผยอออกเล็กน้อย เธอไม่คาดคิดว่าชายคนนี้จะมาปรากฏตัวในห้องขังของตำหนักร้อยบุปผา
ฉิงเฟิงสังเกตเห็นความประหลาดใจในแววตาคู่งามของเธอเขายิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า ไม่ได้พบกันเสียนานนะฮวาเซียนจื่อ
ฮวาเซียนจื่อเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อนถูกต้องแล้ว พวกเขาไม่ได้พบกันมานาน
หลี่ฉิงเฟิงทำไมท่านถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ฮวาเซียนจื่อเผยอริมฝีปากสีแดงของเธอและถาม
เธอคิดว่าเธอกำลังฝันที่เห็นหลี่ฉิงเฟิงที่นี่แต่หลังจากจิกมือตัวเองเธอก็รู้ว่ามันไม่ใช่ความฝัน เขาคือหลี่ฉิงเฟิงจริงๆ
ก็มาเพื่อช่วยคุณไง ฉิงเฟิงยิ้มและกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นมั่นใจ