ตอนที่ 993 ปะทะผู้พิทักษ์มู่หงหลิง
ช่างเป็นผู้หญิงที่โหดเหี้ยมนัก!
ฉิงเฟิงจ้องมู่หงหลิงที่กำลังแทงกระบี่ตรงเข้าใส่หัวใจของเขา
หวืด!
ฉิงเฟิงกระโดดอย่างรวดเร็วและหลบกระบี่เล็งจุดตายนี้ได้
ถึงแม้ว่าการโจมตีของมู่หงหลิงจะดูเหมือนรุนแรงแต่ฉิงเฟิงก็สามารถหลบพ้นอย่างไม่ยากเย็นนัก เพราะเขาสามารถอ่านการเคลื่อนไหวของเธอได้อย่างง่ายดาย
มู่หงหลิงรู้สึกอับอายหลังจากล้มเหลวสองครั้งติดต่อกันเพราะเธอเพิ่งป่าวประกาศออกไปว่าจะเอาชนะหลี่ฉิงเฟิงภายในสามกระบวนท่า ตอนนี้เธอโจมตีไปแล้วสองครั้งและเหลือโอกาสอีกเพียงครั้งเดียว
สาวกหญิงคนอื่นๆต่างก็รู้สึกตกใจเนื่องจากพวกเธอไม่คิดว่าเขาจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เขาสามารถหลบการโจมตีที่รุนแรงของมู่หงหลิงได้ถึงสองครั้งติดต่อกัน
วิชากระบี่หงหลิง
!
มู่หงหลิงทำเสียงฮึดฮัดขณะที่เธอเริ่มโคจรพลังเข้าสู่ตัวกระบี่เธอตัดสินใจที่จะโจมตีด้วยวิชากระบี่เฉพาะตัวของเธอในครั้งนี้ เพราะมันทรงพลังกว่าการโจมตีอื่นๆของเธอถึงสามเท่า
ความหวังในการกอบกู้ชื่อเสียงของมู่หงหลิงถูกหลี่ฉิงเฟิงบดขยี้หลังจากนั้นในไม่ช้าเขาหลบการโจมตีของเธออย่างง่ายดายโดยก้าวถอยหลังไปเล็กน้อยเท่านั้น
ครบสามกระบวนท่าแล้วเธอนี่มันไร้น้ำยาเสียจริง ฉิงเฟิงกล่าวเยาะเย้ยเธอด้วยความรังเกียจ
มู่หงหลิงรู้สึกโกรธมากหลังจากได้ยินสิ่งที่เขาพูดเธอรู้สึกว่าร่างกายของเธอร้อนราวกับถูกไฟคลอกจากการดูถูกเหยียดหยามของฉิงเฟิง
นอกจากเธอแล้วสาวกหญิงคนอื่นๆก็รู้สึกเช่นเดียวกันพวกเธอคิดว่าหลี่ฉิงเฟิงจะพ่ายแพ้อย่างแน่นอนหลังจากสามกระบวนท่าของมู่หงหลิง แต่ตอนนี้เขากลับหลบการโจมตีทั้งหมดได้โดยไร้บาดแผล
ฉิงเฟิงชักกระบี่เพลิงคะนองออกมามันปลดปล่อยพลังงานกระบี่สูงนับสามสิบเมตรที่แยกท้องนภาและทำให้พื้นดินรอบๆเขาเกิดรอยแตก
ผนึกที่สองของกระบี่เพลิงคะนองถูกปลดออกไปแล้วตอนนี้มันกลายเป็นกระบี่วิญญาณระดับโลกา ออร่าที่ห่อหุ้มตัวกระบี่นั้นเพียงพอที่จะสะกดข่มผู้คน
ฉันจะล้มเธอด้วยกระบี่เดียว ฉิงเฟิงกล่าวกับมู่หงหลิง
มู่หงหลิงรู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนไปด้วยความโกรธเธอเป็นหนึ่งในหกศิษย์สตรีที่มีความสามารถมากที่สุดของตำหนักร้อยบุปผาและเป็นคนที่เคารพยำเกรงของเหล่าศิษย์มากมาย ถึงกระนั้นเธอกลับได้รับการปฏิบัติเยี่ยงสุนัขป่วยต่อหน้าชายหนุ่มผู้หนึ่งที่อวดอ้างว่าสามารถเอาชนะเธอได้ในการโจมตีครั้งเดียว ช่างฝันเฝื่องนัก !
มู่หงหลิงแสยะยิ้มและกล่าวว่า ถ้าเจ้าทำได้จริง ข้าจะออกจากนิกาย
ฉิงเฟิงพยักหน้าด้วยรอยยิ้มและเห็นด้วยกับคำสัญญาของเธอเขาแทบทนรอดูผู้หญิงคนนี้ออกจากตำหนักไม่ไหวแล้ว
ปัง!
ฉิงเฟิงก้าวหนักๆลงบนพื้นและทำให้เกิดหลุมลึกถึงห้าเซนติเมตรบนพื้นหินอ่อน
นอกจากความแข็งแกร่งแล้วความเร็วของเขาก็ยังทำให้ทุกคนต้องตกใจ เขามาถึงเบื้องหน้ามู่หงหลิงโดยไม่มีใครมองทัน
เร็วอะไรขนาดนี้
!
มู่หงหลิงมองฉิงเฟิงด้วยแววตาสั่นระริกเธอตื่นตะลึงต่อการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วของเขา
ปัง!
ฉิงเฟิงเหวี่ยงกระบี่เพลิงคะนองออกไปและยิงเปลวเพลิงออกไปที่ร่างของมู่หงหลิง
เธอระมัดระวังอย่างมากในขณะที่ต้องเผชิญหน้ากับแรงกดดันมหาศาลจากกระบี่เพลิงคะนองเธอยกกระบี่เข้าปะทะกับกระบี่ของฉิงเฟิง
แกร่ก!
กระบี่ในมือของมู่หงหลิงแตกเป็นสองส่วนและตกลงไปกองกับพื้น
กระบี่ของข้าถึงกับหักครึ่ง
…
มู่หงหลิงประหลาดในขณะที่เธอแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองกระบี่ของชายคนนี้ช่างทรงพลังนัก มันสามารถทำลายกระบี่ของเธอได้อย่างง่ายดายราวกับทุบไข่ เธอไม่ใช่คู่มือเขาแม้แต่น้อย
หลังจากทำลายกระบี่ของมู่หงหลิงไปแล้วกระบี่ของฉิงเฟิงก็ขยับไปที่คอของเธอ มันสามารถสะบั้นศีรษะของเธอได้อย่างง่ายดายตราบเท่าที่มันเพียงขยับไปอีกหนึ่งมิลลิเมตร
เธอแพ้แล้ว ฉิงเฟิงกล่าวอย่างเยือกเย็น
ข้า…ข้าแพ้
!
ใบหน้าของมู่หงหลิงดูซีดเซียว
เป็นไปได้ยังไง
เรื่องนี้ไม่จริงใช่ไหม ศิษย์พี่หญิงเป็นถึงยอดฝีมือระดับจิตวิญญาณแท้จริงขั้นปลาย และมีระดับพลังเหนือกว่าหลี่ฉิงเฟิงถึงหนึ่งขั้น เธอจะพ่ายต่อหลี่ฉิงเฟิงเพียงหนึ่งกระบวนท่าได้อย่างไร ?
เจ้าโง่คนนี้แข็งแกร่งเกินไป
สาวกหญิงทุกคนกำลังพูดถึงความสามารถที่ผิดธรรมดาของหลี่ฉิงเฟิง
เอาล่ะมู่หงหลิง เธอพูดมาเองว่าถ้าฉันชนะเธอด้วยกระบวนท่าเดียว เธอจะออกจากตำหนักร้อยบุปผาใช่ไหม งั้นก็จงไปซะ ฉิงเฟิงกล่าวอย่างไร้อารมณ์
ทันใดนั้นเองมู่หงหลิงก็รู้สึกสิ้นหวังเมื่อได้ยินคำพูดของฉิงเฟิง
ตำหนักร้อยบุปผาเป็นที่ที่เธอเติบโตมาเธอไม่ต้องการออกจากนิกายเพราะเธอผูกพันกับสถานที่แห่งนี้มาก
อย่างไรก็ตามในเมื่อเธอสัญญาออกไปแล้วตั้งแต่แรก อีกทั้งทุกคนในตำหนักต่างก็ได้ยิน เธอจึงต้องรักษาคำพูด
ในขณะเดียวกันอาวุโสสามก็ยืนขึ้นและพูดออกหน้าให้เธอว่า หลี่ฉิงเฟิง ข้าคือผู้พิทักษ์ของมู่หงหลิง ข้าไม่ยอมให้เธอออกจากนิกายหรอก
ฉิงเฟิงขมวดคิ้วในขณะที่เอ่ยถามว่า ถ้างั้นก็หมายความว่าคนของตำหนักร้อยบุปผาดีแต่ปากใช่ไหม ท่านจะคงชื่อเสียงในฐานะอาวุโสสามของนิกายได้อย่างไรในเมื่อศิษย์ของท่านไม่รักษาคำพูด ?
ใบหน้าของอาวุโสสามเปลี่ยนไปเพราะเธอรู้สึกอึดอัดจากคำวิจารณ์แทงใจดำของหลี่ฉิงเฟิงเธอคุ้นชินเพียงการวิจารณ์ผู้อื่นและไม่เคยถูกปฏิบัติเช่นนี้มาก่อน
หลี่ฉิงเฟิงการประลองเมื่อครู่ไม่ใช่การต่อสู้ที่ยุติธรรม ข้าเป็นผู้พิทักษ์ของมู่หงหลิง ส่วนเจ้าเป็นผู้พิทักษ์ของฮวาเซียนจื่อ ตามหลักแล้วควรเป็นข้าต่างหากที่ต้องสู้กับเจ้า อาวุโสสามกล่าวกับฉิงเฟิงอย่างไร้อารมณ์
ฉิงเฟิงขมวดคิ้วและตอบกลับอย่างรวดเร็วว่า ก็ได้ ถ้านี่คือสิ่งที่คุณต้องการ ฉันจะเติมเต็มความปรารถนาของคุณเอง เข้ามาเลย
ทั้งคู่เดินมาที่กลางเวทีอาวุโสสามอยู่ทางซ้ายในขณะที่ฉิงเฟิงอยู่ทางขวา พวกเขาทั้งสองจ้องมองซึ่งกันและกัน ในมือเกาะกุมกระชับอาวุธ หวืด!
อาวุโสสามหยิบแส้ของเธอออกมามันชื่อว่าแส้คริสตัล มันยาวสามเมตร, สีดำ เป็นแส้ที่ทำจากโลหะและหินแต่มันดูเหมือนเถาวัลย์เสียมากกว่า
โดยปกติแล้วโลหะและหินนั้นเป็นของแข็งแต่เหล็กคริสตัลนี้เป็นหินแข็งซึ่งแตกต่างออกไป มันไม่ใช่วัตถุบนโลก แต่มันเป็นแก่นของอุกกาบาตที่ตกลงมาบนโลกหลังจากที่มันกระแทกพื้นผิวโลกและทำให้เกิดการเสียดสีในชั้นบรรยากาศ
ในตอนที่หลอมแส้เส้นนี้อาวุโสสามไม่ได้ใช้วัสดุบนโลก แต่มันเป็นวัสดุจากอุกกาบาตนอกโลก มันเป็นหินยืดหยุ่นซึ่งอาจสร้างอาการบาดเจ็บอย่างรุนแรง ผู้พิทักษ์ของมู่หงหลิง เปิดเผยอาวุธที่น่าเกรงขามเพราะกระบี่ของมู่หงหลิงก็ยังหักอย่างง่ายดายด้วยกระบี่ของหลี่ฉิงเฟิง
เธอเชื่อมั่นว่าหลี่ฉิงเฟิงจะไม่สามารถทำลายแส้ที่หลอมจากหินคริสตัลของเธอได้ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งเพียงใดก็ตาม
หวืด!
อาวุโสสามเหวี่ยงแส้พุ่งไปหาฉิงเฟิงในขณะที่แยกอากาศรอบๆตัวเขาฉิงเฟิงต้องตั้งใจเต็มร้อยในครั้งนี้เพราะเขารับรู้ได้ถึงพลังของแส้เส้นนี้ เขาเหวี่ยงกระบี่เพลิงคะนองออกไปปะทะทันที
ปัง!
พลังมหาศาลถูกปล่อยออกมาเมื่อแส้หินคริสตัลและกระบี่เพลิงคะนองได้ปะทะกันพลังอำนาจของมันขยายออกไปรอบๆอย่างรวดเร็วเหมือนแผ่นดินไหว
สาวกหญิงแทบทุกคนต่างก็มีสีหน้าหวาดกลัวพวกเธอถูกบีบให้ต้องถอยหลังไปหลายก้าวเพราะไม่สามารถทนต่อคลื่นกระแทกมหาศาลได้
ตอนที่ 994 สะบั้นโล่พลัง
นี่มัน…จิตวิญญาณแท้จริงขั้นสูงสุด ฉิงเฟิงกล่าวในขณะที่ขมวดคิ้ว
อาวุโสสามหัวเราะและกล่าวกับฉิงเฟิงอย่างดูถูกว่า หลี่ฉิงเฟิงขอบเขตพลังของเจ้าต่ำกว่าข้าถึงสองขั้น เจ้าจะเอาอะไรมาสู้กับข้า !
มีเหตุผลสองประการที่อาวุโสสามอธิบายได้ว่าทำไมมู่หงหลิงจึงพ่ายแพ้ต่อหลี่ฉิงเฟิงข้อแรกเธอยังไม่ได้ฝึกฝนเต็มที่และข้อที่สองก็คืออาวุธวิญญาณของเธอไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับฉิงเฟิง มันแตกต่างจากเธอที่ไม่เพียงแค่มีระดับพลังและการฝึกปรือสูงกว่า แต่เธอยังมีแส้คริสตัลที่เป็นอุปกรณ์วิญญาณระดับโลกาขั้นกลางอีกด้วย
ฉิงเฟิงหมุนข้อมือเล็กน้อยและกระชับกระบี่เพลิงคะนองไว้แน่นเขาคิดที่จะเป็นฝ่ายลงมือก่อนเพราะเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายคุกคามจากอาวุโสสาม