ตอนที่ 999 พิชิตหลี่ย้ง
ตูม!!
ลำแสงสีขาวและเงาของภูเขาไฟพุ่งชนกันพร้อมกับเสียงอึกทึกที่ดังขึ้นมันทำให้เกิดหลุมดำขนาดใหญ่ที่ถูกทำให้อันตธารหายไปในทันที
ครืดครืด !!
ทั้งคู่ถอยหลังไปคนละก้าวและไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบกันในยกนี้
ฉิงเฟิงหรี่ตาลงด้วยความประหลาดใจหลี่ย้งสามารถต้านรับกระบวนท่าที่สามของวิชากระบี่เพลิงภูเขาไฟของเขาได้ทั้งๆที่กระบวนท่านี้สามารถเอาชนะศัตรูทุกคนที่ผ่านมาได้
หลี่ย้งก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่ฉิงเฟิงสามารถยืนหยัดต่อสู้กับการจู่โจมของกระจกเงาเยือกแข็งซึ่งเป็นถึงอุปกรณ์วิญญาณระดับโลกา
พวกเขาต่างก็หยั่งเชิงจ้องหน้ากันด้วยใบหน้าที่ดูน่ากลัวฉิงเฟิงหรี่ตาลงและกำลังชั่งน้ำหนักตัวเลือกของเขาเนื่องจากเขายังไม่ได้วิชาที่ร้ายกาจที่สุดออกไป ซึ่งวิชาพวกนั้นก็คือดรรชนีผู้พิชิตและเพลงหมัดมังกรเพลิง
เขาไม่ใช้วิชาเหล่านี้เพราะพวกมันทั้งเกรี้ยวกราดรุนแรงจนเกินไปดรรชนีผู้พิชิตสามารถแยกร่างคู่ต่อสู้เป็นสองส่วนได้อย่างง่าย ส่วนเพลงหมัดมังกรเพลิงก็แผดเผาผู้คนจนเป็นเถ้าถ่าน
จุดประสงค์ของเขาคือช่วยฮวาเซียนจื่อให้ได้ฉายานักบุญหญิงกลับคืนไม่ใช่ฆ่าคนนอกจากนี้ถึงพวกเธอจะดุร้ายและด่าทอเสียดสีแต่ก็ไม่ใช่ศัตรู หากเขาฆ่าใครซักคนเขาจะสูญเสียความจริงใจทั้งหมดต่อตำหนักร้อยบุปผา และฮวาเซียนจื่อก็จะไม่ได้รับตำแหน่ง
วูบบบ!
หลี่ย้งอัดพลังงานแท้เข้าในกระจกเงาเยือกแข็งและยิงลำแสงสีขาวอีกเส้นหนึ่งออกมามันพุ่งทะลุผ่านอากาศแล้วยิงไปที่ฉิงเฟิง
เพลิงภูเขาไฟระเบิด
!!
ฉิงเฟิงใช้กระบวนท่าที่สามของวิชากระบี่เพลิงภูเขาไฟอีกครั้งภูเขาไฟขนาดใหญ่ที่ควบแน่นจากพลังแท้ทุบเข้าหาลำแสงสีขาว
ตูม!!
ลำแสงสีขาวและแฟนท่อมภูเขาไฟปะทะกันอีกครั้งและปลดปล่อยพลังงานจำนวนมากออกมาแต่สุดท้ายก็จบลงด้วยการเสมอกัน
ทั้งคู่มองหน้ากันอย่างน่ากลัวต่างก็รู้ว่าไม่สามารถรู้แพ้ชนะกันได้ด้วยอุปกรณ์วิญญาณในระดับเดียวกันแน่นอน ดังนั้นทั้งสองจึงทิ้งอาวุธและหันไปใช้วิชาการบ่มเพาะพลัง
ฝ่ามือเยือกแข็ง
!
หลี่ย้งซัดฝ่ามือขวาของเธออย่างกระทันหันและเปลี่ยนสภาพเป็นแฟนท่อมของธารน้ำแข็งสีขาวที่เย็นยะเยือก แม้กระทั่งเปลี่ยนให้สภาพอากาศโดยรอบกลายเป็นน้ำแข็งที่เย็นเฉียบและกระแทกเข้าใส่หัวใจของฉิงเฟิง
ฝ่ามือเยือกแข็งเป็นเคล็ดวิชาบ่มเพาะพลังขั้นสูงที่มีประสิทธิภาพใกล้กับวิชาบ่มเพาะพลังระดับโลกา
มีหลุมสีขาวขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นทุกที่ที่มันผ่านไปและในพริบตามันก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้าฉิงเฟิงด้วยเสียงแหลมคม
หมัดทลายนรกานต์
!
ฉิงเฟิงเปิดใช้งานกายาแดนชำระและใช้ออกด้วยชุดเพลงหมัดทลายนรกานต์ที่สามารถสะกดขุมนรกได้ กำปั้นขนาดใหญ่ของเนินเขาลูกเล็กๆที่ควบแน่นจากพลังงานแท้พุ่งเข้าหาฝ่ามือเยือกแข็งจนทำให้หลี่ย้งต้องล่าถอยไปถึงห้าเมตร
หลี่ย้งรู้สึกมึนงงและเจ็บปวดในฝ่ามือของเธอแม้กระทั่งเห็นรอยเลือดบนหลังมือ
บาด….เจ็บ
นี่ข้าบาดเจ็บ
เมื่อมองที่ฝ่ามือจิตใจของหลี่ย้งก็เต็มไปด้วยความไม่เชื่อเพราะเธอเป็นยอดฝีมือในขอบเขตจิตวิญญาณแท้จริงขั้นสูงสุดซึ่งเหนือกว่าฉิงเฟิงถึงสองขั้น
คำอธิบายเดียวก็คือวิชาบ่มเพาะของเขานั้นเหนือล้ำกว่าของเธอ
หลี่ย้งไม่มีทางเลือกนอกจากใช้กระจกเงาเยือกแข็งอีกครั้ง
เมื่อเห็นเธอใช้อุปกรณ์วิญญาณฉิงเฟิงก็ชักกระบี่เพลิงคะนองออกมาเพราะหมัดทลายนรกานต์ไม่อาจต้านรับมันได้
วูบบบ! เป็นครั้งที่สามที่หลี่ย้งยิงลำแสงสีขาวออกมาและถูกกระบี่เพลิงคะนองของฉิงเฟิงต้านรับไว้ได้อีกครั้ง
อาวุโสหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างสนามเริ่มขมวดคิ้วเธอรู้ว่าหลี่ย้งไม่สามารถเอาชนะฉิงเฟิงด้วยอุปกรณ์วิญญาณระดับเดียวกันได้แน่นอน
หลี่ย้งเจ้าจงทลายผนึกซะ หยดเลือดลงบนกระจกและโยนมันขึ้นไปในอากาศ
อาวุโสหนึ่งออกคำสั่งต่อหลี่ย้งทันที
เมื่อได้ยินพูดของอาจารย์หลี่ย้งก็กัดนิ้วของเธอและหยดเลือดหนึ่งหยดลงบนกระจกเงาเยือกแข็งก่อนที่จะโยนมันขึ้นไปในอากาศ
ตูม!!
กระจกเงาเยือกแข็งเปล่งแสงลำแสงมันหมุนอยู่บนอากาศและปลดปล่อยพลังงานมหาศาลออกมา
อุปกรณ์วิญญาณระดับสวรรค์
! มันเป็นอุปกรณ์วิญญาณระดับสวรรค์แล้ว
!
ฉิงเฟิงสูญเสียความเยือกเย็นเขาเคยได้ยินจากจักรพรรดิราตรีมาก่อนว่ามีเพียงอุปกรณ์วิญญาณระดับสวรรค์เท่านั้นที่สามารถลอยได้
นอกจากนี้เขายังรู้ว่าในตอนนี้กระบี่เพลิงคะนองนั้นไม่อาจรับมือกับกระจกเงาเยือกแข็งได้อีกแล้วเพราะมันทลายผนึกและเลื่อนขั้นไปเป็นอุปกรณ์วิญญาณระดับสวรรค์ ซึ่งเขาไม่อาจสลายผนึกได้เพราะยังมีพลังในระดับจิตวิญญาณแท้จริงขั้นกลาง
ช่วยไม่ได้…ดูเหมือนว่าฉันต้องวิชานั้นซะแล้ว
ฉิงเฟิงคิดในใจและตัดสินใจใช้วิชาดรรชนีผู้พิชิต
หนึ่งดรรชนีแยกสรรพสิ่ง! ฉิงเฟิงอัดแน่นพลังแท้ทั้งมวลในเส้นชีพจรลงไปไว้ในปลายนิ้วของเขา
เขาเหยียดนิ้วชี้ออกมาและยิงลำแสงสีฟ้าซึ่งฉีกผ่านอากาศด้านหน้าเขาทั้งหมดและตัดกระจกเงาเยือกแข็งด้วยพลังอันรุนแรงอย่างไม่น่าเชื่อ
เปรี๊ยะ…!
ด้วยเสียงแตกที่คมชัดมันปรากฏรอยปริแตกบนกระจกและหล่นลงสู่พื้น
ฉิงเฟิงรู้สึกขมขื่นเนื่องจากระดับการบ่มเพาะของเขาในปัจจุบันยังต่ำอยู่ทำให้วิชาดรรชนีผู้พิชิตสำแดงพลังได้เพียงแค่แยกคนๆหนึ่งหรืออุปกรณ์วิญญาณชิ้นหนึ่งที่ต่ำกว่าระดับโลกาเป็นสองส่วนได้เท่านั้น ในขณะที่พลังเต็มที่ของวิชาดรรชนีผู้พิชิตนั้นสามารถแยกทุกสิ่งทุกอย่างในโลกได้
เนื่องจากกระจกเงาเยือกแข็งกลายเป็นอุปกรณ์วิญญาณระดับสวรรค์ไปแล้วดังนั้นดรรชนีแยกสรรพสิ่งของเขาจึงทำได้เพียงทิ้งรอยแตกไว้บนนั้นแทนที่จะแยกมันเป็นสองส่วน
อย่างไรก็ตามด้วยรอยร้าวบนกระจกเงาเยือกแข็ง มันก็ถือว่าสูญเสียอำนาจในการต่อสู้ของมันไป
อะไรเนี่ย
!
กระจกเงาเยือกแข็งเกิดรอยแตก
!
หลี่ย้งมีสีหน้าราวกับเห็นผีเธอเพิ่งจะทลายผนึกของกระจกเงาเยือกแข็งด้วยเลือดของเธอจนมันกลายเป็นอุปกรณ์วิญญาณระดับสวรรค์
แม้แต่ประมุขร้อยบุปผาซึ่งเป็นยอดฝีมือระดับจิตโลกาก็ยังไม่สามารถป้องกันการโจมตีจากอุปกรณ์วิญญาณระดับสวรรค์ได้แล้วหลี่ฉิงเฟิงทำได้อย่างไรทั้งๆที่มีพลังในระดับจิตวิญญาณแท้จริงขั้นกลาง !
ในขณะที่เธอยังคงงงงวยด้วยความตกใจฉิงเฟิงฉกฉวยโอกาสทองในเสี้ยวพริบตาเขาขยับร่างอย่างรวดเร็วและเตะก้นเธอจนตกเวทีอีกครั้ง
ตามกฎแล้วใครก็ตามที่ตกเวทีจะถือแพ้การประลองรู้ผลในที่สุด
หลี่ย้งเธอแพ้แล้ว ฉิงเฟิงเอามือไขว้หลัง เขามองหลี่ย้งที่ข้างเวทีและกล่าวอย่างหยิ่งผยอง
แพ้…….. ข้าแพ้ ? หลี่ย้งรู้สึกงงงวยด้วยความตกใจและเจ็บปวดอย่างรุนแรง
��