ตอนที่ 1005 สัตว์วิญญาณ
การแสดงออกของราชาจระเข้กลายเป็นมุ่งร้ายเมื่อเขาได้ยินที่ฉิงเฟิงพูดมนุษย์ผู้นี้ช่างน่ารังเกียจนัก ! เขาอยากจะขี่หลังพวกเขาข้ามหนองน้ำ ดังนั้นราชาจระเข้จึงคิดที่จะฆ่าชายคนนี้ซะ
กินกิน กิน การกินมนุษย์เป็นวิธีเดียวที่ราชาจระเข้จะสามารถฟื้นความภาคภูมิใจของเขาในฐานะราชาผู้ปกครองหนองน้ำ
ฮู่มมมมม!!
ราชาจระเข้แผดเสียงและเปล่งแสงลำแสงสีดำออกมาลำแสงนั้นทรงพลังมาก มันเจาะรูกลางอากาศและพุ่งไปหาฉิงเฟิง
ฮ่าห์!
ฉิงเฟิงคำรามและชกหมัดขวาด้วยพลังแท้ของเขาออกไปมันรวมตัวกันเป็นแฟนท่อมขุนเขาขนาดยักษ์และปะทะเข้ากับลำแสงสีดำ มันเจาะลำแสงสายนั้นจนเป็นรูและกระจายหายไปในอากาศ
การโจมตีของราชาจระเข้นั้นไม่ใช่คู่มือของเพลงหมัดทลายนรกานต์ของฉิงเฟิงแม้แต่น้อย
ราชาจระเข้ตัวนี้มีอำนาจมากที่สุดในหนองน้ำแต่ฉิงเฟิงก็เกิดไหวพริบอย่างรวดเร็วว่าน้ำทำปฏิกิริยาอย่างไรกับสายฟ้า
พระผู้เป็นเจ้าได้โปรดทำลายจระเข้ที่โง่เง่าตัวนี้ด้วยเถิด…
ฉิงเฟิงพึมพำและหยิบมุกอัสนีฟ้าออกมาเขาถ่ายพลังแท้เข้าไปในนั้นและสร้างสายฟ้าขึ้นมา
เปรี้ยง
!
มีสายฟ้าสีแดงจู่โจมลงมาจากท้องฟ้าตรงไปที่ราชาจระเข้
สะ…สายฟ้า ! ทำไมจู่ๆถึงมีฟ้าผ่าลงมาได้ ! ราชาจระเข้หวาดกลัวมาก สำหรับมัน นี่มันเป็นฝันร้ายที่สุด ราชาจระเข้ต้องการที่จะหนีแต่มันก็สายเกินไปสายฟ้าฟาดลงบนหลังของมันทันที
เปรี๊ยะเปรี๊ยะ เปรี๊ยะ ….
!
ร่างของราชาจระเข้สั่นกระตุกอย่างไม่อาจควบคุมได้และตามมาด้วยเสียงเปรี๊ยะๆผิวของมันเปลี่ยนเป็นสีดำเกรียมและตกตายจากการถูกฟ้าผ่า
น้ำในหนองน้ำเป็นตัวนำไฟฟ้าที่ดีดังนั้นไม่เพียงแค่ราชาจระเข้เท่านั้นที่ตายจากการถูกไฟช็อต จระเข้อีกหลายสิบตัวที่อยู่ใกล้เคียงก็ตายไปตามๆกันด้วยร่างที่ไหม้เกรียม
ทันใดนั้นเองจระเข้กว่าร้อยตัวก็ตายในหนองน้ำแห่งนี้ทำให้เหลือจำนวนเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น
จระเข้ที่รอดชีวิตต่างก็หวาดกลัวมากหลังจากที่พวกมันเห็นว่าราชาของพวกมันตายอย่างไรชายหนุ่มผู้นี้ช่างน่ากลัวนัก เขาสามารถเรียกสายฟ้าลงมาจนย่างสดพรรคพวกของมันได้ !
พาพวกเราข้ามหนองน้ำนี้ซะไม่งั้นพวกแกก็จะจบชีวิตแบบเดียวกับราชาของพวกแก ! ฉิงเฟิงส่งเสียงตะคอกขู่จระเข้ที่เหลือเพียงไม่กี่ตัว
จระเข้เหล่านี้หวาดกลัวมากพวกมันพยักหน้าอย่างรวดเร็วและพาฉิงเฟิงกับพรรคพวกข้ามหนองน้ำไป
ระหว่างข้ามหนองน้ำฉินเซียนจื่อและสาวกของตำหนักจักรพรรดิเพลิงต่างก็ชำเลืองมองฉิงเฟิงเป็นครั้งคราว ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความตกใจและสับสน พวกเขาไม่รู้ว่าหลี่ฉิงเฟิงเรียกสายฟ้าได้อย่างไร
เปรี้ยงเปรี้ยง
!
หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็ได้ยินเสียงการต่อสู้จากเบื้องหน้าพวกเขาไกลออกไปมันดูเหมือนจะเป็นการต่อสู้ที่รุนแรงมากจนกระทั่งได้ยินเสียงจากระยะไกล ฉิงเฟิงส่งสัญญาณให้ลู่ซวนจี๋และฉินเซียนจื่อบอกให้พวกเขาเงียบไว้ในขณะที่เขามองไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง
ในป่าที่อยู่เบื้องหน้ามีคนสองกลุ่มกำลังต่อสู้กันกลุ่มหนึ่งสวมเสื้อคลุมสีดำและมีสัญลักษณ์ดาบสีดำปักบนแขนเสื้อ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็นสาวกนิกายดาบทมิฬ
ผู้นำเป็นชายหนุ่มรุ่นเยาว์ที่อายุราวๆยี่สิบปีและแต่งกายด้วยชุดดำเขามีดาบสีดำที่กลางหลังที่สะท้อนแสงอันรุนแรง เขาเป็นหนึ่งในสาวกที่มากความสามารถที่สุดของนิกายดาบทมิฬ, เฮยเทียนหมิง
ส่วนอีกด้านหนึ่งคือกลุ่มคนที่ไม่สมเสื้อโดยที่แต่ละคนแบกแท่นหินขนาดใหญ่ไว้กลางหลัง(millstone)
แท่นหินนี้หนักมากอย่างน้อยๆก็หมื่นกิโลกรัมและมีสีดำสนิท อย่างไรก็ตาม มันดูเหมือนจะเบามากบนหลังของพวกเขา พวกเขาเหล่านี้ล้วนมาจากนิกายศิลา ผู้นำของพวกเขาคือพานฮง ทั้งสองฝ่ายต่างกำลังจ้องหน้ากันเขม็งด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิงแห่งความโกรธกริ้ว
ไม่ไกลจากพวกเขามีลูกสุนัขสีดำที่ยาวไม่เกินยี่สิบเซนติเมตรมันมีขนสีดำขลับราวกับเสื้อคลุมสีดำ(น่าจะเป็นสุนัขพันธุ์พุดเดิ้ล)และมีดวงตาสีดำที่กลิ้งกลอกไปมาดูชาญฉลาด
เฮยเทียนหมิงสัตว์วิญญาณตัวนี้เป็นของข้า ! พานฮงกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
เฮยเทียนหมิงยิ้มอย่างเย็นชาและกล่าวว่า ข้าเห็นมันก่อน ทำไมข้าต้องให้เจ้าด้วยละ
สัตว์วิญญาณนั้นแตกต่างจากสัตว์อสูรพวกมันฉลาดและมีความเป็นมนุษย์มากกว่า พูดง่ายๆว่าพวกมันมีพรสวรรค์มากกว่าสัตว์อสูร
สัตว์วิญญาณสามารถทำให้เชื่องและกลายเป็นสัตว์เลี้ยงได้พวกมันมีคุณสมบัติที่โดดเด่นมากมายเช่นความสามารถในด้านการต่อสู้และความสามารถในการค้นหาสมบัติล้ำค่าตามธรรมชาติ
ทั้งเฮยเทียนหมิงและพานฮงต่างก็ต้องการลูกสุนัขวิญญาณตัวนี้
เฮยเทียนหมิงชักดาบสีดำที่กลางหลังออกมาและพุ่งเข้าใส่อีกฝ่ายมันก่อตัวเป็นแสงสีดำยามมันพุ่งเข้าหาพานฮง
พานฮงก็หยิบแท่นหินขนาดใหญ่ของเขาออกมาและเหวี่ยงมันออกไปข้างหน้าซึ่งแยกลำแสงสีดำออกไป
แท่นหินนี้ไม่ได้เป็นหินทั่วๆไปมันทำมาจากแร่อุกกาบาตจึงมีพลังที่ยิ่งใหญ่ ไม่เพียงแค่เป็นวัตถุที่ไม่อาจแตกหักได้โดยง่ายเท่านั้น แต่พลังโจมตีของมันก็รุนแรกมากเช่นกัน
พานฮงเจ้าไปถึงขอบเขตจิตวิญญาณแท้จริงขั้นสูงสุดได้อย่างไร
เฮยเทียนหมิงตกตะลึงเขาไม่อยากเชื่อเลยว่าคู่ต่อสู้ของเขาจะบรรลุไปถึงระดับนี้แล้ว พานฮงพยักหน้าและกล่าวว่า เจ้าก็ไม่เลวเหมือนกันนี่ เจ้าสำเร็จวิชาดาบทมิฬแล้ว แต่แย่หน่อยนะที่ยังไม่ใช่คู่มือของข้า
หลังจากพูดจบพานฮงก็ยกแท่นหินขึ้นและกระแทกเข้าใส่เฮยเทียนหมิงอาวุธชิ้นหนักมาก ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวผลกระทบของมันก็มีมากกว่าหมื่นกิโล
ภายใต้แรงกดดันจากพลังของแท่นหินการแสดงออกของเฮยเทียนหมิงก็เปลี่ยนไป เขาเริ่มตื่นตระหนกมากขึ้น
วิชาดาบทมิฬ!
เฮยเทียนหมิงจู่โจมด้วยดาบของเขาและก่อให้เกิดสายลมสีดำขนาดยักษ์ที่พุ่งเข้าชนกับพลังของแท่นหิน
ตูม
!
การปะทะกันของพลังทั้งสองสายก่อให้เกิดคลื่นเสียงขนาดใหญ่ที่สั่นสะเทือนพื้นดินและท้องฟ้าผู้ที่อยู่ใกล้เคียงต่างก็หูอื้อในขณะที่พลังอันบ้าคลั่งก็กระจายออกไปจนพัดต้นไม้ที่อยู่รอบๆร่วงลงพื้นดิน
ทั้งคู่ต่างก็สู้กันอย่างเกรี้ยวกราดและไม่มีทีท่าจะหยุดมือด้วยความแตกต่างที่ไม่มากนักทำให้ไม่อาจดูออกว่าผู้ใดจะเป็นฝ่ายชนะ
สุนัขวิญญาณหันไปมองทางอื่นและวิ่งหนีไปขณะที่ทั้งสองกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด
การแสดงออกของเฮยเทียนหมิงและพานฮงเปลี่ยนไปเมื่อพวกเขาเห็นลูกสุนัขวิ่งหนีไปพวกเขาหยุดการต่อสู้ในทันทีและวิ่งตามลูกสุนัขตัวนั้นไป
เมื่อสุนัขวิญญาณเห็นว่ามีคนดักอยู่ทั้งข้างหน้าข้างหลังและทางซ้าย มันจึงหันไปทางขวาในทิศที่ไม่มีคนอยู่
ฉิงเฟิงกำลังแอบสังเกตการอยู่ในก้อนหินทางขวาพอดีเขาเห็นลูกสุนัขตัวนั้นกำลังวิ่งเข้าหาและกระโจนเข้าใส่อ้อมแขนของเขา
ฉิงเฟิงมองดูด้วยความสงสัยและเห็นว่ามันเป็นลูกสุนัขสีดำที่พุ่งเข้ามาในอ้อมแขนของเขาเขาตกตะลึงไม่น้อย
อะไรวะเนี่ย
เป็นผู้หญิงก็ว่าไปอย่างแต่นี่มันหมานี่นา
ในเวลาเดียวกันเฮยเทียนหมิงและพานฮงก็มาถึงเขาล้อมกรอบฉิงเฟิงและพรรคพวกเอาไว้
มอบสุนัขวิญญาณตัวนั้นมาซะและไสหัวไป! เฮยเทียนหมิงกล่าวกับฉิงเฟิงด้วยสีหน้าอันเยือกเย็น