ตอนที่ 1013 ที่อยู่ของพ่อ
เมื่อได้เห็นราชาอสูรมีดวายุสังหารเซวี่ยจงและศิษย์สาวกคนอื่นๆของนิกายอสูรโลหิตเฮยชวงและพานอิงก็ตื่นตระหนกไม่น้อย
ชายคนนี้ได้ฟื้นฟูพลังของเขาแล้วกลับมาเป็นสุดยอดฝีมือในขอบเขตจิตโลกาอีกครั้งเขามีพลังเกินกว่าที่พวกตนจะต่อต้าน
ถ้าหากไร้ซึ่งประมุขนิกายดาบทมิฬหรือประมุขนิกายศิลาในตอนนี้ไม่มีใครเทียบกับราชาอสูรมีดวายุได้
ฉิงเฟิงเจ้าคิดจะจัดการกับพวกมันเยี่ยงไร ราชาอสูรมีดวายุยิ้มเล็กน้อยแล้วถามฉิงเฟิง
หลังจากขบคิดชั่วครู่ฉิงเฟิงก็กล่าวอย่างหนักแน่นว่า เก็บกวาดให้หมดครับท่านอาจารย์
ฉิงเฟิงไม่ปลื้มคนพวกนี้อย่างมากโดยเฉพาะเฮยชวงและพานอิง เนื่องจากพวกมันพยายามขัดขวางไม่ให้เขามีโอกาสช่วยอาจารย์ ดังนั้นการฆ่าพวกมันทั้งหมดจะเป็นทางที่ดีที่สุดในการหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
ราชาอสูรมีดวายุพยักหน้าเห็นด้วยและสร้างดาบวายุขนาดยักษ์ออกมาจากฝ่ามือขวาของเขาซึ่งพัดไปข้างหน้าด้วยพลังอันรุนแรงและสังหารพวกเขาทั้งหมดด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวร่างกายพวกเขากลายเป็นหมอกเลือดและสลายหายไปในอากาศทันที
ในตอนนี้เหลือเพียงราชาอสูรมีดวายุฉิงเฟิง ฉินเซียนจื่อ ฮวาเซียนจื่อ ลู่ซวนจี๋และพรรคพวกที่เหลืออีกเล็กน้อยในถ้ำแห่งนี้
ท่านอาจารย์ท่านรู้ที่อยู่ของพ่อของผมหรือไม่ ฉิงเฟิงขมวดคิ้วและถามทันที
ราชาอสูรมีดวายุพยักหน้าแล้วพูดว่า ข้ารู้ พ่อของเจ้าอยู่ที่แกนกลางของแดนต้องห้ามเลยทีเดียว
แกนกลาง ฉิงเฟิงตกตะลึงแดนต้องห้ามของเทือกเขาคุนหลุนมีอยู่สี่ส่วนด้วยกัน : รอบนอก, ภายใน, ศูนย์กลางและแกนกลาง
ด้านนอกมีสัตว์อสูรในขอบเขตจิตวิญญาณแท้จริงขั้นสูงสุดภายใน สัตว์อสูรนั้นเปรียบได้กับผู้ฝึกตนขอบเขตจิตโลก ศูนย์กลางมีสัตว์อสูรขอบเขตจิตวิญญาณสวรรค์ และในส่วนแกนกลาง…มีสัตว์อสูรที่มีพลังในขอบเขตจิตราชัน !
ฉิงเฟิงคิดไม่ถึงเลยว่าพ่อของเขาจะติดอยู่ในแกนกลางนั่นเป็นสถานที่อันตรายยิ่งกว่านรก
สัตว์อสูรในขอบเขตจิตราชันนั้นไร้เทียมทานพวกมันสามารถทำลายเมืองๆหนึ่งด้วยหมัดเดียว หรือพังภูเขาด้วยการก้าวเท้าเพียงครั้งเดียว
ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมกระทั่งอาจารย์ของฉิงเฟิงก็ไม่สามารถช่วยพ่อของเขาได้อาจารย์ของเขามีพลังในระดับจิตโลกาเท่านั้นในขณะที่พ่อของเขาถูกขังอยู่ในสถานที่ที่มีสัตว์อสูรระดับจิตราชัน พวกมันเพียงตัวเดียวก็สามารถฆ่าอาจารย์ของเขาได้อย่างง่ายดายเพียงพลิกฝ่ามือ
ฉิงเฟิงรู้สึกหดหู่เล็กน้อยเขาถามขึ้นว่า ท่านอาจารย์ แล้วผมจะช่วยพ่อได้อย่างไร
ราชาอสูรมีดวายุคิดอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวว่า ขอบเขตพลังต่างกันเกินไป การจะช่วยพ่อเจ้าอย่างน้อยๆพวกเราต้องครอบครองอุปกรณ์วิญญาณระดับราชันสักชิ้นเป็นตัวช่วย
ฉิงเฟิงฝืนยิ้มอย่างไม่เต็มใจด้วยสีหน้าหดหู่หลังจากทลายผนึกที่สองของกระบี่เพลิงคะนอง มันเลื่อนระดับเป็นกระบี่วิญญาณระดับโลกาและมันจะกลายเป็นอาวุธวิญญาณระดับสวรรค์ได้หลังจากปลดล็อคอีกหนึ่งผนึก สรุปแล้วต่อให้ทลายผนึกทั้งหมด มันก็ยังอยู่ห่างไกลจากการเป็นอาวุธวิญญาณระดับจิตวิญญาณราชัน
อุปกรณ์วิญญาณระดับราชันทั้งมวลต่างก็ถูกครอบครองโดยสัตว์อสูรระดับจิตราชันหรือไม่ก็ผู้ฝึกตนฉิงเฟิงก็ยังไม่เคยเห็นมาก่อน นับประสาอะไรกับการครอบครองสักชิ้น
หลังจากทำความเข้าใจกับปัญหาของฉิงเฟิงราชาอสูรมีดวายุก็กล่าวว่า ข้ารู้ว่าเราจะหาอุปกรณ์วิญญาณระดับราชันได้ที่ไหน แต่มันเปี่ยมไปด้วยอันตรายยิ่งยวด
ฉิงเฟิงรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยเขาถามอย่างร้อนรนว่า ท่านอาจารย์ มันอยู่ที่ไหน ผมจะหามันได้ที่ไหน
มันมีอยู่ชิ้นหนึ่งในสุสานจิตวิญญาณราชันในใจกลางของเทือกเขาคุนหลุนมันเป็นหลุมฝังศพของผู้ฝึกตนในขอบเขตแก่นทองคำยามมีชีวิต ราชาอสูรมีดวายุกล่าวพร้อมอธิบาย
ฉิงเฟิงกลายเป็นกังวลเล็กน้อยสุสานจิตวิญญาณราชันเป็นสถานที่อันตรายอย่างสุดขั้ว ผู้ที่ย่างกรายเข้าไปอาจตายอย่างง่ายดายโดยไม่รู้ตัว
ถึงแม้ว่ามันจะมีความเสี่ยงสูงมากแต่เพื่อพ่อของเขาฉิงเฟิงกล่าวด้วยความมุ่งมั่นว่า ท่านอาจารย์บอกผมทีว่าสุสานนั่นอยู่ที่ไหน ผมจะไปเอาอุปกรณ์วิญญาณชิ้นนั้นมาให้ได้
ราชาอสูรมีดวายุส่ายหัวแล้วพูดว่า ข้าก็ไม่รู้มากนัก ข้ารู้แค่ว่ามันอยู่ในระยะทางห้าสิบกิโลเมตรทางเหนือของศูนย์กลางแต่ข้าก็ไม่รู้ว่ามันอยู่ตรงไหนแน่
ฮ่าๆๆ
เสียงหัวเราะของลูกหมาสีดำดังขึ้น
มันใช่เวลาขำมั้ย
ฉิงเฟิงหันไปมองมันและขมวดคิ้ว
พวกเจ้าไม่รู้แต่ลูกพี่หมาผู้นี้รู้ หากพวกเจ้าอยากรู้ตำแหน่งสุสานนั่นก็จงมอบผลไม้เลือดปีศาจมาให้ข้า
ลูกหมาสีดำหัวเราะและพูดด้วยความเย่อหยิ่ง
มันหงุดหงิดฉิงเฟิงมานานแล้วแต่มันก็ยังไม่สามารถหาโอกาสทำให้เขาขายหน้าได้ ในเมื่อตอนนี้มีโอกาสที่จะทำให้ฉิงเฟิงต้องขอรองมันได้แล้ว มันจึงหัวเราะด้วยความสะใจและคุยโวโอ้อวดออกมา
ป้าบ
!
ฉิงเฟิงเดินไปหามันและตบหัวในขณะที่ก้นด่าว่า แกอยากตายหรือไง บอกที่ตั้งสุสานจิตราชันมาให้ไว ไม่งั้นฉันจะถอนขนแกแล้วจับไปย่างกิน !
หลี่ฉิงเฟิงมันจะมากไปแล้วนะ อย่าโอหังนัก ถ้าลูกพี่หมาอย่างข้าไม่ช่วยเจ้า เจ้าก็ไม่มีวันเจอสุสานจิตราชันหรอกโว้ย เลิกหวังเรื่องอุปกรณ์วิญญาณกับช่วยพ่อเจ้าได้เลย เชอะ ! ลูกหมาสีดำข่มขู่เสียงดัง
ฉิงเฟิงไม่พูดอะไรอีกและดึงขนของมันทันทีจนมันร่ำร้องอย่างเจ็บปวด
โอ้ย! เจ็บๆๆๆๆ เจ็บโว้ย พอแล้วอย่าดึง ! ลูกหมาสีดำเริ่มร้องขอ ขนของมันสำคัญกับมันมาก
ฉิงเฟิงกล่าวอย่างเย็นชาว่า บอกที่ตั้งของสุสานมา ไม่งั้นฉันจะถอนขนแกให้เหี้ยน !
บอกแล้วๆ49กิโลเมตรครึ่งทางทิศเหนือของศูนย์กลาง
ลูกหมาสีดำบอกตำแหน่งให้กับฉิงเฟิงด้วยท่าทางที่หดหู่ขนของมันมีค่ามากกว่าศักดิ์ศรี
ท่านอาจารย์ออกจากที่นี่และไปที่สุสานจิตราชันกันเถอะครับ
ฉิงเฟิงยิ้มเล็กน้อยและกล่าวกับราชาอสูรมีดวายุ
ราชาอสูรมีดวายุกล่าวว่า จ้าวเทียนเจียนกับเฒ่าอสูรโลหิตสู้กันอยู่ข้างนอกถ้ำ ถ้าเจ้าออกไปตอนนี้จะถูกพวกมันสังหารแน่
ฉิงเฟิงพยักหน้าและรู้ว่าอาจารย์ของเขาพูดถูกจ้าวเทียนเจียนและเฒ่าอสูรโลหิตต่างก็เป็นสุดยอดฝีมือในขอบเขตจิตโลกาขั้นปลาย ต่อให้อาจารย์อยู่กับเขาก็คงเป็นการยากที่จะเอาชนะพวกเขาทั้งสอง
ราชาอสูรมีดวายุกล่าวขึ้นว่า ฉิงเฟิงเรื่องนี้อาจารย์ช่วยเจ้าได้ มอบผลไม้เลือดปีศาจให้ข้าผลหนึ่ง ข้าจะล่อพวกมันไปอีกทางหนึ่งด้วยผลไม้เลือดปีศาจ จากนั้นเจ้าก็พาทุกคนล่วงหน้าไปก่อน เมื่อข้าสลัดพวกมันหลุดค่อยไปเจอกันที่สุสานจิตราชัน
ฉิงเฟิงพยักหน้าและตกลงเขาหยิบผลไม้เลือดปีศาจออกมาและมอบให้อาจารย์ของเขา
ราชาอสูรมีดวายุรับผลไม้มาและพุ่งออกจากถ้ำอย่างรวดเร็วราวกับพายุและแสร้งทำท่าทางอ่อนล้า
จ้าวเทียนเจียนและเฒ่าอสูรโลหิตกำลังต่อสู้กันอยู่พวกเขาเหลือบไปเห็นราชาอสูรมีดวายุวิ่งออกมาจากถ้ำด้วยท่าทางอ่อนล้าพร้อมกับผลไม้เลือดปีศาจในมือ พวกเขาต่างก็ประหลาดใจอย่างไม่น่าเชื่อ
พวกเขาคาดไม่ถึงว่าราชาอสูรมีดวายุจะหลบหนีออกมาได้พร้อมกับถือผลไม้เลือดปีศาจไว้ในมือ
หนอย! ราชาอสูรมีดวายุ ส่งผลไม้เลือดปีศาจมาเดี๋ยวนี้ ! เฒ่าอสูรโลหิตตะโกนออกมาด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยว
เขารอมาสิบห้าปีในถ้ำแห่งนี้เพื่อผลไม้ผลนี้แต่ตอนนี้ราชาอสูรมีดวายุกลับชิงมันมา แน่นอนว่าเขาต้องโกรธเกรี้ยวมาก
ส่งผลไม้มาซะ! ไม่งั้นข้าจะฆ่าเจ้า ! จ้าวเทียนเจียนก็คำรามออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาเช่นกัน
จ้าวเทียนเจียนก็เป็นอีกคนที่เดินทางมายังแดนต้องห้ามคุนหลุนเพื่อผลไม้ผลนี้เขาโกรธแค้นราชาอสูรมีดวายุเป็นอย่างมาก