บทที่ 226 – โอเวอร์ลอร์ด (6)
[ผู้บัญชาการอัศวินแห่งกองทัพราชาลาวา ‘แก่นแท้เพลิง’ ปรากฏตัว หากไม่เอาชนะเขามันจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเอาชนะราชาเพลิง โปรดจำเอาไว้ว่าจะไม่มีวันพรุ่งนี้สำหรับผู้แพ้ เราขออธิษฐานให้คุณได้รับชัยชนะ]
“ขอบคุณนะ พี่สาวข้อความ”
ฉันได้พึมพัมออกมาเพื่อตอบกลับเสียงที่ดังในหูของฉัน อัศวินยักษ์ที่ฉันไม่สามารถจะมองได้ทั่วได้มองลงมาที่ฉันและตะโกนออกมา
[เป็นฮีโร่ที่โง่เขลามาก เจ้ากล้าที่จะท้าทายราชาด้วยพลังที่อ่อนแอแบบนี้งั้นรึ]
“เงียบไปน่าเจ้ายักษ์”
คำพูดของมันทำให้พื้นดินต้องสั่นสะเทือน ฉันได้คิดว่าแก้วหูฉันจะแตกแล้วซะอีก ตัวมันก็ยังร้อนมากๆอีกด้วย ร่างกายของมันร้อนจมทำให้พื้นดินต้องละลายจนเท้าของมันจมลงไปบนพื้น หากว่าว่าฉันไม่ใส่ผ้าคลุมอยู่ฉันก็คงไม่สามารถจะทนกับความร้อนนี้ได้
[นับตั้งแต่ที่เจ้ากล้ามาปลุกราชา เจ้าจะต้องเตรียมตัวรับโทษได้แล้ว]
“ขอโทษด้วยนะที่ฉันไปเผลอปลุกคนหลับนะ แต่ว่าเดี๋ยวฉันจะทำให้เขาได้หลับไปอีกครั้งเป็นการไถ่โทษให้นะ หลับแบบตลอดกาลเลยเป็นไง”
[เจ้า]
หอกที่มันได้ถืเอาไว้ได้ถูกจิ้มลงมาที่หัวของฉันเหมือนกับสายฟ้าแล๊บ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นการโจมตีแบบง่ายๆ แต่มันก็มีแรงกดดันทางมานาที่น่ากลัวมาตรึงฉันเอาไว้ ฮ่าๆ แม้แต่ด้วยพลังขนาดนี้มันยังไม่ใช่ราชา ฉันได้ยิ้มออกมาอย่างขมขื่น
“ล็อทเต้เธอหลบมันได้ใช่ไหม”
[ฉันหลบได้]
ล็อทเต้ได้ตอบกลับมาอย่างมั่นใจและสะบัดปีกของเธอ เพลิงสีดำได้ลุกขึ้นตามปีกของเธอเพื่อทำลายมานาที่หยุดเราเอาไว้ ในเวลาต่อมาเธอก็ได้หลบออกไปจากทิศทางของหอกและพุ่งเข้าหาต้นข้างของมัน เมื่อรู้สึกได้ถึงพลังงานลมและสายฟ้าจากการโจมตีครั้งสุดท้ายรวมอยู่ในหอกฉันได้ตะโกนออกไป
“ไปกันเลยไพก้า ชาราน่า”
[ไว้ใจได้เลย]
[เข้าใจแล้ว]
ภูติธาตุทั้งคู่ได้ตะโกนตอบกลับฉันออกมา พวกเธอไม่เพียงแค่จะควบคุมพลังนั้นเท่านั้น แต่พวกเธอยังผสานมันเข้ากับฮีโรอิค สไครค์ที่ฉันได้เตรียมไว้ ถ้าหากว่าความใกล้ชิดเราไม่ได้อยู่ในจุดสูงสุดมันก็เป็นเพียงได้แค่ฝันที่จะทำแบบนี้
[สิ่งที่เจ้าถือมันคือไม้จิ้มฟันหรอ น่าขันนัก เจ้ากล้าที่จะโจมตีข้าด้วยอาวุธกระจอกนั่นหรอ]
“ฉันมั่นใจได้เลยว่าแกจะต้องเปลื่ยนความคิดแน่เมื่อต้นขาของแกถูกระเบิดออกด้วยไม้จิ้มฟันนี่”
การโจมตีครั้งสุดท้ายของราชันย์วายุพิโรธที่เสริมด้วยฮีโรอิค สไตรค์ที่ฉันได้ทุ่มมานาทั้งหมดของฉันเพื่อสร้างมัน พลังลมและสายฟ้าได้เต้นประกายราวกับว่ากับขยับตามลมหายใจของฉัน พลังของไพก้าและชาราน่าได้เริ่มสูงขึ้น ทุกๆอย่างเหล่านี้ได้รวมเป็นหนึ่งด้วยฉัน
[ฮีโร่ ข้าจะลบเจ้าและเปิดม่านให้โลกนี้ถึงการสิ้นสุด]
“เหอะ สถานที่นี้มันเป็นที่ของฉัน ไปตายซะไป”
ในตอนที่ฉันได้เปิดตากว้างขึ้นฉันได้ตั้งสมาธิเอาพลังไปไว้ในจุดๆหนึ่งและแทงมันออกไปที่ขาขนาดยักษ์ที่ปกคลุมไปด้วยเกราะมานา แม้อย่างนั้นมันก็พยายามที่จะสวนฉันด้วยการเตะมาที่ฉันซึ่งมานาที่มันบรรจุมาก็ทรงพลังมากพอที่จะกดดันฉันให้ตาย
แต่ว่ายังไงก็ตามฉันจะไม่แพ้ ฉันแพ้ไม่ได้
“รับนี่ไปซะ สังเวย บัลลังก์แห่งหนาม”
ฉันได้เปิดไพ่ที่ซ่อนเอาไว้ออกมาตรงๆและแทงหอกออกไป แรงกดดันทุกอย่างที่กดมาที่ฉันได้หายไปในทันที พลังงานจำนวนมหาศาลที่รวมอยู่ที่ปลายหอกของฉันได้ดูดมานารอบๆและของฉันเข้าไป เมื่อรู้สึกถึงพลังนี้ฉันได้กลืนน้ำลายลงไป ถ้าหากว่าการโจมตีนี้ไม่สามารถความเสียหายที่ร้ายแรงขึ้นได้….! แม้ว่าบัลลังก์แห่งหนามจะฟื้นฟูพลังชีวิตของฉันก็ตาม แต่ว่าฉันไม่สามารถเลี่ยงความเจ็บปวดได้
[อย่างได้กังวลกับผลลัพธ์และโจมตีออกไปฮีโร่]
“ฮ่าาาาาาห์”
ด้วยคำพูดที่น่าเชื่อถือของล็อทเต้ฉันจึงได้โยนความลังเลิ้งและแทงหอกออกไปใส่ต้นขาที่กำลังเข้ามาหาฉัน ความเจ็บปวดที่มากมายได้กวาดมาทั่วร่างของฉันในทันที จากความเจ็บปวดนี้มันเหนือยิ่งกว่าอะไรที่ฉันเคยจินตนาการเอาไว้เสียอีก ฉันถึงกับเซ แม้ว่าความเสียหายมันจะไม่ถึงกับฆ่าฉัน แต่ว่าความเจ็บปวดมันต่างออกไป เพื่อที่จะจับหอกของฉันเอาไว้ ฉันจะต้องใช้พลังทั้งหมดที่ตัวฉันมี โชคดีที่ว่าความเจ็บปวดก็ดูจะเกิดกับเจ้ายักษ์นั่นเหมือนกัน
[อ๊ากกกกกกกกกกกกกก]
ในตอนที่หอกของฉันไปถึงเาหมาย ยักษ์นั่นได้ร้องออกมาจนพื้นดินต้องสะเทือนอีกครั้ง ขาของมันได้ระเบิดหายไปโดยสมบูรณ์ทำให้ลาวาพุ่งเข้ามาหาฉัน แม้ว่าหนามที่ยืดออกมาจากปลายหอกจะดูดซับมันเอาไว้และมาเพิ่มพลังชีวิตให้กับฉัน แต่ว่าก็ยังมีลาวาจำนวนมากที่มาโดนตัวฉัน
แม้ว่าจะอยู่ในความเจ็บปวดฉันก็ต้องฝืนกางผ้าคลุมออกมาและใส่มานาลงไป แม้ว่าฉันจะไม่เป็นอะไรแต่ล็อทเต้ก็โดนการโจมตีนี้เข้าไป มันไม่ต้องสงสัยเลยว่าเธอจะต้องถูกละลายแน่ แต่ยังไงก็ตามล็อทเต้ก็ไม่โดนลาวาแม้แต่หยดเดียวเลย แม้ว่าร่างกายของเธอจะต้องหนักอึ้งเพราะผลจากทักษะของฉัน เธอก็ยังเร่งความเร็วขึ้นอีก การเคลื่อนไหวของเธอเร็วจนฉันผงะไป
“ล็อทเต้”
[พักฟื้นเร็วฮีโร่ ฉันบอกท่านแล้วไงว่าท่านควรจะไว้ใจให้ฉันทำหน้าที่นั้นเอง]
ล็อทเต้เธอจะเท่ไปแล้ว
ฉันได้ทำตามคำแนะนำของเธอและรีบดื่มโพชั่นลงไป พลังชีวิตของฉันที่ซึ่งแม้แต่บัลลังก์แห่งหนามก็ยังไม่สามารถฟื้นคืนมาจนเต็มได้เริ่มกลับคืนมาอย่างช้าๆ ในตอนที่ฉันได้มงกลับไปฉันเห็นเจ้ายักษ์นั่นนั่งอยู่ที่พื้น
ฉันอยากที่จะเชื่อว่าเพลิงของมันไม่ใช่ระดับ EX แต่ว่าหากดูจากพลังที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อนแล้วมันน่าจะอยู่ในระดับนั้น ถ้าหากว่าเป็นฮวาหยาเธอจะมีพลังที่เหนือกว่านี้หรือป่าวนะ ฉันไม่มั่นใจเลย
[อ๊าาาาาาาาา ไอเจ้าแมลงตัวจ้อย]
ครู่หนึ่งเจายักษ์ี่ที่เสียขาไปก็สั่นไปมาหลังจากเสียขาได้หดตัวลงอย่างน่าทึ่งและสร้างขาใหม่ขึ้นมา แม้ว่ามันจะตัวเล็กลงประมาณ 10 เมตรก็ตามแต่ว่ามันได้กลับมาอยู่ในร่างแบบมนุษย์สมบูรณ์
ฉันมั่นใจได้เลยว่าได้สร้างความเสียหายที่ร้ายแรงกับมัน แต่ว่ามันก็ไม่ได้ดูเหมือนว่าจะใกล้ตายเลย มันดูเหมือนว่าฉันจำเป็นจะต้องสสู้กับมันอีกนาน นี่เป็นครั้งแรกหลังจากที่ผ่านมานานแล้วที่ฉันได้นึกย้อนกลับไปถึงออร์คลอร์ดที่ฉันได้ต่อสู้ด้วยในตอนที่เลเวล 5
[จงชดใช้ให้กับการที่มาทำร้ายอัศวินที่ไม่มีวันถูกทำลายซะ]
“ถ้าแกไม่มีวันถูกทำลาย แล้วแกจะมาโมโหทำไม เจ้าโง่เอ้ย”
[ตายซะ]
ยักษ์นั่นได้เหวี่ยงหอกและร้องออกมา ด้วยขนาดที่ใหญ่ของหอกทำให้ฉันสามารถได้ยินเสียงที่มันผ่าอากาศมาได้เลย ล็อทเต้ได้หลบการโจมตีนี้ด้วยท่าทางการหลบหลีกที่ราวกับจะเป็นเทพแห่งสายลม แม้แต่ฉันยังไม่มั่นใจเลยว่าจะหลบการโจมตีนี้ได้หรือไม่หากไม่ใช่ความเร็วศักดิ์สิทธิ์
[ฮีโร่ ข้าจะพุ่งไปอีกแล้วนะ]
“ได้ ตรงไปเลย”
ในตอนนั้นได้มีใครบางคนเข้ามาหาฉันพร้มกับพลังที่หนาวเย็น ในตอนแรกฉันคิดว่าเป็นไอน่าแต่แล้วกลับเป็นริยู
[ชินไปด้วยกันเถอะ]
“ริยู เธอไปจัดการกับกองทัพมันเถอะ ฉันจะจัดการเจ้านี่เอง”
[แต่ว่าชินกำลังอยู่ในอันตรายนะ เจ้านี่แข็งแกร่งเกินไป]
“ถ้าเราไม่จัดการกองทัพมันในตอนนี้ เราจะต้องอยู่ในอันตรายยิ่งกว่านี้อีกนะ ริยูขอร้องล่ะ”
[….อื้อ ก็ได้]
ริยูได้ถอยหลับไปอย่างเชื่อฟัง การโจมตีจากหอกอีกครั้งหนึ่งได้เข้ามาหาฉันในทันทีหลังจากนั้น แม้ว่าหอกของมันยังคงมีขนาดที่เท่าเดิมแต่ว่ามันได้อ่อนแอลงไปแล้ว แรงกดดันที่ฉันได้เจอมันน้อยลงกว่าก่อนหน้านี้มาก ล็อทเต้ก็ยังคงสามารถจะหลบการโจมตีนี้ได้ง่ายๆ ฉันได้ยิงศรสายฟ้าออกไปจากหอกในขณะที่ตะโกนบอกไปในช่องสื่อสารกิลด์
[ทุกกคนให้ความสำคัญกับการจัดการกองทัพลาวาก่อน ฉันจะรับมือกับเจ้ายักษ์นี่เอง ย้ำอีกครั้งนะให้ความสำคัญกับการกำจัดจอมทำลายและผู้กวาดล้าง]
[พวกเราจะเชื่อแก ไอลูกชาย]
[ถ้านายตาย ฉันฆ่านายแน่]
[โชคดีนะหัวหน้ากิลด์]
ไปสู้กันเลยไม่ต้องมาเชียร์ฉัน แม้ว่าฉันจะบ่นอย่างฟุ่งซ่าน แต่ฉันก็ยิ้มและจับหอกไว้ ยังไงก็ตามในทางกลับกันฉันคิดว่าหากเป็นแบบนี้มันคงจะไม่สามารถจะเอาชนะได้ ฉันได้ใช้ราชันย์วายุพิโรธและแม้แต่ใช้บัลลังก์แห่งหนรามและสังเวยแล้วด้วย แม้แบบนั้นยักษ์นี้ก็แค่ดูตัวเตี้ยลงกว่าเดิมเท่านั้น
ฉันมั่นใจว่าฉันจะสามารถขยี้มันได้ด้วยการใช้โอเวอร์ลอร์ด แต่ว่าฉันจำได้ถึงข้อความที่พี่สาวข้อความบอก ฉันจะต้องเผชิญหน้ากับราชาลาวาหลังจากสู้กับเจ้ายักษ์นี่ เนื่องจากว่าฉันก็ไม่สามารถจะใช้เทพแห่งท้องฟ้าพิโรธได้ ทางเลือกเดียวที่เหลืออยู่คือ….
“เอาล่ะ มาลองดูกัน”
ฉันได้เปิดใช้งานรอยสักราชินีซัคคิวบัส มานาของฉันได้เพิ่มเป็นสองเท่าในทันที ถ้าหากว่านี้มันยังคงไม่พอ ฉันก็จะดูดมานามาจากบอลคริสตัลที่ลิโคไรท์ได้ให้มา แต่ถ้าเป็นไปได้ฉันก็อยากจะเก็บมันเอาไว้ใช้กับราชาลาวา ฉันต้องการที่จะจบการต่อสู้นี้ด้วยการใช้มานาเพียงแค่สองเท่า
[ข้ารู้แล้วว่ามีพลังที่ลึกลับมากมายอยู่ในร่างเล็กๆนี้ แต่ว่าเจ้าก็ยังคงอ่อนแอ]
“แกก็รู้เพียงแต่พูดด้วยร่างใหญ่ๆนั้นแหละน่า”
ลาวาเริ่มไหลออกมาตามหอกของมัน ลาวาได้หยดลงไปทั่วทุกๆทิศทำให้เกิดประกายไฟที่หนาแน่นพุ่งเข้ามาทางฉันราวกับว่าจะเจาะฉันตรงๆ ฉันได้บ่นออกมาและหลบการโจมตีนี้ด้วยการพึงพาล็อทเต้ จากนั้นฉันก็โยนหอกโกลาหลออกไปชั่วคราวด้วยฮีโรอิค สไตรค์
“ตายซะ”
[อ๊าซซซซซซซซซซซ]
เมื่อหอกได้ทะลุช่วงล่างของท้องมัน หอกโกลาหลก็ได้ลอยกลับมือของฉันพร้อมๆกับลาวาที่เกาะติดอยู่ทั่วไปหมด ในตอนนั้นยักษ์นั่นกได้ปิดทองของมันทำให้ตัวมันหดลงมาอีกหลายเมตรร ฉันได้เริ่มเห็นวิธีที่จะเอาชนะมันแล้ว
“อีกไม่นานแกก็จะสูงเท่าฉันแล้วนะ ฮ่าๆ”
[เจ้าาาาา ลาวาหายนะ]
เวร ฉันยั่วโมโหมันมากเกินไป มันดูเหมือนจะโมโหฉันมาก มันได้ฟาดหอกลงกับพื้นพร้อมกับเสียงร้องที่ดังสนั่น ล็อทเต้ได้พุ่งขึ้นไปอย่างรวดเร็ว
[บอกให้ทุกคนหนีเร็ว กาอยู่บนพื้นเป็นสิ่งที่อันตราย]
[ให้ตายสิ ทุกคน หลบเร็ว อย่าอยู่บนพื้น]
ไม่นานหลังจากนั้นบริเวณรอบๆภูเขาไฟก็ได้พลิกกลับดาน ลาวาสีแดงฉานได้พุ่งขึ้นมาจากทุกๆที่ พลังของราวานี้แข็งแกร่งมากจนทำให้จอมทำลายระดับ SSS+ จำนวนมากละลายไป
เสียงกรีดร้องได้ดังออกมาจากทุกทิศทาง ไม่นะ มันเกิดอุบัติเหตุขึ้นหรอ ฉันอยากที่จะมองไปรอบๆ แต่ว่าเจ้ายักษ์นั่นดูจะไม่ยอมเปิดโอกาสให้ฉันทำแบบนั้น
[เป้าหมายหลักของเจ้านั่นคือเรา ฮีโร่เตรียมตัวไว้]
[เจ้ามนุษย์ที่ยโส เจ้าจะต้องชดใช้กับบาปของเจ้า]
ลาวาทรงกรวยได้พวยพุ่งขึ้นมาจากข้างใต้ของเรา ฉันได้ตะโกนทันที
“ล็อทเต้เปลื่ยนร่างเร็วเข้า”
[เข้าใจแล้ว]
ล็อทเต้ได้กลับไปอยู่ในร่างมนุษย์ในทันที จากนั้นฉันก็ได้จับเธอเอาไว้และพุ่งตัวออกไปด้วยพลังของชาราน่า แม้ว่าฉันจะบินขึ้นไปหลายร้อยเมตรในทันที แต่ว่าราวาก็ยังคงพุ่งไล่ตามหลังฉันมา ราวกับว่าแค่นั้นมันยังไม่พอ แม้แต่หอกของยักษ์นั้นก็ยังพุ่งมาจากด้านข้าง ฉันได้ใช้ความเร็วศักดิ์สิทธิ์และพุ่งให้เร็วขึ้นอีก จากนั้นฉันก็หนีลาวาพ้นอย่างเฉียดฉิว
[เจ้าเร็วเหมือนหนูเลยนะ]
เจ้ายักษ์แก่นแท้แห่งราชาได้กัดฟันหรอดและแทงหอกผ่านอากาศเพื่อระบายความโกรธ ในเวลาเดียวกันฉันได้รีบยืนยันความปลอดภัยของพรรคพวก
[ทุกคนปลอดภัยไหม]
[มีสองคนที่หลบไม่ทัน แต่ว่าพวกเธอยังรอดอยู่ ด้วยอิลิกเซอร์พวกเธอจะไม่เป็นไร แต่ว่าซัคคิวบิบางส่วน….]
“กรี๊ดดดดด”
ในขณะที่ฮวาหยากำลังรายงานสถานการณ์กับฉันก็ได้มีเสียงร้องออกมา ไม่ไกลจากตรงนั้นมีมานาจำนวนมากที่กำลังบ้าคลั่ง มันไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นลิโคไรท์
“ฉันจะฆ่ามัน”
“ลิโคไรท์”
“สามีที่รัก ฉันจะต้องฆ่ามัน”
ฉันไม่สามารถจะหยุดเธอได้ ฉันไม่สามารถจะขอให้เธอให้ความสำคัญกับการฆ่าจอมทำลายได้ในสถานการณ์แบบนี้ ไม่ต้องพูดถึงในตอนที่แก่นแท้แห่งลาวาได้โจมตีทำร้ายพวกเราอย่างมาก มันทำให้เกิดอันตรายยิ่งกว่ากองทัพลาวาซะอีก แม้ว่าลิโคไรท์จะมาร่วมกับฉันมันก็ไม่มีปัญหา
“เอาเถอะ มาเลย”
แม้กระทั่งก่อนที่ฉันจะได้พูด ลิโคไรท์ก็ได้วาดวงเวทย์ขนาดใหญ่ขึ้นมาอย่างต่อเนื่องแล้ว เธอได้จ้องมองไปอย่างดุดันซึ่งให้มีกลิ่นดอกไม้แปลกๆรั่วไหลออกมาจากร่างของเธอิ ฉันรู้ได้ทันทีว่านั่นเป็นกลิ่นเลือด
“โอ้ ความไม่พอใจแห่งมวลดอกไม้หอก การตีค่าแห่งกุหลาบ ได้โปรดทำให้ตามืดบอดจากความสวยงามและอยู่ในคุกความฝันไปตลอดกาล ฝันร้ายอันแสนหวาน”
มานาของลิโคไรท์ได้ออกมาจนถึงจุดที่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าและมานั้นได้ไปปกคลุมร่างของยักษ์นั่น ร่างกายของมันได้หดลงอย่างต่อเนื่องทันที มันในตอนนี้มีขนาดสูงเพียง 20 เมตร มันเป็นจำนวนครึ่งหนึ่งจากก่อนหน้านี้มันเป็นการเปลื่ยนแปลงที่ไม่น่าเชื่อ
[ก๊าซซซซซซซ ราชินีซัคคิวบัส เจ้าเศษเดนที่กล้าจะมาเกลี้ยกล่อมข้า ก๊าซซซซซซซ]
ฝันร้ายอันแสนหวานเป็นทักษะที่ฉันได้รับมาจากการจัดการราชินีซัคคิวบัสในครั้งแรก หากใช้มันกับศัตรูที่มีค่าเสน่ห์ต่ำกว่าผู้ใช้มันจะขโมยพลังชีวิตของศัตรูและทำให้ศัตรูอยู่ในสถานะ ‘ตกหลุมเสน่ห์’ ร่างกายของยักษ์นั่นใหญ่โตและมีตัวตนในระดับที่สูง ฉันคิดว่าเสน่ห์ของมันจะมากกว่าฉันและฉันไม่กล้าที่จะพนัน แต่ว่าลิโคไรท์ได้ใช้ทักษะนี้ออกมาโดยไม่ลังเลเลยและเธอทำมันสำเร็จ
เธอเป็นราชีนีซัคคิวบัสที่จะมีเสน่ห์เพิ่มเป็นสองเท่าเมื่อใช้กับเพศตรงข้าม แต่ว่าเมื่อคิดว่าผลมันออกมาแบบนี้ แม้แต่ฉันก็ยังไม่สามารถยอมรับมันได้อย่างสนิทใจ แต่ไม่นานเธอก็ไขข้อสงสัยให้แกฉัน
[อึก เจ้าซัคคิวบัสนี่….]
“ตระกูลของฉันเป็น ‘โลหิตพยาบาท’ นะ สามีที่รักโจมตีมันเลย ตอนนี้ตราประทับกำลังตรึงมันไว้”
“เข้าใจแล้ว ล็อทเต้ไปกันเลย”
[เข้าใจแล้ว]
โลหิตพยาบาท มันดูเหมือนจะเป็นพลังพิเศษประจำตระกูลของเธอที่จะเพิ่มพลังให้เมื่อมีคนในตระกูลตายไป ในตอนนี้ถ้าหากฉันฆ่าตระกูลของเธอในตอนที่เจอกันตอนแรก….. เพียงแค่คิดสิ่งที่จะเกิดขึ้นมันก็ทำให้ฉันหวาดกลัว ข้อความเตือนของพี่สาวข้อความมีเหตุผลอย่างแน่นอน
ฉันได้กลืนน้ำลายลงไปและพุ่งเข้าไปหาแก่นแท้แห่งลาวาพร้อมกับล็อทเต้ที่กลับมาอยู่ในร่างไวเวิร์น ต้องขอบคุณทักษะลับของลิโคไรท์ทำให้มันไม่สามารถจะต่อต้านได้
[อ๊ากกกกก เจ้ามนุษย์แล้วก็ซัคคิวบัสจะไม่มีวันทำให้ข้าล้มได้หรอก หอกลาวา]
“สามีที่รักไปต่อเลย”
ลิโคไรท์ได้ตะโกนออกมาและโยนวงเวทย์อีกอันมา ฉันสามารถจะรู้สึกได้เลยว่าเธอได้ใส่พลังของเธอทั้งหมดใส่วงเวทย์นี้ วงเวทย์ขนาดยักษ์ของเธอได้กระพิบและพุ่งผ่านอากาศลบในทุกๆสิ่งที่มันพุ่งผ่าน
ยังไงก็ตามในตอนที่วงเวทย์ผ่านฉันไป ฉันรู้สึกได้ถึงพลังที่พุ่งพล่าน หอกยักษ์ลาวาที่พุ่งมาทางฉันมันไม่ได้ดูน่ากลัวซักนิด
“เยี่ยม…ฉันจะโจมตีด้วยมานาทั้งหมดที่เหลืออยู่แล้ว”
[ฮีโร่ ข้าจะเร่งความเร็วจนถึงขีดสุดล่ะนะ]
ล็อทเต้ได้คำรามออกมาและกระพือปีกอย่างรุนแรง หอกที่ทำมาจากลาวาเดือดได้พุ่งลงมาหาเรา ยังไงก็ตามก่อนที่เราจะถูกลาวากลืนลงไปวงเวทย์ของลิโคไรท์ก็ได้ทำลายมันออกไปก่อน แม้ว่ามันจะลบหอกไปไม่ได้ แต่ว่าลาวาก็ถูกวงเวทย์ป้องกันเอาไว้ทำให้มันพุ่งมาต่อไม่ได้ แม้ว่าจะมีรอยแตกปรากฏบนวงเวทย์บ้างแล้ว แต่ว่ามันก็ซื้อเวลาให้ฉันมากพอแล้ว
“สังเวย ฉันจะจบมันเดี่ยวนี้แหละ”
[ข้าคืออัศวินที่ไม่มีวันถูกทำลายแก่นแท้แห่งลาวา ผู้ที่ข้าจะก้มหัวให้มีเพียงแค่ราชา….]
ก่อนที่มันจะได้พูดจบหอกโกลาหลก็ได้พุ่งเหมือนกับกระสุนเข้าไปในอกของมัน ไพก้าและชาราน่าทั้งคู่ก็ยังตะโกนออกมาพร้อมกับปลดปล่อยพลังธาตุออกมาจนถึงขีดสุดและฉันก็ยังใส่มานาทั้งหมดลงไปในการโจมตีนี้ ในเวลาเดียวกันฉันก็ผลักดันวิญญาณสมบูรณ์ไปจนถึงขีดสุด
“ก็แค่ตายไปซะไอเวร”
[ก๊าซซซซซซซซซ]
“ฉันจะจัดการใส่เลือดพยาบาทของเราลงไป”
[เจ้าเศษสวะเจ้ากล้า….ก๊าซซซซซซซซซซ]
ลิโคไรท์ได้บีบอัดมานาจนหยดสุดท้ายยิงเข้าไปในปากของัมัน ในตอนที่มันได้ผงะไปฉันก็ได้ระเบิดมานาสองเท่าของฉันที่อยู่ปลายหอก ในตอนนี้มันถึงเวลาปิดฉากมันแล้ว
[ก๊าซซซซซซซ]
เสียงร้องของมันทำให้พื้นถึงกับแยกออก เพียงแค่มานาที่อยู่เบื้องหลังเสียงร้องนี้ก็มากพอที่จะทำความเสียหายอย่างมากให้กับทุกคนในสนามรบแล้ว มันทำให้ฉันต้องสั่นอย่างแท้จริง
ยังไงก็ตามนั่นเป็นเพียงเสียงก่อนตาย ฉันสามารถจะรู้สึกได้เลวว่ามันกำลังจัดหมดชีวิตลงแล้ว ในตอนนั้นฉันก็รู้สึกได้ว่าพลังชีวิตมันมาถึงขีดสุดแล้วพังทลายลงมา
[เจ้า….ราชาจะลงโทษเจ้า พวกเจ้าทั้งหมดจะไม่มีใครรอด]
แม้ว่าหลังจากที่มันจะตายแล้วมันก็ยังแช่งพวกเรา มันได้ใช้พลังชีวิตที่ใกล้หมดร่ายเวทย์คำสาปแห่งความตายใส้ฉัน
“เจ้าขี้ขลาด ฉันจะยอมงั้นหรอ”
อย่าได้ดูดถูกพลังของทักษะวิญญาณสัมบูรณ์ ฉันได้กระโดดขึ้นไปบนมันจากหลังของล็อทเต้และวิ่งเข้าไปหาบอลมานาที่มันคายออกมา ก่อนที่ดวงตาของมันจะปิดลงไป ฉันสามารถจะเห็นรอยยิ้มสุดท้ายของมันได้ สิ่งที่มันเพิ่งทำก็คือการบังคับให้ฉันย้ายที่ไป
ในเวลาเดียวกันหลังจากที่แก่นแท้แห่งลาวาตายไปคำสาปนั้นก็ได้ตรงเข้ามาหาฉัน จากนั้นข้อความสั่นๆก็ดังขึ้น
[พลังของวิญญาณสัมบูรณ์ได้ยกเลิกคำสาปอย่างสิ้นเชิง]
“ฟู่…..”
ฉันได้ถอนหายใจออกมาที่มันเล็งแค่ฉัน แม้ว่าฉันจะไม่เป็นไร แต่หากคนอื่นๆโดนคำสาปนี้เข้าต่อเจอกับชะตากรรมที่สยดสยอง เจ้าอัศวินนี่มันไร้เกียรติจริงๆ
“สามีที่รัก ไม่นะ คุณไม่สามารถจะรับมือกับคำสาปเพียงลำพังได้…เอ๊ะ”
ลิโคไรท์ได้บินเข้ามาหาฉันอย่างเร่งรีบ หลังจากที่เห็นว่าฉันไม่ได้เป็นอะไรเลย ความสับสนได้ปรากฏขึ้นบนหน้าของเธอ ในตอนที่ฉันยิ้มขึ้นเงียบๆเธอก็ถามออกมาอย่างสับสน
“คุณไม่เป็นอะไรหลังจากที่รับเจ้านั่นไปได้ยังไงกัน นั่นมันเป็นคำสาปที่มาจากแก่นแท้ของชีวิตที่ถูกบีบอัดเอาไว้เลยนะ….”
“มันเป็นพลังของวิญญาณสัมบูรณ์นะ อะไรกัน เธอไม่ดีใจหรอ”
“แน่นอนฉันมีความสุข… ฮิค ฉันมีความสุขสามีที่รัก”
ลิโคไรท์ได้ร้องออกมา ในตอนนี้แก่นแท้แห่งลาวาได้ตายไปแล้วในที่สุดเธอก็สามารถจะแสดงความเศร้าจากความตายของซัคคิวบิออกมาได้ ฉันได้ยิ้มออกมาอย่างขมขื่นในขณะที่กอดเธอเอาไว้เพื่อปลอบโยนเธอ
“ขอโทษนะลิโคไรท์ เป็นเพราะฉัน….”
“ไม่ สามีที่รัก ฉันไม่เคยคิดว่ามันจะเป็นไปได้อยู่แล้วที่จะปกป้องโลกของสามีที่รักโดยที่ไม่เสียใครไป….ฮิค”
ผู้หญิงคนอื่นๆก็ไม่มีปัญหาอะไรกับสิ่งที่ฉันทำอยู่ ฉันได้ปลอบลิโคไรท์ที่กำลังร้องอยู่อย่างเงียบๆ จากนั้นจู่ๆฉันก็รู้สึกว่างเปล่า เดี่ยวนะ….
“ละ ล็อทเต้!?”
แก่นแท้ลาวาที่ไร้ชีวิตยังครวมกันอยู่โดยไม่มีอะไรแต่ว่ามานาที่ไม่สิ้นสุดได้ไหลลงไปที่ล็อทเต้ ฉันได้รีบเรียกเธอไว้ แต่ว่าเธอยังคงเผชิญหน้ากับลาวานั่นโดยที่ไม่หลบมัน
“ล็อทเต้”
ฉันไม่สามารถจะเสียเธอไปแบบนี้ได้ ในตอนที่ฉันกำลังจะใช้ชาโดว บิ้งเพื่อไปช่วยเธอเอาไว้ เสียงที่สดชื่นก็ดังขึ้นในหูของฉัน
[ยินดีด้วย หลังจากที่ได้พบกับเงื่อนไขที่หาได้ยากมากทำให้ปีกทมิฬล็อทเต้ได้วิวัฒนาการสู่สายพันธุ์ที่สูงขึ้น]