Infinite Competitive Dungeon Society – ตอนที่ 272

ตอนที่ 272

บทที่ 272 – คาฮาร์ (6)

หลังจากพวกเราได้จัดการกองกําลังทั้งหมดที่พุ่งขึ้นมาจากปราสาทแล้วพวกเขาก็ได้เพิ่มระดับความสูงและหลบเขาเมฆไป พวกศัตรูก็ไม่ได้พยายามจะไล่ตามเรามาแต่ฉันก็รู้สึกได้ถึงพลังงานจํานวนมหาศาลที่รวมกันอยู่บนพื้นดิน นี้มันใช่เครื่องมือเวทย์ที่เอลลอสพูดถึงงั้นสินะ

“เมื่อก่อนมีอาณาจักรหนึ่งที่เลี้ยงดูกริฟฟินและจัดตั้งกลุ่มอัศวินที่ถูกเรียกว่าภาคีอัศวินกริฟฟินอยู่ในตอนที่ผู้บุกรุกโจมตีพวกเขาเป็นกลุ่มแรกที่ทําการบุกจู่โจมคืนด้วยความเร็วของกริฟฟิน พวกเขาได้ต้อนผู้บุกรุกจนจนมุม แต่ว่าในท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็หนีไม่พ้นชะตากรรมต้องล่มสลาย”

“เพราะอาวุธนั่นหรอ?”

“ใช่แล้ว ในตอนแรกพวกผู้บุกรุกพยายามจะใช้เครื่องมือเวทย์เพื่อบินมากกว่าที่จะใช้เครื่องมือเวทย์ที่กินพลังมากแบบนี้”

เอลลอสได้หยักไหล่ออกมา นั่นจะต้องมหายความว่าเครื่องมือเวทย์ในการบินไม่สามารถจะใช้ได้เพราะเหตุผลบางอย่าง เพื่อที่จะตรวจสอบฉันได้กระจายมานาของตัวเองออกไป แต่ว่าเนื่องจากที่นี่มีมานาโดยธรรมชาติอยู่เต็มไปไหลทําให้มานาของฉันมันยากที่จะกระจายออกไป

“มีมานาในชั้นบรรยากาศมากเกินไป นี้มันเป็นอุปสรรคในการปล่อยมานา”

“โลกของนายไม่ได้เป็นแบบนี้หรอ”

“โลกของฉันไม่ได้เป็นแบบนี้สักนิด พวกเราไม่มีมานาเลยสักนิดจนกระทั่งไม่กี่ปีก่อนและมันก็ยังน้อยมากเมื่อเทียบกับที่นี่”

ชั้นบรรยายของโลกได้เริ่มที่จะมีมานาขึ้นมาบ้างแล้วจากเหตุการณ์ดันเจี้ยนและศพของมอนสเตอร์แต่ว่าหากนํามาเทียบกับดันเจี้ยนหรือโลกอื่นแล้วล่ะก็มันจะน้อยเอามากๆ

ยังไงก็ตามถึงแม้จะเป็นแบบนั้นแต่มานาในทวีปอีเดียวก็แปลกมาก มานาที่อยู่บนพื้นไม่ใช่แค่หนาแน่นทํานั้นแต่มันก็ยังเต็มท้องฟ้าด้วย นี้มันไม่ใช่แค่ความอุดมสมบรณ์แล้วแต่อาจจะเป็นไปได้ว่ามีใครสักคนจงใจให้มันเป็นแบบนี้ ถ้าหากว่ามีใครสักคนพยายามจะปล่อยมานาที่นี่ เขาก็จะรู้สึกลําบากเพราะถูกมานาในบรรยากาศนี้ปิดกั้นมานาเอาไว้ นี่คงเป็นเหตุผลที่ทําให้ผู้บุกรุกใช้เครื่องมือในการบินไม่ได้สินะ

ฉันสามารถจะรู้ได้เลยว่าทําไมพลังที่พวกเขารวมอยู่บนพื้นถึงได้เยอะมากแบบนั้น พลังงานจํานวนนั้นส่วนใหญ่เมื่อถูกยิงออกมาแล้วจะอ่อนแอลงมาเพื่อผ่านชั้นบรรยากาศที่เต็มไปด้วยมานานี้ พวกนั้นมีพลังงานเหลือมาพอที่จะเอามาทําแบบนี้เลยงั้นสินะ

แต่สิ่งที่แปลกที่สุดก็คือฉันพึ่งจะมารู้ในตอนที่ฉันพยายามจะส่งมานาออกไปรอบๆ ตามปกติแล้วด้วยความที่มานาหนาแน่นขนาดนี้ฉันก็คววรจะรู้ก่อนแล้วสิ

หลังจากคิดสักพักฉันก็ได้ข้อสรุป ฉันคุ้นชินกับความหนาแน่นของมานาที่สูงนี้เกินไป แค่หลังจากได้ยินว่าผู้บุกรุกได้มีปัญหากับการใช้เครื่อมือเวทย์และการตรวจมานารอบๆฉันก็ตระหนักได้ว่ามันสามารถรบกวนคนอื่นๆได้ แต่ทําไมล่ะ ทําไมฉันถึงได้คุ้นเคยกับมานานี้ ทําไมมันถึงรบกวนคนอื่นๆ แต่ว่าไม่ได้รบกวนฉัน

“สามีที่รัก”

ในตอนที่ฉันตกไปอยู่ในความคิดลิโคไรท์ก็ได้สั่นไหล่ฉันอย่างรุนแรง ฉันได้ตั้งสมาธิไปกับความคิดจนมากเกินไปจนไม่ได้รู้ตัวเลยว่าพลังงานที่อยู่บนพื้นพร้อมจะระเบิดออกมาแล้ว

ด้วยพลังงานขนาดนี้ต่อให้เราบินสูงขึ้นไปอีกมันก็เปล่าประโยชน์แล้ว นี้มันไม่ใช่ปัญหาที่จะแก้ได้ด้วยแค่การบินขึ้นสูงขึ้นอีก

“มันค่อนข้างน่าประทับใจเลยนะ ล็อทเต้เธอหลบมันได้ไหม?”

[ฉันทําได้ แต่ว่าอีกตัวไม่แน่]

อ่า จริงด้วยมีไวเวิร์นอีกตัวมากับเราด้วยสินะ ถ้าแบบนี้ฉันก็ปล่อยไวเวิร์นตัวนั้นและย้ายเอลลอส… ไม่สิ ฉันสัญญากับล็อทเต้ไปแล้วว่าจะไม่ให้ผู้ชายคนอื่นมาขี่เธอแล้ว ฉันจะกลับคําสัญญาของตัวเองไม่ได้

“ถ้างั้นฉันจะจัดการมันตรงๆเอง ลิโคไรท์เธอมาช่วยฉันหน่อย”

หากฉันอยู่บนพื้น ฉันก็ยังไม่มั่นใจเลยที่จะเผชิญหน้ากับมานาจํานวนขนาดนี้ แต่ยังไงก็ตามในตอนนี้มันต่างออกไป ฉันมั่นใจได้เลยว่ามานาในชั้นบรรยากาศนี้มันไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อฉันและขีปนาวุธนั่นก็จะต้องเสียพลังไปอย่างมากแน่ๆก่อนที่จะมาถึงตัวฉัน

“ฉันรักเลยล่ะ มันยากนิดหน่อยที่จะใช้เวทย์ที่นี่ แต่ถ้าฉันตั้งใจหากเป็นที่นี่พลังก็อาจจะมากกว่าปกติอีก ไว้ใจฉันได้เลยสามีที่รัก”

ลิโคไรท์ได้ตอบกลับมาอย่างมั่นใจและขยิบตาให้กับฉัน เธอได้ยื่นมือของเธอออกไปและเริ่มพึมพัมในคําที่ฉันไม่สามารถจะเข้าใจได้ออกมา ฉันก็ยังลุกขึ้นและดึงเอาหอกของฉันออกมา ในตอนนี้พลังงานที่ถูกรวมเอาไว้ได้ถูกยิงมาแล้ว ฉันได้เริ่มที่จะรวมพลังของตัวเองเอาไว้ แต่เพราะการที่ฉันจะหอกขึ้นมาแบบนี้ทําให้เอลลอสมองมาทางฉันอย่างสงสัย

“คุณจะโจมตีแล้วก็ไม่ป้องกันหรอ?”

“การป้องกันมันจะมีหลังจากที่โจมตีพลาดเท่านั้น”

“ฉันคิดว่านายน่าจะพูดถูกนะ”

ฉันได้ยิ้มให้กับความเห็นของเอลลอส และตั้งท่าขึ้น

เมื่อไม่กี่วันก่อนฉันได้จัดการยิงฮีโรอิคสไตร์ออกไปเหมือนกระสุนปืนได้ และในตอนนี้ฉันก็ยังจําความรู้สึกนั้นได้

มันเป็นเทคนิคที่สร้างขึ้นมาได้ด้วยการรวมเทคนิคหอกของครอบครัวและมานาด้วยกัน สิ่งหนึ่งที่จําเป็นต้องใช้เลยคือวงจรเพรูต้า นี้มันเป็นเพราะว่าวงจรเพรูต้าจะจับพลังงานที่ปล่อยออกมาจากเทคนิคนี้และทั้งมันเอาไว้ในพลังการหมุนวนที่ทรงประสิทธิภาพ ในตอนที่พลังงานไปถึงจุดหนึ่งพลังนั้นจะถูกยิงออกไปและเกิดการระเบิดขึ้น

เพราะแบบนี้ทําให้ฉันได้ถือหอกขึ้นมาเหมือนกับถือปืน นี้เป็นเพราะว่าฉันไม่จําเป็นจะต้องมาใช้มานาป้องกันตัวอีกด้วย ในตอนนี้ฉันสามารถจะตั้งสมาธิไปที่การรวมพลังจุดๆหนึ่งโดยไม่ต้องแบ่งไปป้องกันตัว

“ไพก้า ฉันจะยิ่งแค่พลังออกไปนะ”

[หุหุ ฉันชอบแบบนั้น]

หลังจากไพก้าได้เข้ามาในหอกแล้วฉันก็ได้เพิ่มพลังสายฟ้าลงไป เมื่อได้รับการเสริมจากพลังริยูทําให้สายฟ้าสีทองได้ไหลผ่านหอกเหมือนกับน้ำและรวมกันที่ปลายหอก วงจรเพรูต้าก็ยังได้รวมพลังสายฟ้าเข้าด้วยกันและสร้างวังวนขนาดเล็กๆขึ้น ลูกบอลวังวนที่ถูกรวมกันนี้ทําให้ฉันต้องยิ้มออกมา มันจะไม่ตรงแน่ถ้าหากว่ามันระเบิดตรงนี้

แม้แต่ฉันก็ยังไม่รู้ว่ามันจะใช้เวลาเท่าไหร่ก็ที่จะถึงจุดนั้น ทั้งหมดที่ฉันรู้ก็คือเวลาจะเป็นตัวพิสูจน์เอง

“สําหรับตอนนี้ฉันจะต้องทําในสิ่งที่ทําได้”

“สามีที่รักนั่น”

ลิโคไรท์ได้ตะโกนออกมา ตอนนี้ผู้บุกรุกได้ยิงพลังที่รวมกันเอาไว้มาแล้ว

หลังจากที่ลิโคไรท์ตะโกนมาแล้ววงแหวนเวทย์ขนาดยักษ์ได้ปรากฏตัวขึ้นทันที วงแหวนนี้ได้ทอดยาวจากเมฆลงไปยันพื้นดิน ทําให้ฉันรู้ได้ในทันที

“นี้มัน..เวทย์ช่วยส่งเสริมการพุ่ง?”

“เร็วเข้า”

ฉันไม่มีเวลาให้ลังเลแล้ว ฉันได้ยิงฮีโรอิคสไตร์ออกไปตรงกลางของวงเวทย์นั้น บอลพลังวังวนได้พุ่งออกไปจากปลายหอกอย่างรวดเร็วและเร่งความเร็วขึ้นราวกับติดจรวด ฉันไม่รู้ในสิ่งที่ลิโคไรท์ทําแต่ว่าเธอกําลังใช้มานาในชั้นบรรยากาศและเสริมพลังการโจมตีของฉัน

“เธอทําให้มานาของเธอ..! ไม่ใช่ว่าเธอเป็นซัคคิวบัสหรอ!?”

“เธอเป็นซัคคิวบัสที่พิเศษ”

ไม่ใช่ว่าฉันบอกนายไปแล้วว่าเธอเป็นราชินีซัคคิวบัสงั้นหรอ ฉันได้ยิ้มแห้งๆให้เอลลอสที่ตกใจอยู่และมองตามพลังที่ฉันปล่อยออกไป ฮิโรอิคสไตร์ได้พุ่งไปเหมือนกับกระสุนปืนใหญ่ด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในทางกลับกันพลังงานขนาดยักษ์นั่นก็ลอยขึ้นมาจากพื้นและเสียพลังทําลายและความเร็วลงไปเรื่อยๆเช่นกัน

ฉันได้แต่สงสัยว่ามันเป็นไปได้ยังไง จากนั้นเองฉันก็รู้ได้จากคําตอบของเอลลอส ลิโคไรท์ได้เปลี่ยนมานาในชั้นบรรกาศแปลกๆนี้ให้มาเป็นของเธอ เพราะแบบนี้เธอจึงสามารถจะเสริมพลังของฉันและลดพลังของศัตรูได้ นี้มันยอดเยี่ยมมาก

ด้วยผลที่ไม่คาดคิดนี้ทําให้แม้แต่ลิโคไรท์ที่ใช้เวทย์นี้ขึ้นมาก็ยังเปิดตากว้าง

” พลังของสามีที่รักถูกเสริมพลังได้ดีเกินไปแล้ว! นี้มันเกิดอะไรขึ้น?”

“นั่นมันเป็นเพราะว่ารูปแบบวังวนเป็นการดูดพลังได้เป็นอย่างดีงั้นหรอ?”

“นั่นมันเยี่ยมไปเลย เพราะความเร็วแบบนี้มันก็ใกล้จะปะทะกัน… ดูสิ”

พลังงานทั้งสองอันได้เข้าปะทะกันในทันทีและเกิดการระเบิดครั้งใหญ่ขึ้นมาก ตามที่ลิโคไรท์พูดดออกมาการระเบิดนี้มันได้ระเบิดขึ้นใกล้กับพื้นมากๆ มันไม่ได้หยุดแค่การระเบิดเท่านั้น มานาที่อยู่รอบๆตามอากาศได้เริ่มระเบิดขึ้นตามกันมาเหมือนกับการลุกไหม้ของไฟป่า นี้มันอะไรกัน!?

ระเบิดลูกโซ่นี้ก็ยังไปถึงปราสาทของผู้บุกรุกอีกด้วย แม้ว่าฉันจะมองไม่ชัดแต่ฉันก็ยังได้ยินเสียงระเบิดและเสียงร้องของผู้บุกรุกได้ กําแพงปราสาทได้พังลงมาและผู้บุกรุกรวมไปถึงสิ่งก่อสร้างได้ถูกทําลายลง ปัญหาอย่างเดียวเลยก็คือ…

“มันไม่ใช่ว่าการระเบิดมันยังไม่หยุดลงเลยหรอ?”

” มันอาจจะมาถึงเราด้วย”

ในขณะที่ฉันกับเอลลอสและฉันมองกันและกัน ลิโคไรท์ก็ได้ตะโกนออกมาอย่างสยดสยอง

“นกโง่ บินเร็ว!”

[นี่เป็นความผิดของเธอค้างคาวเจ้าไวเวิร์นตรงนั้น ตามฉันมาให้ทันด้วยมิฉะนั้นเจ้าได้ตายแน่!]

[ก๊าซซซซซซซซ]

ไวเวิร์นได้กรีดร้องออกมาและทําตามคําสั่งของล็อทเต้ ล็อทเต้และไวเวิร์นได้กระพือปีกขึ้นอย่างเร่งรีบและหลบหนีมาจากระเบิดลูกโซ่นี้ โชคดีที่ว่าเราอยู่ใกล้จากจุดระเบิดนั้น

เมื่อทุกๆอย่างสงบลงไปแล้ว ทุกๆคนก็ได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ลิโคไรท์ได้หันหน้ามาทางฉันด้วยสายตาที่เป็นประกาย

“สามีที่รักดูเหมือนว่านี่จะเป็นความคิดที่ดีนะ! มาทําแบบนี้กับทุกๆปราสาทที่เราเจอกันดีกว่า!”

[เธออยากจะตายหรอค้างคาว!]

“แต่ว่านั่นมันสนุกมาก…. อะแฮม ฉันหมายความว่านี้มันหมายความว่ามันเป็นวิธีที่ดีเลยนะที่จะลดกองกําลังของศัตรู! พวกผู้บุกรุกนั้นก็อาจจะถึงต้องส่งคนที่ไปหาฮีโร่กลับมาก็ได้”

ฉันได้เขกหัวลิโคไรท์เบาๆ

“ฉันได้ยินว่าเธอบอกว่ามันสนุกนะ ระเบิดนั่นมันอันตรายมาก”

“ฮึ่ม ก็พวกนั้นเป็นคนใช้ระเบิดก่อนเองนี่ เราก็แค่เอาคืน”

“ฉันก็ชอบมันนะ”

[ฮีโร่!?]

ฉันก็คิดว่ามันสนุกเหมือนกัน

“เอลลอสพวกนั้นสื่อสารกันได้ยังไง?”

” พวกผู้บุกรุกมือเครื่องมือเวทย์ในการสื่อสารแต่ว่าระยะมันไม่ได้ไกลมาก”

” เยี่ยมล่ะ มาลองดูกัน…”

ฉันได้ยิ้มขึ้นและเปิดแผนที่ออกมา ฉันได้ชี้ไปที่ปราสาทที่เราทําลายไปกว่าครึ่งและอาจจะทําลายไปทั้งหมดแล้วด้วยซ้ำ

“นายรู้ไหมว่าระยะสื่อสารมันถึงไหน?”

“ส่งแผนที่มานี่”

เอลลอสได้นั่งไวเวิร์นเข้ามาหาและฉันได้โยนแผนที่ให้เขา ในตอนที่เอลลอสได้เริ่มกะระยะจากปราสาทที่เราทําลายไป จากนั้นล็อทเต้ก็ร้องออกมา

[นะ นี้มันต้องมีอะไรผิดแน่!? ไม่ใช่ว่าพวกเราเพิ่งจะเจอกับการระเบิดที่น่ากลัวมาหรอ!?]

“ล็อทเต้ ถ้าเธอพยายามอย่างหนักพวกเราก็จะลดกําลังของพวกนั้นและเพิ่มความปลอดภัยให้กับเราได้ ในฐานะราชินีเพลิงเธอก็น่าจะทํามันได้ใช่ไหม?”

ด้วยการเอาฉายาของเธอมาท้าทายด้วยเกียรตินี้ทําให้ล็อทเต้ได้แต่ตะโกนออกมาทั้งน้ำตา

[นะ หน้าไม่อายฮีโร่.. แต่ว่าฉันทําได้ มันไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้สําหรับราชินีเพลิง]

“ใช่แล้วล็อทเต้ เธอทํามันได้ ถ้าเธอทําสําเร็จฉันจะขัดเกล็ดและอาบน้ำให้เธอเลย”

[คุต…ะ เตรียมตัวไว้เลยฮีโร่ มาลองทดลองดูกันว่าเจ้าจะทนต่อความเร็วของข้าได้แค่ไหน!]

ล็อทเต้ได้พูดออกมาอย่างมั่นใจ ฉันได้เริ่มคํานวนถึงจํานวนปราสาทที่เราจะไปทําลายได้ด้วยรอยยิ้มที่ซุกซน ในเวลาเดียวกันไวเวิร์นที่ตัวหนึ่งก็ร้องออกมาอย่างน่าสงสาร

[ก๊า… ก๊าาาาาาา]

สามชั่วโฒงหลังตากนั้น เราก็ได้ทําลายปราสาทไปแล้ว 27 แห่ง พวกเขาได้เข้าสู่เขตเทือกเขาเพรูต้าอย่างปลอดภัย

Infinite Competitive Dungeon Society

Infinite Competitive Dungeon Society

Status: Ongoing

เหตุการณ์ดวงจันทร์แฝดคือจุดเริ่มต้นชองการเปลื่ยนแปลงทุกอย่าง

เพราะการปรากฏตัวของมอนสเตอร์และดันเจี้ยนในสังคมยุคใหม่ และผู้ที่ใช้ความสามารถของเขาต่อสู้กับมัน โลกได้กำลังเผชิญหน้ากับประวัติศาสตร์ครั้งใหม่

นี่คือกำเนิดขึ้นของแหล่งพลังงานชนิดใหม่ๆ และอาชีพดั้งเดิมมากมายได้หดหายไป

สามัญสำนึกปกติได้ถูกเปลื่ยนแปลงไปและจินตนาการได้กลายมาเป็นความจริง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท