บทที่ 246 – สิ่งที่เกิดซ้ําสองจะ (6)
“ระวังตัวด้วยซิน ฉันมั่นใจว่านายจะไม่เป็นไรกับการที่มีลิโคไรท์และล็อทเต้อยู่ด้วย แต่ว่าถ้าพวกที่อยู่ในระดับเดียวกับราชาลาวาโผล่ออกมานายจะต้องรอเราเข้าใจนะ”
“เธอเป็นคนจัดทีมให้ฉันอยู่คนเดียวนะ”
“นั่นแหละน่า”
ฉันได้ดีดหน้าผากฮวาหยาในตอนที่เธอเข้ามาหาฉัน เมื่อเห็นเธอถูหน้าผากอย่างเจ็บปวดฉันก็ได้ยิ้มออกมา
“ไม่ต้องห่วงน่า ไว้ใจฉันได้เลย ฉันจะกลับมาพร้อมกับข่าวดีอย่างปลอดภัย”
“…อ่า”
ฮวาหยาเธอแตกต่างไปจากฉัน เธอมีทีมของเธอที่ประกอบด้วยมิเชลและอิเลด้า สมาชิกคนอื่นๆในรีไวเวิร์ลก็อยู่ในทีมที่คล้ายกันแบบนี้ เหตุผลที่ฉันต้องมาอยู่คนเดียว
เพราะว่ามันมีดันเจี้ยนมากเกินไป จะต้องมีสักคนที่จะมาลดจํานวนของดันเจี้ยนลงโดยที่ไม่สนใจแต้มสเตตัสและรางวัล นอกไปจากนี้จํานวนของเหตุการณ์ตันเจี้ยนที่ฉันจะต้องจัดการก็คือ 317 แห่ง หรือก็คือฉันจําเป็นจะต้องเคลียร์เหตุการณ์ดันเจี้ยนวันละ 5 แห่ง ในจํานวนพวกนี้ก็มีดันเจี้ยนระดับ S อยู่ 60 แห่ง
“สามีที่รักไปเถอะ อุอุอุ”
“ลิโคไรท์มันจะดีกว่านะถ้าเธอไม่พยายามจะเล่นตลกอะไรแบบนี้ “
“ฉันรู้ฮวาหยา”
“อู ฉันไม่ไว้ใจเธอเลย…”
ฉันได้กระโดดขึ้นไปบนหลังล็อทเต้พร้อมๆกับพลีนและลิโคไรท์ ในตอนนั้นที่มบางทรมได้ออกกันไปแล้ว มีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่มาหาฉัน แต่แม้อย่างนั้นก็ยังมีนักข่าวมากมายที่แพนกลองมาหาฉัน
[ฮีโร่ข้าก้าวเท้าออกไปก่อนบินได้ไหม]
“ขอโทษนะล็อทเต้ แต่ว่าฉันไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้น”
ล็อทเต้ได้ส่งเสียงที่ออกมาอย่างไม่พอใจจากนั้นก็กระพือปีกพัดฝูงชนออกไป ต่อมาเธอก็ได้พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า
[พวกเราจะไปไหนฮีโร่]
“เราจะไปบินรอบๆมหาสมุทรแปซิฟิกแล้วก็เคลียร์ดันเจี้ยนแถวตามมหาสมุทร จากนั้นเราก็จะเริ่มไปกวาดล้างส่วนที่เหลือของโอเชียเนียโดยเริ่มจากปาปัวนิวกินี”
“ถ้างั้นสถานที่ๆสามีจะจัดการก็คือห้าทะเลและหกทวีป เราจะสามารถไปทั่วทั้งทวีปและมหาสมุทรได้ในเวลาแค่สองเดือนหรอ”
“จริงๆแล้วพวกเราก็ยังมีมหาสมุทรกับทวีปเหลืออีกนะ”
ฉันได้พูดไปอย่างสงบ
“เรายังจะต้องรับผิดชอบในแอนตาร์กติกและมหาสมุทรแอนตาร์กติกอีกด้วย พวกเธอซื้อชุดกันหนาวมาแล้วใช่ปะ”
“กรี้ดดด สามีที่รักกับฮวาหยากําลังคิดอะไรกันอยู่ นี่มันหนึ่งในสามของดันเจี้ยนบนโลกเลยนะ สามีที่รักต้องรับผิดชอบหนึ่งในสามของดันเจี้ยนบนโลกหรอ คําว่า “เป็นไปไม่ได้ มันเคยมีในหัวของสามีที่รักไหม”
ฉันใต้แต่ลูบหัวปลอบเธอ
“นั่นมันก็ยิ่งแสดงให้เห็นว่าเราอยู่ในสถานะที่ฉุกเฉินมาแค่ใหน ด้วยพลังของพลีนกันฉันเราสามารถจะจัดการดันเจี้ยนที่มีระดับต่ำกว่า SS ได้อย่างรวดเร็วแน่นอน ดังนั้นมันคงไม่ได้ยากนัก เดี๋ยวฉันจะปล่อยให้ทุกคนได้พักสัปดาห์ละครั้งด้วยนะ”
“แต่ว่าสามีที่รักก็จะไปดันเจี้ยนในตอนที่เราพักนี้”
“อึก”
ลิโคไรท์ได้พูดออกมาตรงๆจนทิ่มแทงฉัน เธอได้มอบงมาที่ฉันอย่างไม่พอใจและพูดออกมา
“ฉันรู้ว่าสามีที่รักคิดยังไง สามีที่รักวางแผนที่จะป็นดันเจี้ยนที่หนึ่งในตอนที่เราหลับและจะผ่านบียอนในระหว่างวันที่เราพักกันใช่ไหม”
“อึก”
ทั้งหมดนั่นคือความจริง มันไม่มีอะไรเลยที่ฉันจะโต้แย้งไปได้ เมื่อลิโคไรท์เห็นฉันหมดคําพูด เธอได้ยิ้มเบี้ยวๆออกมา
“ฉันค่อนข้างจะเข้าใจแล้วว่าทําไมสามีที่รักถึงได้แข็งแกร่งตั้งแต่ยังเยาว์วัยแบบนี้ สามีที่รักไม่ได้หยุดในดันเจี้ยนเลยแม้แต่นิดใช่ไหม”
“ใช่แล้ว ฉันไม่สามารถจะหยุดได้แม้ว่าฉันจะรู้ว่าฉันไม่ควรจะเร่งเกิน”
ที่ฉันสามารถจะปืนดันเจี้ยนได้ไปอย่างง่ายดายในตอนนี้มันเป็นเพราะว่าความต่างพลังของฉัน และมาตราฐานตามปกติของดันเจี้ยน ยังไงก็ตามเหตุการณ์แบบนี้มันไม่ได้จะเกิดขึ้นตอลดไป ในที่ สุดแล้วฉันก็จะต้องเจอกับกําแพงดังนั้นในตอนนี้ฉันจําเป็นจะต้องรีบปืนไปในดันเจี้ยนให้มากที่ สุดในขณะที่ฉันยังมีเวลาอยู่
โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉันอาจจะไปถึงกําแพงในสองเดือนนี้
มหาสมุทรแปซิฟิกเป็นมหาสมุทรที่ใหญ่และลึกที่สุดในโลก มีเหตุการณ์ดันเจี้ยนมากกว่า 100 แห่งปรากฏขึ้นมาในมหาสมุทรแปซิฟิก โดยเฉพาะแล้วความยากของมนสูงกว่าเหตุการณ์ดันเจี้ยนที่อยู่บนพื้นดิน มันเป็นการยากที่จะหาดันเจี้ยนที่มีระดับต่ํากว่า B
“มันไม่ใช่ว่ามันมีดันเจี้ยนที่ใต้เยอะไปแล้วหรอ”
เป็นเวลาสี่วันแล้วที่พวกเราได้ออกมาจากเกาหลี ฉันได้บ่นออกมาหลังจากได้เคลียร์ดันเจี้ยนที่อยู่ใต้น้ำและผิวน้ำทั้งหมด 27 แห่ง พลีนที่อยู่ในน้ำข้างๆฉันได้หัวเราะออกมาอย่างมีความสุข
“ฉันรักน้ำ”
“ข้าเกลียดมัน ทั้งปีกและหางของข้าเปียก”
“ฉันเห็นด้วย ฉันเกลียดมหาสมุทร”
ลิโคไรท์และล็อทเต้ได้หุ้มตัวเองด้วยฟองสบู่และลอยอยู่ จากนั้นเธอได้สะบัดมือส่งค้างคาวนับสิบออกไปด้านนอกฟองสบู่และกระจายกันออกไป ค้างคาวพวกนี้กําลังหาดันเจี้ยนแห่งต่อไป
“อ่า มีดันเจี้ยนระดับ S+ อยู่ใกล้ๆ”
“ฉันได้รับแต้มสเตตัสจากมันได้ เร็วเข้าเถอะ”
“ข้าเกลียดน้ำจริงๆเลย ฮีโร่โง่ ”
“สามีที่รักไปคนเดียวก็ได้ไม่ใช่หรอ? ไม่สิ ไม่มีอะไร ไปกันเถอะ พวกเราไม่สามารถปล่อยสามีที่รักไว้ให้อยู่กับเจ้าโง่นี้ได้”
ล็อทเต้และลิโคไรท์ไม่เหมือนกับพลีนที่รักในมหาสมุทรตามที่ฉันได้คิดเอาไว้ จริงๆ และพวกเธอทั้งคู่เกลียดมหาสมุทรมากๆเลยล่ะ ลิโคไรท์ดูจะไม่ชอบน้ำเฉยๆ แต่ว่าลอทเต้เธอเป็นทั้งไวเวิร์น และผู้ใช้พลังไฟ ถ้าหากว่าเธอไม่สามารถแปลงร่างได้เธอก็คงจะไม่ยอมลงมาในน้ำแน่ๆ
“ล็อทเต้มันมีราชาน้ำหรือราชามหาสมุทรไหม”
ฉันได้ถามล็อทเต้อย่างสงสัย ในตอนนี้พวกเรากําลังเน้นไปที่มหาสมุทรมันจึงเป็นธรรมดาที่ฉันจะถามคําถามนี้
หลังจากการการบุกของมอนสเตอร์รอบแรกทะเลส่วนมากในมหาสมุทรแปซิฟิกก็ได้ถูกปิดผลึกไป มอนสเตอร์ทะเลขนาดใหญ่ได้ทําลังภายในมหาสมุทรแปซิฟิกและทําลายเรือทุกๆลําที่จะข้ามผ่านไป ถ้าหากว่าพวกมันสามารถพูดคุยได้คนก็อาจจะพยายามเจรจากับพวกมัน แต่ว่ามันใช่ไม่ได้กับเหล่ามอนสเตอร์
ประเทศที่ต้องพึ่งมาการค้าทางทะเลเป็นพื้นฐานได้รับผลกระทบเป็นอย่างมากและเผ ชิญกับวิกฤตทางเศรษฐกิจ โชคดีที่ว่าการนบุกรุกของมอนสเตอร์ก็ยังทําให้ภูมิประ เทศต่างๆก็เปลี่ยนไปเช่นกันทําให้เกิดพืชพรรณผลไม้ใหม่ แร่ธาตุใหม่ๆและวัสดุจากเหล่ามอนสเตอร์ หากไม่มีสิ่งเหล่านี้คนบนโลกก็อาจจะน้อยกว่าในตอนนี้อีกมาก มันเป็นรูปแบบของการได้และเสียไป
แน่นอนว่าเกาหลีก็เป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักเช่นกัน ประเทศเกาหลีโชคร้ายมากในหลายๆทาง
นอกจากนี้เส้นทางทะเลหลายๆเส้นทางจะถูกกู้คืนมาได้ แต่ว่าก็มีเพียงแค่มหาสมุทรแปซิฟิกเท่านั้นที่ยังถูกปิดกั้นโดยสมบูรณ์อยู่
“อย่าได้คิดว่าท่านจะเชื่อมคําว่า “ราชา” ได้กับทุกๆอย่างที่ต้องการสิฮิโร่”
“อึก”
ล็อทเต้ไต้แย้งออกมาทําให้ฉันรู้สึกผิดเล็กๆ
“ราชาลาวาเป็นมังกรเพลิง มันเป็นที่รู้จักกันในนามของราชาแห่งธาตุที่มีพลังในการควบคุมเพลิงโดยสมบูรณ์ แม้แต่ในโลกของข้าก็มีคนไม่มีที่ทําแบบนี้ได้ มันยังมีมากกว่านี้อีกแต่ว่าข้าก็ไม่รู้เหมือนกันเพราะว่าข้าอยู่ห่างจากที่นั่นมากเกินไป”
“แล้วไม่มีโอกาสที่จะเป็นราชาน้ำเลยหรอ”
“ดื้อด้านอะไรแบบนี้ฮีโร่ มันไม่มีราชาน้ำอะไรทั้งนั้นแหละ”
พูดตามตรงนี้มันเป็นข่าวดีสําหรับฉัน ฉันมาที่มหาสมุทรแปซิฟิกเพื่อที่จะกวาดล้างเหตุการณ์ดันเจี้ยน แต่ว่ามันก็ยังเป็นบุกเป็นพื้นที่เหมือนกับที่ฉันทําให้ฟิลิปปินส์และจังหวัดขอลลาเหมือนกัน
นี้เป็นสิ่งที่ฉันพูดกับแค่ฮวาหยาเท่านั้น ไม่ได้มีใครในรีไวเวิร์ลที่รู้เรื่องนี้ แม้ว่าการทําแบบนั้นมันจะต้องเสียเวลาไปบ้าน แต่ว่าหากฉันไม่ทวงคืนพื้นที่ที่ถูกขโมยไปกลับมา มนุษยชาติก็จะสูญเสียความเหนือกว่าในด้านพื้นที่ไป
ฉันไม่เคยที่จะวางแผนมาทําตัวเป็นอาสาเพื่อประโยชน์ของมนุษย์ แต่ว่าน่าเศร้าที่ว่าหากไม่มีมนุษย์เหลืออยู่ในตอนที่เอาชนะศัตรูของโลกได้ ฉันก็คงจะรู้สึกอายที่ไม่ได้ทําอะไรแน่ๆ
“อี้ เร็วเข้าเถอะ พวกเราจะต้องจบแปซิฟิกในเวลาสองสัปดาห์และไปที่โอเชียเนียต่อ”
“มันเพิ่งจะผ่านมาเพียงสองสัปดาห์นับตั้งแต่ที่เราทวงคืนฟิลิปปินส์มาและมันใช้เวลาถึงนึ่งสัปดาห์เต็ม สามีที่รักต้องการที่จะกวาดล้างมหาสมุทรแปซิฟิกที่มีขนาดใหญ่ขนาดนี้ด้วยเวลา เพียงแค่สองสัปดาห์เองหรอ? สามีที่รักบ้าหรือป่าว?”
“แน่นอนฉันไม่ได้บ้า พวกเรากวาดล้างมามากแล้วนะ มาเถอะ ไปกวาดล้างมันทั้งหมดกันดีกว่า”
เมื่อเราได้เข้าไปในเหตุการณ์ดันเจี้ยนถึงแม้ว่ามันจะอยู่ใต้น้ำก็ตามแต่ว่าดันเจี้ยนนี้แทบจะไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับน้ำเลย ส่วนใหญ่มันเป็นพื้นแข็งๆให้พวกเราเดินและพวกเราเพียงแค่จัดการกวาดล้างมอนสเตอร์ในดันเจี้ยน
ถ้าหากว่ามีสิ่งหนึ่งที่ฉันคิดว่าโชคดีก็คือเสียงร้องของพลีนใช้งานได้ดินในน้ำ
เมื่อเธอได้เริ่มต้นร้องเพลงมอนสเตอร์ที่อยู่ในพื้นที่รอบๆจะกรูเข้ามาหาเราในทันทีและฉันก็เพิ่งแค่จะต้องเปิดตาให้กว้างๆและเปลี่ยนพวกมันให้กลายมาเป็นหิน และ เนื่องจากพลังของไฟ ถ้าไม่สามารถใช้ได้ในใต้น้ำ ชาราน่าและริยูจึงแสดงรูปธรรมออกมาในร่างของมนุษย์และไปทําลายหินรอบๆ ถ้าหากว่าไม่สนใจเหล่ามอนสเตอณ์พวกนี้ฉากนี้มันค่อนข้างจะลึกลับและสวยงาม
เป็นฉากที่มีหญิงสาวงามกําลังร้องเพลงพร้อมกรีดกรายไปทั่ว
[ฉันไม่เคยเห็นการสังหารหมู่ที่สวยงามแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต นี่มันรวมไปถึงในโลกของฉันด้วย]
[ฮีโร่ไม่ใช่ว่าท่านฆ่ามันไปกว่าร้อยล้านตัวด้วยดวงตานั่นแล้วหรอ ?]
ถ้าหากว่าลิโคไรท์กับล็อทเต้ไม่ได้ขัดฉัน ฉันก็คงจะมึนงงไปกับภาพนี้อีกนานเลย มันไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้มองผู้หญิงที่สวยงามอยู่แล้ว
[ร้อยล้านหรอ เดี๋ยวนะ]
ในทุกๆครั้งที่จะต้องพูดฉันจะต้องดึงฟองอากาศมาใช้ในทุกๆครั้ง
[มันน่าจะไปถึงพันร้านแล้วในตอนนี้]
สิบแปดวันหลังจากที่การจัดการเคลียร์แปซิฟิกฉันก็ได้มายืนอยู่หน้าดันเจี้ยนสุดท้ายของที่นี่ แล้วมันเป็นดันจี้ยนระดับ SSS ที่อยู่จุดที่ลึกมากๆจนสามารถจะเลือกได้ว่าจุดที่ลึกที่สุดในมหาสมุทรของโลก
[นี้เป็นที่สุดท้าย น่าแปลกนะที่เราสามารถจะเคลียร์มหาสมุทรใหญ่ขนาดนี้ได้โดยที่ไม่มีปัญหาอะไร]
[มอนสเตอร์ระดับ SSS+ ไม่ได้ทําให้ฮีโร่ต้องไม่สบายใจแม้แต่นิดเลยไม่ใช่หรอ ?]
มอนสเตอร์ขนาดจะปรากฏมามากขึ้นเมื่อเราได้เข้าใกล้ศูนย์กลางของมหาสมุทรแปซิฟิก ในที่สุดฉันก็เข้าใจแล้วว่าทําไมมหาสมุทรแปซิฟิกถึงได้ถูกปิดมาตลอด ยังไงก็ตามเนื่องจากว่าฉันเคยสู้กับมอนสเตอร์ระดับ SS5+ อย่างจอมทําลายในฟิลิปปินส์มาแล้วมอนสเตอร์นี้ก็เพียงแค่ตัวใหญ่ นิดๆและน่ากลัวน้อยกว่าอีก มันไม่ยากเลยที่จะรับมือกับพวกนี้
นอกไปจากนี้ฉันยังโชคดีมากๆที่ได้เจอกับปลาแซลมอนที่มีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ บางตัวก็ยังตั้งท้องอีกด้วย ฉันสงสัยมากๆว่าพวกมันว่ายน้ําได้ยังไงทั้งๆที่มีไขมันมากขนาดนี้
[มันเป็นเรื่องที่ดีมากเลยที่เราจะได้มีของแกล้มไวน์มากขึ้น ฮวาหยาจะต้องมีความสุขแน่ เอาละเราควรจะเข้าไปยัง]
[ดันเจี้ยนก็เรื่องหนึ่ง แต่ว่าก็อาจจะมีมอนสเตอร์ตัวอื่นอยู่ข้างนอกด้วย ระวังไว้ฮีโร่]
[ใช่แล้ว ฉันรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างที่นอกเหนือไปจากดันเจี้ยน มันทําให้ฉันต้องระแวง]
[อืมม ฉันควรจะร้องเพลงไหม]
พวกเราได้ค่อยๆลดระดับลงไปในมหาสมุทรในขณะที่คุยกันไปด้วย ฉันก็รู้สึกได้ถึงออร่าที่ลิโคไรท์พูดถึงด้วย แต่เนื่องจากว่ามันดูจะไม่ได้มีปัญหามากไป ฉันก็แค่ลงไปต่อเรื่อยๆพร้อมเตรียมโจมตีในทุกๆเมื่อ
ทันใดนั้นเองร่างกายของฉันก็หยุดลงราวกับชนกับกําแพง ฉันได้บ่นออกมาอย่างรําคาญ
[ให้ตายสิ]
ฉันได้มองไปที่สอทเต้ที่อยู่ในฟองอากาศของลิโคไรท์และถามออกมา
[ล็อทเต้ ไม่ใช่ว่าเธอบอกว่าไม่มีราชาน้ำหรอ]
[เอาเถอะฮีโร่ เราควรจะหนี]
มันสายไปแล้ว สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ที่อยู่ใต้มหาสมุทรได้คํารามออกมา
[ก้าวาาาาาาาาา เจ้ามาแล้วฮีโร่]
[การจู่โจมที่ยิ่งใหญ่ “ราชาแห่งการจําศีลได้เริ่มขึ้น คุณได้พบกับหนึ่งในศัตรูที่กําลังเพ็งเล็งพลังของโลก พลังของดันเจี้ยนจะไม่สามารถใช้งานกับศัตรูของโลกได้เต็มประสิทธิภาพ ระบบการจู่โจมที่ยิ่งใหญ่มีอยู่เพื่อให้การสนับสนุนเล็กๆน้อยแก่นักสํารวจที่กําลังสู้กับศัตรูของโลก พรของลอร์ดได้ถูกมอบให้กับปาตี้ของคุณทําให้ศัตรูของโลกสามารถจะละเว้นทักษะและเลเวลของปาตี้ของคุณได้เพียง 3096]
[ทักษะวิญญาณสัมบูรณ์ได้ลบล้างพลังส่วนหนึ่งของศัตรู ทักษะและเลเวลขอ งคุณจะส่งผลต่อศัตรู 9096]
[โปรดจําเอาไว้ว่าคุณจะไม่สามารถใช้ไอเทมและทักษะได้เต็มประสิทธิภาพ พวกเราของให้คุณ โชคดี คุณจะได้รับรางวัลที่ยิ่งใหญ่หากคุณเอาชนะราชาแห่งการจําศีล]