Infinite Competitive Dungeon Society – ตอนที่ 266

ตอนที่ 266

บทที่ 266 – นายหนีไปจากนักบุญไม่ได้หรอก (6)

เพรูต้าได้แสดงสีหน้าพอใจออกมาในตอนที่ฉันได้ส่งเขากลับไปหลังจากที่ได้ฝึกกันเสร็จต่อมา ฉันก็ได้มาฝึกซ้อมกับสุมิเระที่ดูจะได้เรียนรู้อะไรมามากมายจากการเฝ้าดูตัวฉัน แน่นอนว่าเธอก็ยังไม่เคยมาเป็นคู่ต่อสู้ของฉันได้เลย แม้ว่าฉันจะหยุดคิดอะไรมากและต่อสู้กับเธอไปโดยที่ไม่คิดอะไรมาก หอกของเธอก็ไม่เคยมาถึงตัวฉันได้เลย

ยังไงก็ตามมันก็ผ่านมาเพียงแค่ครึ่งปีเท่านั้นนับตั้งแต่ที่สุมิเระได้เริ่มการฝึกเทคนิคหอก แม้ว่าเธอจะมีพื้นฐานมาจากการฝึกที่ตระกูลของเธอในตอนที่เธอยังเด็กแต่ว่านั่นมันก็แค่พื้นฐาน ฉันจําได้อย่างชัดเจนเลยว่าในตอนที่เธอได้ฝึกซ้อมกับฉันและเฝ้ามองดูเธอตั้งแต่เริ่มจากต้น

จากการซ้อมกับเธอในวันนี้สุมิเระได้เรียนรู้เทคนิคหอกระดับสูงมาแล้ว การพัฒนาของเธอมันเห็นได้ชัดเจนมากว่าเธอได้พัฒนามาอย่างรวดเร็วจนเทคนิคหอกของเธอก้าวเข้ามาสู่ระดับสูง ฉันไม่รู้ว่าเชอริฟิน่าแยกระดับกลางกับระดับสูงยังไงแต่ฉันก็สามารถจะรู้ได้ในเรื่องนี้จากวิธีการเคลื่อนไหวของหอกเธอ ฉันรู้ว่าเธอต้องการจะแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วแต่ว่าความเร็วของเธอนี่มันทําให้ฉันทิ้งจริงๆ

“…”

” ขอบคุณมากค่ะ คุณชินยอดเยี่ยมที่สุดเลย”

“ไม่หรอก ฉันไม่คิดว่าฉันทํามันได้ดีนัก”

“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณชินฉันก็คงไม่มีทางได้เรียนรู้เทคนิคหอกระดับสูงแน่ๆ คุณชินน่าทึ่งจริงๆ…”

สุมิเระได้เข้าสู่โหมดการบูชาของเธอแล้ว แม้ว่าฉันจะยินดีแต่ฉันต้องถามเธอไปอย่างขมขื่น

“สุมิเระ เธอได้ใช้แต้มทักษะกับเทคนิคหอกหรือปาว…?”

“ไม่นะคะ ไม่ใช่ว่าคุณชินเคยบอกว่าไม่ให้ใช้แต้มทักษะกับทักษะการฝึกมานาหรือทักษะศิลปะการต่อสู้หรอคะ?”

“ใช่แล้ว ถ้างั้นเธอก็มาถึงในเทคนิคหอกระดับสูงในเวลาครึ่งปีด้วยความสามารถของเธอเองเลยหรอ?”

“เรื่องนี้ต้องขอบคุณคุณชินมากกว่าความสามารถของฉันอีกนะคะ”

สุมิเระได้พูดออกมาอย่างสงสัย เธอเชื่ออย่างสุดใจแล้ว ความศรัทธาที่มากขนาดนี้ของเธอมาจากไหนกันนะ? ฉันไม่เห็นจําได้เลยว่าทําอะไรแบบนี้…

บางทีความเชื่อมั่นนี้อาจจะทําให้สุมิเระก้าวหน้าอย่างรวดเร็วก็ได้ ฉันไม่อยากจะเด็ดปีกของเธอด้วยการพูดอะไรที่ไม่ระวังออกไปดังนั้นฉันได้แต่ยอมแพ้ในเรื่องนี้ กลับกันฉันได้เสนอขึ้นไปแทน

“สุมิเระตั้งสมาธินิดนึงนะ”

“คุณชนกําลังจะสอนอะไรหนูหรอ!?”

สุมิเระได้มองมาที่ฉันด้วยดวงตาที่เป็นประกาย ถ้าหากเป็นเรื่นเขาจะเชื่อใจฉันเพียงครึ่งหนึ่งในตอนที่กําลังเรียนรู้อะไรจากฉัน…โชคร้ายที่ว่าสความคิดนี้ของเร็นก็คือว่าการเรียนรู้อะไรจากฉันมันก็เท่ากับว่าเป็นการทําร้ายตัวเอง ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้เลย ฉันได้บอกกับตเองว่าจะต้องอัดเขาจนเปลี่ยนความคิดไปซักวันหนึ่งและตั้งสมาธิกับการสอนสุมิเระ

“แทนที่จะเรียกว่าการสอน…เอาเป็นฉันแนะแนวทางดีกว่า”

“ค่ะ หนูจะทํามัน”

ล้มเหลวอีกแล้ว ฉันได้ให้ทางเลือกกับเธอ แต่แล้วเธอก็จะทําตามในทุกๆสิ่งที่ฉันขอ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันได้รู้สึกถึงน้ำหนักความเชื่อมั่นของเธอที่มีต่อฉัน

‘ฉันคิดว่ามันคงจะไม่เป็นไรหรอกมั้งถ้าหากว่าฉันบอกเธออย่างถูกต้อง’ ฉันได้รู้สึกถึงความรับผิดชอบมากยิ่งขึ้นในตอนที่บอกวิธีนี้กับเธอ

“พูดตามตรงเลยนะฉันไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะแข็งแกร่งขึ้นขนาดนี้ได้ภายในเวลาที่สั้นๆ หากไม่พูดเกินเลยไปเธอนั้นคืออัจฉริยะ เธอเป็นอัจฉริยะด้านการศิลปะการต่อสู้อยู่แล้ว แต่มันดูว่าเธอจะเป็นยิ่งกว่าอัจฉริยะซะอีกในด้านฝีมือหอก”

“หนูไม่มีอะไรที่เทียบกับคุณชินได้เลย หนูยังคงบกพร่องอยู่”

“ไม่ เชื่อฉันสิ ความโอหังมันก็เป็นพิษแต่ว่าการเข้าใจในตัวของตัวเองมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดี เธอจะต้องเข้าใจในตัวของเธอเองถ้าหากว่าเธอต้องการที่จะพัฒนาได้เร็วยิ่งขึ้น”

ใบหน้าของเธอได้แดงขึ้นจากความอาย ฉันได้ยิ้มขึ้นมาและยกดาบของฉันขึ้น

“เอาล่ะ การพูดอะไรอ้อมๆมันก็คงไม่ดี ฉันจะพูดตรงๆเลยนะสุมิเระเธอโดดเด่นในด้านการป้องกัน ด้วพลังของอาธีน่ามันยังถึงขั้นที่เรียกได้เลยว่าสมบูรณ์แบบ เธออาจจะถึงขั้นที่ป้องกันการโจมตีอย่างสุดพลังของฉันได้เลยด้วยซ้ำ”

สุดพลังของฉันที่หมายถึงก็คือในตอนที่ฉันใช้โอเวอร์ลอร์ด สังเวย และความพิโรธของเทพแห่งท้องฟ้า อืมม ฉันคิดว่าเธอคงจะกันดวงตาของพระศิวะไม่ได้ แต่ว่าพลังนั่นฉันก็ใช้ได้แค่ปีละครั้งเท่านั้นฉันก็ไม่ควรจะไปคิดเกี่ยวกับมัน เพราะอ่างนี้ความจริงที่ว่าเธอป้องกันการโจมตีข้างต้นนั่น ได้นั่นหมายความว่าเธอมีความารถที่จะป้องกันการโจมตีจากศัตรูของโลกได้แล้ว

แต่ถึงแบบนั้นสุมิเระก็ยังไม่ได้หยุดพัฒนาลงเช่นกัน เธอมีพรสวรรค์ที่โดดเด่น ความพยามยามและประสบการณ์ของเธอมันจะทําให้เรื่องนี้เป็นไปได้

“แต่ว่าการโจมตีชองเธอมันอ่อนแอจนเกินไป อ่อนแอมากๆ แม้ว่ามันจะพัฒนาขึ้นมามากแล้วแต่แม้ว่าเธอจะใช้เวลาฝึกแบบนี้อีกหลายปีเธอก็ยังคงไม่อาจสร้างความเสียหายให้กับศัตรูของโลกได้อยู่ดี”

“นั่นเป็นพราะว่าหนูบกพร่องเอง…”

“ไม่หรอก สิ่งเดียวที่เธอขาดเลยก็คือเวลา เวลามันคือสิ่งๆหนึ่งที่ไม่มีทางจะเปลี่ยนไปได้ ขอโทษด้วยนะฉันไม่เคยคิดเลยว่าพวกเราจะต้องมารีบร้อนแบบนี้มาก่ออนเลย ถ้าเธอมีเวลาอีกซักแค่สองปี เธอก็อาจจะกลายเป็นคนที่ทรงพลังมากกว่าที่ใครอื่นจะเทียบเคียงได้”

พรสวรรค์ ความพยายามและชื่อของเทพที่แท้จริงได้พิสูจน์ในเรื่องนี้แล้ว เทพีอาธีน่าแห่งโอลิมปัสเป็นนักรบผู้ยิ่งใหญ่ แม้แต่ซุสก็ยังไม่สามารถจะแย่งฉายานี้มาได้เลย

“ถ้างั้นหนูก็ควรจะยืนอยู่แค่ด้านหลังไม่ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นนั้นหรอค่ะ?”

ใบหน้าของสุมิเระที่ตื่นเต้นเมื่อไม่นานมานี้ได้กลายเป็นเศร้าลงไป

ในทุกวันนี้ความรู้สึกที่ว่า ‘เราไม่สามารถจะทําอะไรได้เลยในช่วงเวลาสําคัญ’ ‘หัว หน้ากิลด์กับคนอีกไม่กี่คนต่างก็แบกรับภาระทั้งหมดไว้’ เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้เลยที่จะเกิดขึ้นตามปกติในเหล่าสมาชิกกิลด์รีไวเวิร์ล

แน่นอนว่าหากไม่มีพวกเธอ พวกเราก็ไม่มีทางจะเคลียร์เหตุการณ์ดันเจี้ยนได้ทันในช่วงวิกฤติแน่นอน แต่มันก็ยังเป็นความจริงที่ว่านอกเหนือไปจากฉัน ฮวาหยา ไอน่าและเดซี่แล้วก็ไม่ค่อยมีคนที่จะสามารถต่อสู้กับศัตรูได้อย่างทรงประสิทธิภาพเลย นี้มันเป็นเพราะนอกเหนือจากพวกเราทั้ง สี่คนแล้วก็ไม่ค่อยมีใครที่สามารถจะสร้างการโจมตีที่ทรงพลังมากๆได้เลย

ผลลัพธ์แบบนี้มันได้ทําให้สมาชิกกิลด์รีไวเวิร์ลทั้งหลายคนต่างก็รู้สึกหดหูที่ไม่สามารถจะทํา อะไรกับเรื่องนี้ได้เลย ฉันควรจะทําให้มันชัดเจนขึ้น มันยังไม่สายเกินไป พวกเขาแต่ละคนต่างก็มีศักยภาพในตัวเองกันทั้งหมดมันยังมีบางอย่างอยู่ที่พวกเขาทําได้

สุมิเระจะเป็นคนเริ่มต้นมัน

“อย่าทําหน้าแบบนั้นสิ ลืมไปแล้วหรอว่าฉันบอกไปแล้วว่าจะแนะแนวทางให้”

“อ่า ใช่แล้วคุณชินบอกแบบนั้น”

ใบหน้าของสุมิเระได้สว่างขึ้นมาเล็กน้อย ไร้เดียงสาอะไรแบบนี้แค่คําพูดของฉันก็ส่งผลให้กับตัวเธอแล้ว

“ฉันจะบอกว่ามันจะเป็นไปไม่ได้เลยถ้าหากเธอยังฝึกด้วยิวในปัจจุบันนี้ นั่นเป็นเหตุผลที่ทําให้พวกเราจะต้องใช้วิธีที่แหกคอกสักหน่อย”

“วิธี…แหกคอก?”

“ใช่แล้ว มันเป็นการเหลาคมมีดไว้ในการโจมตีเพียงครั้งเดียว”

“ครั้งเดียว…”

เมื่อเห็นสุมิเระพึมพัมขึ้นมา ฉันได้ยกหอกขึ้นตั้งท่า ท่านี้มันชัดเจนเลยว่าฉันกําลังจะใช้ฮีโรอิคสไตรค์ สุมิเระก็ยังรู้เช่นกัน

“คุณชิน นั่นมัน…”

“ใช่แล้ว”

สุมิเระมีการป้องกันที่ยอดเยี่ยมอย่างโล่ของอารีน่าเอจิส

ในตอนที่เธอเปิดใช้งานเอจิสก็จะป้องกันการโจมตีของศัตรูโดยอัตโนมัสทําให้เธอไม่ต้องถือมันเอาไว้ ตามปกติแล้วสุมิเระก็จะถือหอกเอาไว้ในมือข้างเดียว แต่ว่าในระหว่างนี้เธอก็สามารถจะถือหอกสองมือได้ ศัตรูก็ยังคงถูกเอจิสป้องกันอยู่และเธอก็ได้รับการป้องกันที่ถั่วถึง มันเป็นการป้องกันการโจมตีที่สมบูรณ์แบบและในตอนนี้ยังสามารถโจมตีกลับไปได้อีกด้วย นี้มันเป็นความฝันของผู้ใช้หอกทุกคน

ถึงแม้แบบนั้นแค่การเรียนรู้เทคนิคก็ไม่ได้ทําให้ฝีมือหอกของคนๆนั้นก้าวหน้า มันเป็นเพียงแค่ความก้าวหน้าทางเทคนิค นอกไปจากนี้แม้ว่าถ้าเขาคนนั้นมีเสริมความแข็งแกร่งให้กับเทคนิค โดยที่ไม่มีฝีมือหอกเป็นพื้นฐานมันก็จะไม่มีทางที่จะดึงศักยภาพของมันออกมาได้ นั่นปืนอีกหนึ่งในเหตุผลที่ทําให้ฉันไม่เคยสอนเทคนิคแบบนี้กับสุมิเระมาก่อนเลย

แต่ว่าตอนนี้มันต่างออกไปแล้ว สุมิเระก้าวหน้าได้รวดเร็วมาก เธอไม่เพียงแต่มีพรสวรรค์ในการเรียนรู้ฮิโรอิคสไตรค์เท่านั้น แต่ระดับฝีมือหอกของเธอยังมากพอที่จะดึงพลังของมันออกมาอีกด้วย แล้วถ้าหากเธอเพิ่มพลังของอาธีน่าลงไปอีกล่ะจะเป็นยังไง? ฉันได้แต่รอคอยที่จะเห็นมันกับตาตัวเอง

“ฉันก็รู้สึกอายนิดหน่อยนะที่จะบอกว่ามันเป็นหนึ่งในเทคนิคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ฉันจะใช้ได้ด้วย มือหอกเพียวๆ”

” นี้มันเป็นเกียรติมาก”

สุมิเระได้ส่งเสียงให้กําลังใจขึ้นมาในตอนที่ฉันบอกเธอว่าจะสอนทักษะฮีโรอิค สไตรค์ให้กับเธอ เอาล่ะในเมื่อเธอใช้ออร่าฮีโร่ไม่ได้ มันก็ไม่น่าจะใช่ฮีโรอิค สไตรค์แต่ว่าเป็น

“ใช่แล้วเราจะเรียกว่าว่าการโจมตีของเทพธิดา”

“หนู หนูยังไม่ได้เรียนมันเลยนะ แล้วชื่อที่น่าอาบแบบนี้มัน…”

“ฉันมั่นใจได้เลยว่ามันดีกว่าฮิโรอิค สไตรค์นะ”

สายตาไได้จริงจังขึ้น ฉันยังไม่เข้าใจเลยว่าทําไมตัวฉันถึงได้ตั้งชื่อทักษะมันแบบนี้ ฉันรู้สึกเสียใจกับมันในทุกๆครั้งที่ฉันได้ใช้มัน นอกไปจากนี้ฉันยังต้องตะโกนชื่อนี้ออกมาดังๆในทุกๆครั้งที่ ฉันใช้อีกด้วย

“ก่อนอื่นฉันจะแสดงพลังของฮีโรอิค สไตรค์ด้วยการใช้เพียงแค่พลังของฉันเท่านั้น”

ฉันได้เรียกริยออกมาและขอให้เธอสร้างก้อนหินน้ำแข็งแข็งๆขึ้นมาอยู่กลางห้องของเรา พลังงานเยือกแข็งได้รายล้อมตัวเราในทันทีและมีก้อนน้ำแข็งปรากฏขึ้นมา

[แม้แต่ชินการจะทําลายมันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย]

“ขอบคุณนะ”

จากนั้นฉันก็เรียกไพก้าออกมาให้เข้ามาภายในหอกของฉัน ฉันได้ตั้งท่าอย่างรวดเร็ว

“เธอคงรู้สึกได้ถึงพลังทั้งหมดที่อยู่ในร่างกายใช่ไหม ตั้งสมาธิกับมันเอาไว้และยิงมันออกไป”

“ค่ะ”

อย่างแรกฉันได้ปลุกพลังออร่าฮิโรอิคออกมา มันเป็นพลังที่เต็มไปการเสริมพลังให้กับพรรคพวกและลบล้างความชั่วร้าย มันยังช่วยเสริมออร่าทั้งหมดที่ฉันมีอยู่อีกด้วย มันเป็นพลังที่เหมาะสม กับฮีโร่จริงๆ

ต่อมาฉันได้ให้มานากับไพก้าและดึงเอาพลังของเทพสายฟ้ามา แม้ว่ามันจะได้รับมาจากดันเจี้ยนแต่ว่าพลังนี้ก็เป็นการพิสูจน์ว่าฉันได้ถูกเลือกโดยสายฟ้าแล้วและมีคุณสมบัติที่จะเป็นจ้าวของ

พวกมัน มันไม่ได้ต่างไปจากชื่อของเทพเลย แต่ว่าสิ่งนี้มันได้สื่อถึงว่าฉันจะยังมีพลังนี้อยู่แม้ว่าจะเสียคุณสมบัติของนักสํารวจไปแล้วก็ตาม

ฉันสามารถจะรู้สึกได้ถึงพลังที่ไปรวบอยู่ในจุดๆเดียวบนหอกโกลาหลได้เลย กล้ามเนื้อของฉันมานา ออร่าและพลังธาตุ ทุกๆสิ่งได้มารวมกันอยู่ วงจรเพรูต้าได้หมุนวนอย่างรุนแรงในขณะที่พลังไต้ฝุ่นคลั่งได้ผสมพลังต่างๆเข้าด้วยกันและสร้างวังวนขนาดใหญ่ขึ้นบนปลายหอกของฉัน

สุมิเระได้ตั้งสมาธิมองดูฉันอยู่จนลืมหายใจไปเลย ทันใดนั้นฉันก็รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย

“ริยูแสดงรูปธรรมออกมาเสริมพลังมันอีกหน่อยสิ”

[อื้อ]

“ฟู่…ฮ่าห์!”

ในตอนที่ฉันรู้สึกว่าดึงพลังในร่างออกมาได้หมดแล้ว ฉันได้โจมตีออกไป แม้อย่างนั้นฉันก็แทงหอกออกไปอย่างช้าๆ เพื่อให้สุมิเระสามารถจะเห็นได้อย่างชัดเจนแต่หอกของฉันก้ยังเคลื่อนที่ไปเร็วมากๆอยู่ดี ในตอนที่มันชนเข้ากับก้อนน้ำแข็งมันได้เจาะเข้าไปในใจกลางน้ำแข็งในตอนนั้นเอง….

“กรี้ดดด”

“ฉันรู้อยู่แล้วว่ามันจะเกิดขึ้น”

ตอนที่หอกได้ทะลวงน้ำแข็งไปทําให้พลังงานน้ำแข็งจํานวนมากแตกระเบิดออกมาเป็นชิ้นๆ นับพันชิ้นและกระจายกันออกไป สุมิเระได้ถือโล่เอาไว้และกรดออกมา แต่ว่าเศษน้ำแข็งเหล่านี้ก็หายไปโดยที่ไม่ได้ทําลายใครเลยเพราะการควบคุมของริยู

เมื่อรู้ตัวว่าไม่ได้บาดเจ็บอะไรสุมิเระก็ได้ยืนถือโล่อยู่แข็งๆพักหนึ่ง จากนั้นเธอก็ลดโล่ลงไป พร้อมมือที่สั่นเล็กน้อย เสียงของเธอก็ยังสั่นเหมือนมืออีกด้วย

“นี้มันทรงพลังไปแล้ว แต่ว่านี้ก็คงไม่ใช่พลังทั้งหมดของคุณชินใช่ไหม”

“อืมม มันจะรุนแรงกว่านี้ถ้าฉันเพิ่มพลังชื่อของเทพ ไอเทม ผลของทักษะต่างๆลงไปอีก แต่ว่า…”

นอกจากพลังของเทพแล้ว พลังอื่นๆก็ดูเหมือนจะถูกเรสพิน่าลบล้างไปได้ดังนั้นมันจึงไม่ใช่ความแตกต่างอะไรกันนะ สุมิเระได้พึมพัมขึ้นอย่างตกตะลึง

“เกินไปแล้ว แข็งแกร่งเกินไปแล้ว นี่คือพลังของคุณชิน…อย่างที่หวังเอาไว้จากทาเคมิคาทสึจิ เลย…”

“ขอล่ะนะ”

มันดูเหมือนว่าสิ่งที่สุมิเระแสดงออกมามันจะเกินกว่าที่ฉันจะยอมรับได้ไปแล้ว ฉันได้ไอแห้งๆ ออกมาและพาเธอให้กลับมาสู่ความจริง

“นี่คือเทคนิคของฉัน เทคนิคที่เธอจะต้องทํามันให้ต่างออกไป มันจะไม่มีสายฟ้า ไม่มีพลังธาตุ และไม่มีออร่าฮีโรอิคนอกจากนี้มันจะมีแต่พลังมานาของสุมิเระกับพลังของอาธีน่า”

“ถ้าหนูเรียนรู้มัน หนูจะแสดงพลังทําลายแบบนี้ได้หรือปาวคะ”

” ก็น่าจะ”

“ด้วยพรสวรรค์ที่บ้าเกินไปของเธอมันก็น่าจะเป็นไปได้

“สิ่งที่ฉันแสดงให้เธอดูไปต่อไปนี้คือสิ่งที่เป็นพื้นฐานของฮีโรอิค สไตรค์”

ฉันได้ขอให้ริยสร้างก้อนน้ำแข็งขึ้นมาอีกครั้ง เธอได้ใช้มานาจํานวนเท่าเดิมและทําความแข็งของมันคงเดิน

“เทคนิคนี้เป็นสิ่งที่บรรพบุรุษของฉันได้สร้างขึ้นมาในตอนที่พวกเขายังไม่รู้จักมานา มันถูกสร้างขึ้นอยางสมบูรณ์เพื่อที่จะแสดงพลังทางกายภาพของคนๆหนึ่งไปจนเหนือขีดจํากัด…”

ในตอนที่ฉันกําลังอธิบายอยู่ก็มีอะไรบางอย่างที่ฉันจับใจความได้ ทําไมฉันถึงเพิ่งจะคิดได้ในตอนที่ซ้อมกับเพรูต้าล่ะ ฉันรู้สึกเหมือนว่ามีอะไรบางอย่างโผล่เข้ามาภายในหัวของฉัน ฉันได้คิดย้อนกลับไปในสิ่งที่โผล่ขึ้นมา แต่แล้วมันก็ไม่มีอะไรเลย

“คุณชิน คุณเป็นอะไรไปค่ะ”

“อ่า เปล่า… ฉันสบายดี”

ฉันไม่เข้าใจ แต่ว่าฉันยังคงรู้สึกว่าสักวันหนึ่งฉันก็คงจะเข้าใจมันเอง ไม่นานจากนี้แน่นอน ฉันได้เชื่อแบบนี้และเก็บความคิดนี้เอาไว้พร้อมตั้งท่าแบบเดิม”

“ฉันไม่อาจจะพูดได้ว่าฉันเชี่ยวชาญในเทคนิคที่บรรพบุรุษของฉันสร้างขึ้น แต่ว่าฉันได้ฝึกมัน ตั้งแต่ที่ยังไม่มีมานาจนกระทั่งการโจมตีของฉันธรรมดาก็ใช้มานาแล้ว สุมิเระเธอจะต้องใช้ทักษะนี้ เป็นพื้นฐานในการสร้างเทคนิคที่สมบูรณ์ของตัวเธอเอง”

“อูวว ฉันกําลังจะต้องเรียนรู้ในสิ่งที่แม้แต่คุณชินยังไม่เชี่ยวชาญหรอ?”

“เธอทํามันได้เชื่อฉันสิ เธอจะได้รู้สึกว่ามันไม่เหมือนกับฮีโรอิค สไตรค์ในตอนที่เธอได้เห็นมัน”

ฉันได้ยกหอกขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ฉันได้ปล่อยมานาทั้งหมดออกไปทั้งหมดและไม่ได้ดึงพลังเทพสายฟ้าเลยสักนิด ใช้เพียงแค่พลังของกล้ามเนื้อ เลือด และกระดูก ฉันพยายามรีดเค้นทุกๆอย่างที่อยู่ภายใต้การควบคุมของฉันและนอกเหนือจากการควบคุมของฉันมารวมในจุดๆเดียวหลังจากที่ ตั้งรวมมันเอาไว้และรวมมันและรวมมัน ในท้ายที่สุดแล้วฉันก็ไม่เห็นสิ่งที่อยู่ข้างหน้าได้อีก

ฉันได้เห็นเพียงแค่สิ่งเดียวเท่านั้น ปลายหอกของฉันและจุดๆหนึ่งที่ฉันต้องการจะแทงหอกออกไป ฉันอยากจะบอกให้สุมิเระตั้งใจดูแต่ฉันก็ไม่สามารถจะพูดอะไรออกไปได้เพราะการควบคุมร่างกายของฉัน ในแง่ของความยากแล้วนี้คือเทคนิคที่จะดึงเอาพลังที่ยิ่งใหญ่ทั้งหมดออกมาเท่านั้น ยังไงก็ตามในการควบคุมทุกๆอย่างในร่างกายของฉันและรวมมันเอาไว้ในจุดๆเดียวมันยากอย่างมาก

จากนั้นฉันก็ตระหนักได้ถึงบางอย่าง การสนับสนุนของมานา มานาที่ซึ่งจะจะทําตามฉันได้ช่วยให้ฉันควบคุมร่างกายได้ง่ายขึ้น ฉันได้ใช้การสนับสนุนที่ได้รับมาจากมานานในการใช้เทคนิค ในตอนนี้ฉันได้ใช้พลังของร่างกายอย่างหมดจดในการควบคุมพลังนั้นซึ่งมันมันทําให้ฉันรู้สึกยากลําบาก

หัวใจของฉันได้เต้นแรงขึ้น ถ้าหากว่าฉันรู้เรื่องนี้ช้ากว่านี้ฝีมือหอกของฉันจะต้องถดถอยยิ่งขึ้นแน่ แม้ว่ามานาจะทรงพลังมากแต่ฉันก็ไม่สามารถจะปล่อยให้พลังของมนุษย์ ทําแบบนี้ได้มานาก็มีกฎของมันอยู่ มีขอบเขตของมันที่ไม่ควรจะบุกรุกเข้าไป

นั่นมันเป็นความเข้มข้นและการไหลของพลัง มันเป็นเรื่องดีที่ฉันได้รู้ตัวก่อนที่มันจะสายเกิน แก้มันเป็นเรื่องที่ดีที่ฉันยังสามารถจะปรับปรุงพื้นที่ของตัวเองได้ดีขึ้นกว่าเพรูต้า เพียงแค่เชี่ยวชาญเทคนิคหอกระดับสูงมันไม่ใช่จุดจบ เพียงแค่เรียนรู้ไต้ฝุ่นคลั่งมันไม่ได้หมายความว่ามันเป็นเส้นทางเดียวที่ฉันเดินไป

“คุณชิน คุณบอกว่าคุณจะไม่ใช้มานา…”

ฉันรู้สึกได้ถึงวังวนที่อ่อนแอพุ่งขึ้น ฉันไม่ได้หยุดมันเอาไว้เพราะว่าฉันได้อยู่ในสภาพตั้งสมาธิอยู่ที่พลังของร่างกายฉันไปสู่ปลายหอก วงจรเพรต้านี้มาเป็นหนึ่งเดียวกับร่างกายฉันอย่างเป็นธรรมชาติ

ฉันพร้อมแล้ว ฉันได้ก้าวออกไปข้างหน้าด้วยความคิดแบบนี้ หอกของฉันได้เจาะเข้าไปในน้พแข็งอย่างราบรื่น ในตอนนั้นฉันได้พึมพัมกับตัวเองว่าฉันทํามันได้

น้ำแข็งก้อนใหญ่ได้หายไปในทันทีเหมือนกับว่ามันไม่เคยมีอยู่มาก่าอน แม้ว่าฉันจะไม่ได้ใช้มานาใดๆเลย สิ่งที่ฉันทําสําเร็จมันไร้สาระยิ่งกว่าสิ่งใดๆที่ฉันเคยทํามาก่อนซะอีก หลังจากที่ฉันได้ใช้พลังในร่างออกไปจนหมดฉันได้เซไปเล็กน้อย วงจรเพรูต้าได้เริ่มหมุนและฟื้นฟูความเหนื่อยล้าของฉันในทันทีราวกับว่ามันรอคอยอยู่แล้ว ในท้ายที่สุดแล้วสุมิเระก็ปล่อยลมหายใจที่เก็บไว้ออกมา

“น่าพึ่ง…”

“เธอเห็นไหม?”

“คะ หนูเห็นสิ หนูเห็นค่ะคุณชิน เห็นทุกๆอย่างเลย หนูจะต้องเรียนมันให้ได้แน่นอน ด้วยเจ้านี้หนูก็หน้าจะเติมเต็มหน้าที่ที่หนูขาดไปได้”

“ฉันบอกแล้วนี้”

แม้ว่ามันจะมีผลข้างเคียงทําให้การบูชาของสุมิเระมีต่อฉันมากขึ้นแต่ว่าความกระตือรือร้นของเธอก็ได้กลับคืนมาด้วย ฉันได้เห็นไฟที่ลุกโชนในตาเธอได้เลย

ในทางกลับกันแล้วก็มีบางอย่างผุดขึ้นภายในหัวฉัน พลังที่ฉันแสดงออกไปเมื่อตะกี้ ถ้าฉันสามารถจะรวมมันเข้ากับมานาและทักษะอื่นๆล่ะก็….

ในตอนที่ไฟแห่งความต้องการพัฒนาของทั้งศิษย์และอาจารย์กําลังลุกโชนอยู่นั้น เสียงๆหนึ้งก็ดังขึ้นภายในหูของฉัน

[คุณเสร็จธุระที่คุณต้องทําบนโลกหรือยังหัวหน้ากิลด์รีไวเวิร์ล?]

ฉันได้พยายามที่จะนึกให้ออกว่านี่เป็นเสียงใครจนในที่สุดก็นึกออก เธอคือหัวหน้ากิลด์ผู้ดูแลกิลด์ไร้หุบเขา เอเลน เธอได้พูดต่อมาโดยไม่ลังเล

[ในตอนนี้นายน่าจะมีเวลาแล้วใช่ไหม? ฉันมีคําขอนะ]

[คําขอ?]

[ใช่ คําขอ]

ฉันรู้สึกได้เลยว่าฉันเหมือนจะเห็นเธอยิ้ม

[คําขอของทหารรับจ้างต่างมิติในทวีปอเดียสที่เกิดขึ้นภายใต้การดูแลของดันเจี้ยน]

Infinite Competitive Dungeon Society

Infinite Competitive Dungeon Society

Status: Ongoing

เหตุการณ์ดวงจันทร์แฝดคือจุดเริ่มต้นชองการเปลื่ยนแปลงทุกอย่าง

เพราะการปรากฏตัวของมอนสเตอร์และดันเจี้ยนในสังคมยุคใหม่ และผู้ที่ใช้ความสามารถของเขาต่อสู้กับมัน โลกได้กำลังเผชิญหน้ากับประวัติศาสตร์ครั้งใหม่

นี่คือกำเนิดขึ้นของแหล่งพลังงานชนิดใหม่ๆ และอาชีพดั้งเดิมมากมายได้หดหายไป

สามัญสำนึกปกติได้ถูกเปลื่ยนแปลงไปและจินตนาการได้กลายมาเป็นความจริง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท