Infinite Competitive Dungeon Society – ตอนที่ 290

ตอนที่ 290

บทที่ 290 – สมาชิกคนล่าสุด (7)

เมื่อเขาได้ตัดสินใจที่จะเข้ารีไวเวิร์ลแล้ว เขาก็ได้จับผมของตัวเองและตัดผมออกไปทันที

ผมที่ยาวจนน่ารำคาญนี้ได้ถูกตัดสั้นจนอยู่เหนือกว่าเอวเล็กน้อย ฉันก็ยังคิดว่าผมของเขาดูยาวเกินไปอยู่ดีแต่ว่าเขาดูจะพอใจกับผมที่ตัดออกไปและเรียกมานาขึ้นมา

“วันนี้ฉันจะใช้เพียงแค่หอกกุงเนียร์ จงแสดงพลังของนาย พลังของกิลด์นายมาพิสูจน์กับฉันให้ฉันได้เห็นถูกศักยภาพที่นายเสนอออกมา”

“…ไม่เป็นไร”

ผมที่เพิ่งจะตัดออกไปของเขาได้มารวมตัวเข้าด้วยกันกลายเป็นหอก เนื่องจากมันยังใช้มานาของเคนอยู่ด้วยทำให้หอกนั้นกลายเป็นโลหะไป และนี่มันน่าประทับใจจริงๆ

“ว้าว”

เขาได้สะบัดแขนไปมาสองสามครั้งจากนั้นก็หยักหน้า

“มันน่าจะมีพลังมากพอที่จะใช้มันได้ครั้งหนึ่ง”

“นั่นมันก็น่าจะมาพอแล้ว เป็นมานาจำนวนมหาศาลจริงๆ”

“มันเป็นมานาในร่างที่ฉันไม่ต้องการมันหลงเหลืออยู่ เอาล่ะไปที่โลกกันเถอะ”

เขาได้ค่อยๆเดินออกไปจากห้องช้าๆ แม้ว่าเขาจะใส่ชุดเพียงแค่ชั้นเดียวก็ตามแต่ตัวเขาก็ได้เปล่งออร่าที่ราวกับว่าตัวเขาอยู่เหนือจักพรรดิออกมา

แต่ว่าเขาก็ยังเป็นพรรคพวกที่ยืนอยู่ในตำแหน่งเดียวกับฉันอย่างเท่าเทียม ไม่ว่าฉันจะรู้สึกกดดันข้างในมากยังไงฉันก็ทำเป็นว่ามันไม่เป็นอะไรและกลับไปที่โลกพร้อมๆเขา แน่นอนว่าเมื่อพวกเขาออกมาจากดันเจี้ยนจุดที่เราอยู่ก็คือเบื้องหน้าเกต

“อ่า ชิน”

“ขอโทษนะเยอึน เราไม่มีเวลาเหลืออีกแล้ว พวกเราต้องเร่งแล้ว”

ในขณะที่เยอึนกับสมาชิกคนอื่นๆได้มองมาที่ชายหน้าตาดีคนนี้อย่างตกใจ ฉันก็บอกให้พวกเธอถอยไปข้างหลัง มันก็ดูเหมือนว่าเคนไม่ได้มีแผนจะไปยุ่งกับใครเลย เขาได้เดินไปทางเข้าเกตทันที จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วขึ้นพร้อมหยักหน้าออกมา

“มันมีพลังมากกว่าที่ฉันคิดจริงๆ มันเป็นการใช้พลังของดันเจี้ยนงั้นหรอ? หลายสิ่งหลายอย่างได้เปลื่ยนไปมากแล้วสินะ”

“หรือบางทีมันก็ไม่ได้เปลื่ยนไปสักนิด”

หลังจากได้ยินความเห็นจากฉันทำให้เขาหยุดไปครู่หนึ่ง แต่ไม่นานนักเขาก็หยักหน้า

“ใช่แล้ว ฉันเข้าใจผิดไปเอง ดังนั้นเรื่องที่จะเข้าไปข้างในเจ้าสิ่งนี้… พูดง่ายๆคือมันเป็นไปไม่ได้”

“อะไรนะ!?”

ไม่ใช่ว่าโรเล็ตต้าบอกว่ากุงเนียร์มีพลังมากพอที่จะทะลวงเกตหรอ? ฉันไว้ใจเธอมากไปงั้นหรอ!? เมื่อเห็นฉันที่กำลังตกใจอยู่เขาได้ส่ายหัวออกมา

“ที่ฉันบอกว่ามันเป็นไปไม่ได้ก็แค่กับหอกกุงเนียร์ ฉันจำเป็นต้องเสริมพลังของสเลปนีร์เข้าไปด้วย”

“….”

ฉันรู้ดีว่าเขากำลังช่วยฉัน แต่ฉันไม่ชอบเลยจริงๆที่เขาตั้งใจมาล้อฉันเล่นในสถานการณ์สำคัญแบบนี้ เมื่อฉันได้จ้องไปทางเขาด้วยสายตาที่คมกริบทำให้เขาพูดต่อไปอย่างรวดเร็ว

“ฉันจะเปิดมันด้วยกุงเนียร์และส่งคนเข้าไปพร้อมกับสเลปนีร์ จะมีเพียงแค่คนๆเดียวที่เข้าไปได้”

“ฉันจะไป”

ถ้าหากว่ามีคนที่เข้าไปได้มันก็ชัดเจนแล้วว่าจะต้องเป็นฉัน ฉันไม่สามารถจะปล่อยให้คนอื่นเข้าไปได้อีก ฉันอาจจะถามพ่อหากว่าพ่อมีชื่อของเทพเจ้าแต่ว่าพ่อยังไม่มี แต่ว่าก็ยังมีหลายคนที่พยายามโน้มน้าวฉันและเดซี่ก็เป็นคนที่ยืนกรานมากที่สุดอย่างน่าตกใจ

“ฉันจะไปเองคังชิน นายเพิ่งสู้มา นายเหนื่อยเกินไป”

“ไม่ต้องห่วง ฉันก็เพิ่งได้รับการอัพเกรดมาเหมือนกัน เธอก็น่าจะรู้นี่?”

“นายใช้พลังของเทพไป”

“เธอก็ใช้ไปเหมือนกัน ให้ฉันไปเถอะ นอกจากนี้เรายังต้องการพลังของเธอเอาไว้จัดการกับเทพแห่งความตายอีกนะ”

“ถ้าคังชินบาดเจ็บล่ะ”

“หนูเป็นห่วงแม่ แต่ว่าหนูก็ห่วงพ่อด้วย หนูก็อยากไปเหมือนกัน”

“พ่อไม่เป็นไรหรอก ไอน่าอยู่ที่นี่กับคนอื่นๆนะ”

ในตอนที่ฉันคุยกับทุกๆคนเคนก็ได้เปิดใช้พลังของโอดินแล้ว เมื่อพลังของโอดินได้สถิตคลงบนหอกที่เขาทำขึ้นมาจากผม ผมของเขาก็ได้ขยายใหญ่และยาวขึ้นพร้อมทั้งมีออร่าจำนวนมากปรากฏขึ้นมา

“สเลปนีร์จะพุ่งออกไปในทันทีที่ฉันปากุงเนียร์ออกไป ฉันจะอัญเชิญสเลปนีย์แล้วนะจับไว้ดีๆล่ะ”

“ฉันไม่คิดว่าฉันจะตามความเร็วไม่ทันหรอน่าไม่ต้องห่วง”

เขาได้หยักหน้า ฉันได้มองกลับไปที่คนอื่นๆเป็นครั้งสุดท้ายและตะโกนขึ้น

“จับตาดูที่มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์เอาไว้นะ พวกเราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นมั้ง เดซี่ถ้าหากว่าพวกมันโจมตีเราก่อน พวกเราก็จะไม่สามารถเปิดช่องเก็บของเราได้เลยดังนั้นเธอน่าจะเอาลากิออกมาไว้ก่อนนะ คนอื่นๆก็ด้วยอย่าลืมสิ่งที่ฉันบอกไปนะ

“ไม่ต้องห่วงน่าลูกชาย พ่อก็อยู่นี่”

พ่อได้ยิ้มขึ้นมาและตบบ่าฉัน

“ผ่อนคลายเข้าไปและไปช่วยลูกสาวของพ่อมา”

“กุงเนียร์!”

เมื่อพ่อพูดจบประโยค เคนก็ได้ปากุงเนียร์ออกไปทันที หอกในตำนานที่เข้าเป้าเสมอได้พุ่งออกไปจากมือของเคนและถูกเกตดูดเข้าไป ไม่นานนักเกตก็ได้หมุนวนจนรูขนาดใหญ่ปรากฏออกมา ม้าแปดขาได้ถูกเรียกขึ้นมาและพุ่งเขาไปในนั้นทันที ฉันจึงรีบใช้ความเร็วศักดิสิทธิ์และกระโดดขึ้นไปบนม้าอย่างรวดเร็ว

ดูเหมือนว่ามันจะมีการเชื่อมต่อที่มองไม่เห็นอยู่ระหว่างกุงเนียร์กับสเลปนีย์ทำให้รูที่กำลังจะปิดลงไปนั้นได้ถูกเปิดขึ้นในทันทีที่สเลปนีย์เข้มาใกล้ จากนั้นก็ตามมาด้วยความรู้สึกของการถูกเกตกลืนเข้าไป ฉันได้เข้ามาแล้วแต่ว่าสเลปนีย์ก็ยังวิ่งต่อไปไม่ยอมหยุดลง

ภายในเกตนี้มืดสนิท ท้องฟ้าก็ได้เต็มไปด้วยเมฆสีดำและมอนสเตอร์สีดำที่ดูเหมือนจะเป็นลูกสมุนของราชาที่เป็นเจ้าของเกตนี้อยู่เต้มท้องฟ้า เมื่อเทียบกับสภาพแวดล้อมของป่าที่ดูเรียบง่ายแล้วฉากๆนี้ดูน่ากดดันยิ่งกว่า

[อ๊าา!]

สิ่งแรกที่ฉันได้ยินเลยก็คือเสียงร้อง ฉันที่อยู่บนสเลปนีย์ที่วิ่งไปด้วยความเร็วแสงได้มองสำรวจพื้นที่รอบๆ ข้างหน้าของฉัน… คือบางอย่างที่ใหญ่โตมา

อย่างแรกเลยฉันได้กระโดดลงมาจากสเลปนีย์ แต่ว่าสเลปนีย์ก็ไม่ได้ลดความเร็วแม้แต่นิด มันได้พุ่งต่อไปก่อนที่จะทะลุเข้าไปในสิ่งที่ใหญ่นั่น ทำให้เสียงร้องดังขึ้นมาอีกครั้ง

[เจ้าเข้ามาได้ยังไงกัน!?]

มันเห็นได้ชัดเลยว่าเจ้ายักษ์นี้เป็นคนที่ร้องออกมา ฉันได้คิดว่ามันคืออะไรกันแน่ แต่ว่าฉันก็ไม่สามารถจะยืนยันในรูปร่างของมันได้เลย มันจะเป็นไปได้ไหมว่าเจ้าสิ่งที่อยู่ต่อหน้าฉันมันไม่ได้มีรูปร่างของสิ่งมีชีวิต?

“ชิน!”

โชคดีที่ฉันได้ยินเสียงของฮวาหยาอยู่ ในขระที่ฉันเรียกชาราน่าออกมา ฉันก็ใช้ธาเลเรียบินไปตามเสียงของเธอ

“ฮวาหยา!”

ต้องขอบคุณกุงนีย์กับสเลปนีย์ที่ช่วยซื้อเวลาให้ฉัน ในตอนนี้เจ้ายักษ์นั่นกำลังร้องออกมาอย่างเจ็บปวดและดูเหมือนจะไม่ได้สนใจมาโจมตีเราเลย ฉันได้ลอยเข้าไปหาเธอในทันทีด้วยความโล่งอกที่เธอยังปลอดภัย

แต่ว่าเมื่อมาตรวจสอบดูไกล้ๆดูจะเธอไม่ได้ไม่เป็นอะไรเลย เสื้อของเธอได้ขาดวิ่นและตัวเธอก็ยังเต็มไปด้วยบาดแผล แต่ว่าโชคดีที่แขนขาของเธอยังคงอยู่ครบ

เมื่อฮวาหยาได้เห็นฉันตาของเธอก็เบิกกว้างขึ้น ฉันได้หยุดอยู่ถัดจากเธอและถามขึ้น

“เธอปลอดภัยนะ?”

เธอได้ตะโกนกลับมา

“ฉันก็อยากจะถามแบบนั้น! นายก็ไปสู้กับราชาคนเดียวนี่! เกิดอะไรขึ้นล่ะ!?”

“ฉันฆ่ามันไปแล้ว”

“เข้าใจแล้ว.. ขอบคุณพระเจ้า”

ร่างกายของฮวาหยาได้ทรุดลงไป น้ำตาของเธอได้มองกับฉันแล้วว่าตอนนี้เธอรู้สึกยังไงแต่ว่าฉันไม่ได้พูดอะไรออกไป

เธอได้พูดต่อมา

“ฉันรู้ว่านายจะต้องเอาตัวเองเข้ามาที่นี่อีกด้วย… ฉันเป็นห่วงมาก”

“เธอก็สู้กับราชาคนเดียวเหมือนกันนะ”

“ฉันตายได้แต่ว่าหากนายตาย….!”

“ฮวาหยา มันไม่มีใครที่ตายได้หรอกนะ”

ฉันได้พูดออกไปอย่างหนักแน่นในขณะที่หยิบเอาหอกโกลาหลออกมา สิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์ที่ไม่มีรูปร่างที่แน่นอนนั้นได้หยุดร้องแล้วและะหันหน้ามาหาพวกเรา ฉันไม่มีจุดที่จะโจมตีมันเลย แต่ว่ากุงเนียร์กับสเลปนีย์ได้ทำให้มันร้องออกมา ถ้าหากว่ามันมีร่างกายที่เป็นอมตจะมันจะไม่ร้องออกมาแน่น ฉันรู้ว่ามันจะต้องมีวิธีสร้างบาดแผลให้กับมัน

นอกไปจากนี้ในท้ายที่สุดแล้วมันก็เป็นหนึ่งในราชาทั้งห้า เหมือนกับที่ราชาแห่งสรรพสัตว์พูดถ้าหากว่าหนึ่งในพวกมันมีศักยภาพที่เหนือกว่าพวกเดียวกันเองมางั้นก็คงจะไม่ถูกเรียกว่าห้าราชาแน่ พวกมันจะต้องมีความแตกต่างกันที่ไม่ได้มากนัก ฉันยังได้เอาชนะราชาแห่งสรรพสัตว์มาแล้วเลย แถมในตอนนี้ฮวาหยาก็ยังอยู่กับฉัน

ฉันได้ยืนยันในการตัดสินใจนี้และพูดขึ้นกับฮวาหยาและตัวฉันเอง

“พวกเราจะต้องรอดไปจนถึงตอนจบฮวาหยา อยู่กับฉันไปจนกว่าจะจบ”

“จนกว่าจะจบหรอ? ฉันจะอยู่กับนายไปจนกว่าจะจบสินะ?”

ฉันได้มองกลับไปที่เธอ สายตาของเธอตอนนี้ดูมีพลังอย่างแปลกๆด้วยเหตุผลบางอย่าง

“ชิน นายไม่ได้สนใจเลย เอลฟ์นั่นเป็นเพยีงคนเดียว…. ไม่ว่ายังไงนายก็ไม่เคยยอมรับฉัน”

“ไม่”

“…เอะ?”

“ฉันจะยอมรับเธอ”

เพราะอย่างนั้นฉันก็ได้หันหน้ากลับมาและเตรียมต่อสู้ ฝูงมอนสเตอร์จำนวนมากบนท้องฟ้าได้มองมาที่เราและพุ่งมาเหมือนกับฝน เมื่อเห็นว่าพวกมันแต่ละตัวต่างก็อยู่เหนือกว่าระดับ SS ฉันก็ได้ปลดปล่อยพลังของดวงตามารออกมา

มอนสเตอร์กว่าครึ่งได้กลายเป็นหินไป แต่ว่ามันก็ยังเหลืออยู่อีกครึ่งที่ไม่ได้กลายไปเป็นหิน ถัดไปจากฉันฮวาหยาได้ยกมือขึ้นมาและเผามอนสเตอร์พวกนั้นด้วยเพลิงที่มีอุณหภูมิร้อนจนน่ากลัว

“นะ นายยอมรับฉัน… แต่ว่าในอดีตนาย…!”

“ฉันคิดว่ามันมีการเปลื่ยนแปลงตั้งแต่ตอนนั้น… แล้วก็สิ่งที่เธอสื่อออกมามันก็เปลื่ยนฉันไปเหมือนกัน….”

โลกจำนวนนับไม่ถ้วนและศัตรูนับไม่ถ้วน ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันจะต้องมีการเดินทางกันอีกยาวนานระหว่างตัวฉันกับพรรคพวกทุกๆคน บางคนอาจจะแยกออกไปเมื่อโลกได้ปลอดภัย แต่ว่าฉันรู้สึกว่าคนส่วนใหญ่จะไม่ได้เป็นแบบนั้น

มันเป็นเวลานานแล้วที่ฉันเมินความรู้สึกของพวกเธอหรือไม่ก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ แต่ว่าในตอนนี้มันเป็นการยากที่จะกลบเกลื่อนต่อไปอีกแล้ว เมื่อฉันได้เห็นโรเล็ตต้ากับเคนฉันก็ตระหนักได้ถึงบางอย่าง

ฉันไม่ใชแค่คนเกาหลีธรรมดาเท่านั้น ฉันไม่ใช่แม้แต่ชาวโลกธรรมดา เมื่อพิจารณาจากทุกสิ่งที่ฉันทำไม่ฉันไม่สามารถจะเรียกตัวเองภายใต้ชื่อของโลกมนุษย์ได้อีกแล้ว ถ้าหากว่าฉันจะเป็นอะไรงั้นมันก็คงจะเป็นนักสำรวจ ดังนั้นฉันไม่จำเป็นต้องมาจำกัดตัวเองให้เข้ากับสามัญสำนึกของโลกอีกต่อไป ฉันทำแบบนั้นไม่ได้

การยอมรับแต่เพียงโรเล็ตต้า แต่ว่ายังให้ผู้หญิงคนอื่นๆฉันตามไปโลกอื่นๆด้วยฉันทำแบบนั้นไม่ได้ ในท้ายที่สุดฉันก็ได้ตัดสินใจ และในตอนนี้ฉันรู้แล้ว ฉันไม่มีความคิดที่จะลังเลอีกต่อไป ภาพของหลินที่ยิ้มขึ้นมันมามันได้ทำให้ฉันรำคาญแต่ว่าฉันก็คงไม่มีทางเลือกอื่น

[เจ้าฆ่าราชาอีกตน! แล้วก็ยังมาหาข้า! ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าสิงโตนั่นตายแล้วสินะ! น่าสนใจ น่าสนใจจริงๆ!]

ราชาตนนี้ได้คำรามออกมา ฉันได้พอจะรู้ในความสามารถของมันแล้วในทันที มันไม่ได้มีความสามารถในการควบคุมอุณหภูมิที่สูงอย่างลาวา มันไม่ได้มีความสามารถในการปกปิดตัวตนจากโลก มันไม่ได้มีพละกำลังที่มหาศาลหรือควบคุมกรดพิษ และมันก็ไม่ได้ควบคุมศพ มันก็แค่ควบคุมอารมณ์ความรู้สึกของทุกสิ่ง

เสียงของมันได้ทำให้เกิดระลอกคลื่นภายในหัวใจของผู้คน แม้แต่นักรบที่แข็งแกร่งหรือจอมเวทย์ผู้ทรงพลังก็ยังคงเป็นเพียงแค่มนุษย์ธรรมดาในตอนที่จิตใจแตกสลาย พลังของราชาตนนี้คือการทำลายจิตใจของผู้คนและพาคนๆนั้นไปสู่ความพินาศ

ฉันรู้สึกประหลาดใจมากที่ฮวาหยายังคงรอดอยู่แม้ว่าจะเผชิญหน้ากับเจ้าตัวแบบนี้มาหลายสิบนาที ในเวลาเดียวกันฉันก็เข้าใจอีกด้วยว่าทำไมฮวาหยาถึงได้พูดในสิ่งที่เธอไม่เคยพูดออกมาหากเป็นตามปกติ ฉันได้ตระหนักถึงความเสียวสันหลังขึ้นมาได้

ฮวาหยาได้มาถึงขีดจำกัดของเธอไปแล้ว หากฉันมาช้ากว่านี้ซักนิด

“ฮวาหยาเธอไม่เป็นไรนะ?”

ฉันได้ต่อต้านผลจากเสียงของราชาด้วยวิญญาณสัมบูรณ์และถามฮวาหยา ฉันคิดว่ามันอาจจะดีกว่าด้วยซ้ำหากว่าทำให้เธอเป็นลมไป แต่ว่าด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้คำตอบของฮวาหยาดูแปลกนิดๆ

“ใช่… ฉันสบายดี ฉันสบายดีมากๆเลย”

เมื่อฉันได้หันไปมองแก้มของฮวาหยาก็ได้ถูกย้อมด้วยสีแดงเหมือนกับเธอผลมะเขือเทศ

“เธอไม่เป็นไรจริงๆนะ!?”

“ฉันไม่เป็นไรสักนิด”

ฮวาหยาได้ตะโกนออกมา เสียงของเธอมันไม่ได้ฟังดูไม่เป็นอะไรเลยนะ!

“ฉันรู้สึกเหมือนว่าฉันสามารถจะฆ่ามันได้ตัวฉันเอง!”

“ฮวาหยาใจเย็นหน่อย!”

“ฉันจะไม่ตายชิน! ฉันยังไม่อยากตาย!”

ดวงตาของฮวาหยาได้ส่องแสงที่น่ากลัวออกมา เพลิงที่ร้อนแรงได้ถูกยิงเข้าใส่พวกลูกน้องที่พุ่งเข้ามาในทันที พวกมันได้ถูกเผาด้วยเพลิงขนาดใหญ่จริงๆ เมื่อคิดว่าฮวาหยายังคงมีพลังเพลิงแบบนี้อยู่ทำให้ฉันรู้สึกเคารพตัวเธอ

ฮวาหยาได้กางแขนออกมาและตะโกนขึ้น

“ฉันมีความสุขมากเลยล่ะและฉันก็มั่นใจว่าฉันจะต้องมีความสุขมากกว่านี้ในอนาคตแน่ๆ! แล้วฉันจะไปยอมตายได้ยังไงล่ะ!?”

“ฮวาหยา เธอ….”

“มารอดกันไปจนถึงตอบจบดีกว่าชิน! จนถึงตอนจบที่พวกเวรนี่ถูกบดขยี้จนหมดไป!”

ราชาได้ขยับร่างที่ไร้รูปแบบของมันเข้ามาทางเราในทันทีเหมือนกับว่ามันไม่พอใจกับการที่ฮวาหยามีกำลังใจคืนมาก เพียงแค่นี้มันก็ทำให้หัวใจของฉันเต้นผิดจังหวะไปแล้ว ความสิ้นหวังที่ยิ่งใหญ่ที่ฉันได้เอาชนะมันมาจนถึงตอนนี้ด้วยความหวังสำหรับอนาคตจู่ๆก็โผล่ขึ้นมาในหัวของฉัน

ความหวาดกลัวที่ยิ่งใหญ่จากการที่มันจ้องมาที่เรา

[เข้ามาสิฮีโร่ ร่างกายของเจ้าที่เอาชนะราชาแห่งสรรพสัตว์มา มาลองดูกันว่าเจ้าจะสามารถยืนหยัดต่อหน้าความกลัวของข้าได้ไหม!]

การต่อสู้ระหว่างราชาผู้ควบคุมอารมณ์กับเราได้เริ่มขึ้นแล้ว

Infinite Competitive Dungeon Society

Infinite Competitive Dungeon Society

Status: Ongoing

เหตุการณ์ดวงจันทร์แฝดคือจุดเริ่มต้นชองการเปลื่ยนแปลงทุกอย่าง

เพราะการปรากฏตัวของมอนสเตอร์และดันเจี้ยนในสังคมยุคใหม่ และผู้ที่ใช้ความสามารถของเขาต่อสู้กับมัน โลกได้กำลังเผชิญหน้ากับประวัติศาสตร์ครั้งใหม่

นี่คือกำเนิดขึ้นของแหล่งพลังงานชนิดใหม่ๆ และอาชีพดั้งเดิมมากมายได้หดหายไป

สามัญสำนึกปกติได้ถูกเปลื่ยนแปลงไปและจินตนาการได้กลายมาเป็นความจริง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท