Chapter 513: คนทรยศ
เสียงเคาะประตูเบาๆก็ทำให้จางเฮาจิงตื่นตระหนก ผู้มีพลังเหนือธรรมด้านพลังจิตจากอีกห้องหนึ่งก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร และยามสองคนที่ยืนอยู่ด้านนอกก็ไม่ได้แจ้งเกี่ยวกับการพบปะที่กระทันหันเช่นนี้ ดังนั้นจางเฮาจิงจึงกังวลเล็กน้อย เขาก็หายใจเข้าลึกๆและใจเย็นลง เขาก็คิดว่าเขานั้นตื่นตัวมากเกินไป แม้แต่เสียงเคาะประตูก็ทำให้เขากังวลได้แล้ว
“ใคร?” ผู้หญิงคนนั้นก็ถามขึ้นมา ในขณะที่เดินไปทางประตู ทันทีที่ผู้หญิงคนนั้นเปิดประตูออกมา เธอก็มึนงง
จางเฮาจิงที่กำลังถือกล่องข้าวและกำลังจะกินมัน ก็รู้สึกว่ามันผิดปกติ
“มีอะไร?” จางเฮาจิงถามออกมา ยังไงก็ตาม ผู้หญิงของเขาก็มัวแต่ยืนตรงนั้นและจ้องไปที่คนที่อยู่หน้าเธอ
‘เจียงลู่ฉี!’
ทหารสองคนที่ยืนเฝ้าประตูก็เหมือนกับจะไม่สังเกตเห็นเจียงลู่ฉีและสองสาวที่ยืนข้างเขา มันเป็นเรื่องปกติ ซึ่งพวกเขาตกอยู่ในการควบคุมของหลันซิหยู่ ที่เป็นเรื่องง่ายสำหรับเธอ
ภรรยาของจางเฮาจิงก็ไม่กล้าที่จะหายใจย เมื่อมีดที่แหลมคมของหลิงนั้นพาดไปที่คอของเธอ ความเย็นที่สัมผัสกับผิวหนังของเธอนั้นทำให้ร่างกายของเธอนั้นขนลุกไปทั้งตัว
หลิงที่ยืนอยู่ด้านข้างเจียงลู่ฉีก็พาดมีดบนคอของเธอทันทีที่ประตูเปิดออก ผู้หญิงคนนั้นก็ยังไม่ทันที่จะตั้งตัวเลยแม้แต่น้อย
เจียงลู่ฉีก็ยิ้มออกมาอย่างเย็นชา เขาก็ทำท่า จุ๊ๆ ให้กับหญิงสาว
แล้วเธอจะกล้าพูดออกมาได้ยังไงกัน? คมมีดสามารถที่จะตัดผ่านผิวหนังของเธอได้ในทุกขณะ
ในจังหวะนั้นเอง จางเฮาจิงก็รู้สึกถึงลางร้าย ร่างกายของเขารู้สึกอ่อนแอและหัวใจของเขาก็เริ่มที่จะเต้นระรัว เขาก็ยื่นมือของเขาไปกดปุ่มแจ้งเตือนที่ข้างเตียงของเขายังไม่ลังเล แต่มันก็สายเกินไป เจียงลู่ฉีก็เคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่สูงมากและหยุดเขาไว้
“ขยับสิ และฉันจะฆ่านายทิ้งซะ” เจียงลู่ฉีก็กระซิบไปที่ข้างหูของจางเฮาจิง
ในเวลาเดียวกัน จางเฮาจิงก็รู้สึกว่าหัวของเขากดลงไปโดยแรงที่แปลกประหลาด เสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือของเขาก็ไม่ดังออกมา
จางเฮาจิงก็มองเห็นเจียงจู้อิงและหลิงที่กำลังจับกุมผู้หญิงของเขาลางๆ ที่ซึ่งพวกเธอกำลังเดินเข้ามาและปิดประตูอย่างนุ่มนวล หลังจากนั้น เขาก็หันหัวไปเห็นปากกระบอกปืนอันเยียบเย็นกำลังจ่อมาที่หัวของเขา ซึ่งมันทำให่ร่างกายของเขาแข็งทื่อ
แม้แต่ก่อนที่จะเป็นศัตรูกับทีมฉี่หยิงแล้ว จางเฮาจิงก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา แต่มีเพียงแค่ในตอนนี้เท่านั้นที่จางเฮาจิงจะตระหนักได้ถึงความจริงข้อนี้ได้ ซึ่งเขาได้ประเมินความแข็งแกร่งของทีมฉี่หยิงได้ต่ำต้อยเกินไป แม้แต่โรงพยาบาลของเจียงหนิงที่มีการเฝ้ายามอย่างแน่นหนาแล้ว ทีมฉี่หยิงก็ยังลอบเข้ามาได้อย่างง่ายดาย มันเหมือนกับว่าพวกเขาเป็นทีมที่ทรงพลังอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่อยู่ห้องข้างๆ หรือยามที่อยู่ด้านนอก มันก็ไม่มีใครเลยที่สังเกตพบและพยายามหยุดพวกเขา
จางเฮาจิงก็รู้สึกสิ้นหวัง เมื่อเขาพึ่งจะตระหนักถึงมันได้ว่าต่อหน้าทีมเจียงลู่ฉีแล้ว เขามันก็ไม่ได้แตกต่างไปจากมดเลย
“นายควรที่จะร่วมมือกับฉันนะ ไม่สำคัญว่านายจะทำอะไร ในระยะแค่นี้แล้ว มันก็สายเกินไปอยู่ดี” เจียงลู่ฉีพูดออกมา
จางเฮาจิงรู้สึกสิ้นหวัง ไม่เพียงแต่เจียงลู่ฉี แม้แต่หลันซิหยู่ก็ยังทรงพลังยิ่งกว่าเขา เขาก็ยังตกอยู่ภายใต้การควบคุมทางจิตใจของหลันซิหยู่
เขาอยากที่จะทลายมันลงไป แต่เขาก็ไม่มีโอกาสที่จะได้ทำมัน ทั้งโรงพยาบาลนั้นยังคงเงียบสงบอยู่ ไม่มีใครเลยที่รับรู้ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องของเขา
“ใครเป็นคนให้การดูแลที่ยอดเยี่ยมแบบนี้กับนาย?” เจียงลู่ฉีถาม
“ทำไมฉันต้องบอกนายด้วยวะ? ถ้าฉันบอกนายไป นายจะปล่อยฉันไปงั้นเหรอ?” จางเฮาจิงถามกลับ เขาไม่ได้โง่เลยแม้แต่น้อย เขารู้ดีว่ามันเป็นเรื่องที่ไร้ประโยชน์ที่จะขอความเมตตาจากเจียงลู่ฉี
“ถ้านายฆ่าฉัน นายก็จะไม่ได้มีชีวิตอยู่นานสักเท่าไหร่หรอก จุดจบของนายก็คงไม่ได้ดีไปกว่าฉันหรอก” จางเฮาจิงพูดออกมาอย่างชั่วร้าย เพียงเวลาไม่นานที่เขาคิดถึงจุดจบของเจียงลู่ฉีแล้ว จางเฮาจิงก็รู้สึกถึงความสุข แม้แต่ความหวาดกลัวต่อความตายก็ยังลดลงไป
“ฉันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้เลย! ได้โปรด! อย่าฆ่าฉันเลย!” ผู้หญิงคนนั้นก็ร้องออกมา ยังไงก็ตาม เธอก็ไม่กล้าที่จะส่งเสียงตะโกนออกมา
จางเฮาจิงก็รู้สึกหงุดหงิดและจ้องไปที่เธอด้วยดวงตานองเลือด
เจียงลู่ฉีหันกลับไปมองเธอ แล้วเขาก็ถามออกมา “บอกฉันมา เธอรู้อะไรบ้าง?”
“ยัยกระหรี่! หุบปากซะ! อย่าคิดที่จะทรย…” เสียงของจางเฮาจิงก็ดังก้อง แต่มันก็หยุดลงจากกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านไปทั่วร่างของเขา เขาก็เริ่มที่จะสั่นสะท้านอย่างรุนแรง และเสียงของเขาก็ได้ตายลงไป ความเจ็บปวดจากกระแสไฟฟ้าอันหนักหน่วงทำให้เขาล้มลงไปบนเตียงอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อหญิงสาวเห็นดวงตาของจางเฮาจิง ที่แทบจะถลนออกมาจากเบ้าและกระแสไฟฟ้านั่นแล้ว เธอก็หวาดกลัว และร่างกายของเธอก็สั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้
เจียงจู้อิงก็ฉีกยิ้มกว้างออกมา ในขณะที่เล่นกับวงแหวนไฟฟ้าบนนิ้วมือของเธอ กระแสไฟฟ้าก็เหมือนกับสัตว์เลี้ยงที่แสนเชื่อง เมื่ออยู่ต่อหน้าเธอ เธอก็ได้ยินมาจากหลันซิหยู่ เกี่ยวกับเรื่องที่ต่ำทรามที่จางเฮาจิงทำมันมาในอดีต และเธอก็เชื่อว่าเขาเป็นพวกต่ำช้าด้วยเช่นกัน ด้วยเหตุนี้นี่เอง เธอจึงตัดสินใจนานแล้วที่จะลงโทษชายที่เลวทรามคนนี้
เจียงลู่ฉีก็มองไปที่ผู้หญิงคนนั้นและพูดออกมา “พูด” เขาเชื่อว่าเหตุผลที่จางเฮาจิงกล้าที่จะทำตัวกล้าหาญเช่นนั้น เป็นเพราะว่าเขามีผู้หนุนหลังที่แข็งแกร่ง
“หลังจากเฮาจิงกลับมา เขาก็บอกทุกสิ่งทุกอย่างที่เขารู้เกี่ยวกับคุณกับชายคนหนึ่ง เขาก็บอกเรื่องของหลันซิหยู่ให้ชายคนนั้นฟังอีกด้วย โชคร้ายที่ฉันไม่รู้ว่าเขาคือใคร เขาบอกฉันว่า ชายคนนั้นเป็นคนที่ทรงพลังอย่างมากและเขาก็พลังที่จะแต่งตั้งเฮาจิงให้กลายเป็นบุคคลที่สำคัญในอนาคต… ได้โปรดเถอะค่ะ เชื่อฉันด้วยเถอะ! ฉันเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาทั่วไปเท่านั้น เฮาจิงเพียงคนเดียวที่ต้องการเตะเจียงเซี่ยวฉู่และครอบครัวของเธอออกไป ฉันไม่สามารถที่จะหยุดเขาได้เลย!” หญิงสาวคนนั้นก็พูดออกมาอย่างตื่นตระหนก
ในขณะที่ผู้หญิงคนนั้นกำลังแฉทุกสิ่งทุกอย่างออกมา และพยายามที่จะโกหกเพื่อหาทางออก กระแสไฟฟ้าของเจียงจู้อิงก็กำลังช็อตร่างกายของจางเฮาจิงอย่างต่อเนื่อง เขาก็เจ็บปวดกับบาดแผลอย่างมาก แต่ดวงตาของเขาก็ยังคงจดจ้องไปที่ภรรยาของเขา ที่ซึ่งไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเขาเลยแม้แต่น้อย
เธอไม่ต้องการที่จะอยู่อย่างอนาถเช่นนี้ และมีสายสัมพันธุ์กับจางเฮาจิงอีกต่อไป เธอพยายามอย่างดีที่สุดที่จะแสดงให้เห็นว่าพวกเธอไม่ใช่คู่สามีภรรยาที่มีความสุข ถ้าเธอสามารถที่จะบอกว่าเธอไม่ได้เกี่ยวข้องกับจางเฮาจิงได้ เธอก็คงจะทำไปแล้ว
“ยัยสารเลว!” จางเฮาจิงก็ฝืนความเจ็บพูดออกมาได้
“นายจะสบถออกมาทำไมกัน!? ฉันกำลังพูดเรื่องจริงอยู่!” ภรรยาของเขาพูดออกมา
“ตั้งแต่ที่เธอทรยศจางเฮาจิงแล้ว ฉันจะเชื่อได้ไงว่าเธอจะไม่กล้าทรยศฉันด้วย?” เจียงลู่ฉีถามออกมา
“ฉัน… ฉันสาบานว่าฉันจะไม่พูดอะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้!”
เจียงลู่ฉีก็ยังคงเงียบและจ้องไปที่เธออย่างใจเย็น
ยังไงก็ตาม ในที่สุด ผู้หญิงคนนั้นก็รับแรงกดดันไม่ไหว เธอก็กรีดร้องออกมาและพยายามที่จะวิ่งไปทางประตู “ช่วยด้วย!”
ในเวลาเดียวกัน เธอก็รู้สึกถึงของเหลวร้อนๆที่ไหลออกมาจากคอของเธอ เสียงกรีดร้องของเธอก็แหบแห้งจนกระทั่งมันไม่มีเสียงที่ดังออกมา คอของเธอนั้นถูกตัดออก หลังจากที่ตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เธอก็ล้มลงกับพื้นและร่างของเธอก็สั่นเล็กน้อย ไม่นานหลังจากนั้น เธอก็ปลดปล่อยลมหายใจสุดท้ายออกมา
“เป็นผู้หญิงที่โง่เง่าอะไรเช่นนี้…” จางเฮาจิงกระซิบออกมา ภรรยาของเขาเป็นคนที่เก็บความลับได้จริงๆ
เมื่อเจียงลู่ฉีจ้องไปที่เธอ ความรู้สึกผิดก็ถาโถมเข้าหาเธอ ถ้าไม่ใช่แบบนั้นแล้วละก็ เธอจะเสียสติและร้องหาความจายเช่นนั้นทำไมกัน?
“นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของนายแล้วนะ เขาคือใคร? ถ้านายตอบ ฉันจะให้ความตายที่รวดเร็วและไม่เจ็บปวดกับนาย” เจียงลู่ฉีพูดออกมา
จางเฮาจิงก็ปกคลุมไปด้วยเหงื่อ หลังจากที่ได้ยินมัน ในตอนนี้เขาก็เจ็บปวดมากเกินพอแล้ว และถ้าเขาลังเลแล้วละก็ เจียงจู้อิงก็คงจะปลดปล่อยกระแสไฟฟ้ามาอีกแน่ๆ
“นายควรที่จะคิดเกี่ยวกับมันดีๆนะ เมื่อเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติแล้ว นายก็ได้รับการพัฒาทางร่างกายมา ซึ่งมันหมายความว่านายสามารถที่จะทนการทรมานนี้ได้อย่างน้อยก็ชั่วโมงหนึ่ง ในตอนที่พวกเราจัดการนายเสร็จแล้ว ผิวหนังและอวัยวะภายในทั้งหมดของนายก็คงถูกเผาแล้วละ…. ฉันพนันได้เลยว่ามันคงจะเป็นประสบการณ์การโดนทรมาณที่แสนเจ็บปวด” เจียงจู้อิงพูดออกมา ในตอนนี้เธอสามารถที่จะควบคุมพลังไฟฟ้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ
“เอาเถอะ ฉันน่าจะให้นายได้ลิ้มรสมันดูสักนิด” เจียงจู้อิงพูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม ไม่ว่ามันจะเป็นใครก็ตาม ตราบเท่าที่ใครบางคนต้องการทำร้ายพี่ชายของเธอแล้ว เจียงจู้อิงก็จะลงโทษพวกมันอย่างหนัก
เจียงจู้อิงก็ปลดปล่อยกระแสไฟฟ้าออกมาอีกเส้นหนึ่งใส่ร่างของเขา กระแสไฟฟ้าก็ไหลผ่านไปตั้งแต่หัวจรดตีน ลูกตาของเขาก็แทบจะไหม้ ในขณะที่ผิวหนังของเขาแดงฉาน และส่งกลิ่นไหม้ออกมา
“ชา…. เจ็บปวด…ความดันเลือดสูง… การหายใจที่ยากลำบาก… ฉันจะให้นายได้ลิ้มลองพวกมันทั้งหมด” เจียงจู้อิงพูด ทุกครั้งที่เธอพูดออกมา เธอก็จะช็อคร่างกายของจางเฮาจิงไปด้วย
ในตอนสุดท้าย จางเฮาจิงก็ไม่สามารถที่จะทนพิษบาดแผลได้ “ฉันจะพูด!” น้ำเสียงของเขานั้นแสดงให้เห็นถึงความไม่ยินยอมและความเกลียดชัง เขาหวังว่าเจียงลู่ฉีจะพบกับจุดจบที่แสนอนาถ ที่ซึ่งเลวร้ายกว่าบาดแผลที่ไม่อาจรับไหวของเขาในเวลานี้
…
ทหารสองนายที่ยืนเฝ้ายามอยู่ด้านหน้าประตูก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยจากภายในห้อง เมื่อพวกเขาตกอยู่ในภาพลวงตา ก่อนที่เจียงลู่ฉีจะเปิดประตู การแสดงออกของเขาก็ดูตึงเครียดอีกครั้งหนึ่ง หลังจากนั้นพวกเขาก็มองไปที่เจียงลู่ฉีและสองสาวที่เดินออกมา แม้แต่เจียงลู่ฉีที่กำลังหันหลังไปปิดประตู ทหารทั้งสองก็ยังนิ่งเฉยและไม่สนใจพวกเขาเลย มีเพียงแค่หลังจากที่พวกเขาออกจากโรงพยาบาล ทหารทั้งสองจึงค่อยกลับมาเป็นปกติ ยังไงก็ตาม พวกเขาก็ยังไม่ได้ตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องนั้นอยู่ดี พวกเขาก็ไม่ได้รับรู้เลยว่าชายที่เขามีหน้าที่ต้องปกป้องนั้นตายไปแล้ว
…
หลังจากที่ขึ้นไปบนรถมินิบัส เจียงลู่ฉีก็หายใจเข้าลึกๆ
หลันซิหยู่ก็เปิดตาของเธอและมองไปที่พวกเขา “ขอบคุณค่ะ”
เจียงลู่ฉียิ้ม “ในครั้งนี้ ความสามารถทางจิตใจของเธอนั้นทำให้ทุกอย่างมันง่ายขึ้นมาก”
ถ้าพวกเขาไม่ได้มีการช่วยเหลือของหลันซิหยู่แล้ว มันก็คงจะเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้สำหรับพวกเขาที่จะเข้าไปในโรงพยาบาล พลังจิตเป็นสิ่งที่ยากมากในการป้องกันมัน แม้แต่ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติด้านพลังจิตที่อยู่ในโรงพยาบาลก็ยังล้มเหลวที่จะป้องกันพลังของหลันซิหยู่
“อีกไม่นานพวกเขาก็จะพบว่าพวกนั้นได้ตายไปแล้ว ดังนั้นพวกเราควรที่จะไปจากที่นี่ในทันที” หลันซิหยู่พูด
เธอก็ได้หยุดยับยั้งพลังของผู้มีพลังเหนือธรรมชาติด้านพลังจิตคนนั้นแล้ว ดังนั้นมันก็คงไม่กี่นาทีที่เขาค้นพบว่าแสงสว่างสองดวงในห้องได้หายไป
“ไปกันเถอะ” เจียงลู่ฉีพูด และหยิงก็เหยียบคันเร่ง รถมินิบัสของเจียงลู่ฉีก็จางหายไปในความมืด
ไม่นานหลังจากที่พวกเขาออกเดินทางไป เสียงเตือนของโรงพยาบาลเจียงหนิงก็ดังขึ้น และทหารมากมายก็วิ่งออกมาจากค่ายทหารที่อยู่ข้างมัน ผู้อาศัยที่อยู่รอบๆแทบทั้งหมดต่างตื่นขึ้น
“เกิดอะไรขึ้นกัน?” ผู้คนต่างสงสัย
ที่ตรงนั้นเป็นส่วนกลางของพื้นที่ปลอดภัยเจียงหนิง มันมีสัตว์ป่ากลายพันธุ์หรือซอมบี้ปรากฏตัวขึ้นอย่างงั้นเหรอ?