Chapter 516: หวังฉี่ชี
หลังจากการประชุมกันจบแล้ว นายพลจางก็ดูเหมือนจะได้รับออร่าวัยเยาว์กลับมา เขาดูเหมือนกับชายหนุ่มอีกครั้งหนึ่ง เมื่อเขาเต็มไปด้วยอารมณ์ ความมุ่งมั่น ถึงแม้ว่าอันตรายกำลังจะเคาะมาที่ประตูบ้านของพวกเขาแล้วก็ตามที พวกเขาก็ไม่ได้หวาดกลัว เนื่องจากว่าพวกเขาร่วมมือกัน พื้นที่ปลอดภัยที่ร่วมมือกันแบบนี้จะแตกสลายได้อย่างง่ายดายได้ยังไง
“นายพลครับ ให้พี่น้องของคุณมุ่งไปยังแถวหน้าแทนคุณเถอะ คุณควรที่จะอยู่ที่นี่และและคอยคุมสถานการณ์ไว้ดีกว่านะ” ชายที่อยู่ข้างนายพลจางพูดออกมา เขากังวลเกี่ยวกับนายพล เมื่อเขานั้นแก่แล้วและก็ยังได้รับบาดเจ็บจากเกาะเชนไฮ่อีกด้วย โชคยังดีที่เขาได้รับการช่วยเหลือไว้ทัน แต่บาดแผลเก่าก็ยังคงเหลือทิ้งไว้บนตัวของเขา ซึ่งมันก็ไม่สามารถที่จะรักษาได้
หลังจากได้ยินคำพูดของเขาแล้ว นายพลจางก็ใจเย็นลงและพูดออกมา “หลังจากที่ได้รับประสบการณ์ใหม่ๆและโลกที่บัดซบนี่ ฉันก็เอาแต่ถามตัวเองอยู่กับคำถามเดิมๆ ถ้าฉันคอยอยู่ด้านหลังและคอยดูครอบครัวของฉัน รวมทั้งลูกน้องของฉันสู้จนตัวตาย ฉันจะรู้สึกเสียใจไหม? แน่นอน ฉันรู้สึกแน่นอน! ในเมื่อมันเป็นแบบนี้แล้วละก็ ฉันก็ตัดสินใจที่จะสู้กับทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันมี เมื่อตอนที่ฉันยังเด็ก ฉันก็เลือกที่จะเป็นทหารเพราะเหตุผลนี้ ฉันจะสู้ไปกับสหายของฉัน ไม่งั้นแล้ว ฉันก็คงจะต้องรู้สึกเสียใจและเกลียดตัวเองแน่ๆ” ดวงตาของเขาก็กลับกลายเป็นมั่นคงและเงียบสงบ “ฉันแก่แล้วก็จริง แต่มันก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะเลิกหยุดสู้ ถ้าฉันมัวแต่ซ่อนภัยต่อทุกหายนะ ชีวิตของฉันมันก็คงไร้ความหมายเป็นแน่”
ชายที่อยู่ข้างนายพลจางก็เงียบสงัดไปหลังจากที่ได้ยิน หลังจากนั้นเขาก็ทำท่าเคารพของทหารอย่างมุ่งมั่น เขาก็พูดออกมาว่า “ผมก็พร้อมที่จะมีชีวิตอยู่และตายไปกับเจียงหนิงด้วยครับ!”
“ฮานหยวนได้สั่งนายให้เลือกทีมผู้รอดชีวิตหรือยัง?” นายพลจางถาม
“ใช่ครับ เขาได้สั่งผมไว้แล้วครับ”
“มันเป็นทีมที่อยู่ในพื้นที่ปลอดภัยหรือเปล่า? ถ้านฮานหยวนสามารถโน้มน้าวเจียงลู่ฉีได้แล้วละก็ งานนี้มันก็คงจะง่ายขึ้นเยอะ” นายพลจางพูดเพิ่มเติม
“คุณพูดถึงทีมที่คุณตั้งความหวังไว้สูงใช่ไหมครับ?” ชายคนนั้นก็ถามออกมาอย่างสงสัย เขาก็เคยได้ยินเกี่ยวกับนายพลจางพูดเกี่ยวกับทีมผู้รอดชีวิตนี้มาแล้วหลายต่อหลายครั้งแล้ว
“ตั้งแต่ที่มันเป็นแบบนี้แล้ว ทำไมพวกเราไม่ควรที่จะเชิญพวกเขามาตรงๆเลยละครับ” ชายคนนั้นถาม
ภูมิภาคฮัวเซียและพื้นที่ปลอดภัยเจียงหนิงก็ต้อนรับผู้รอดชีวิตที่มีความสามารถ ถึงแม้ว่าผู้คนมากมายจะบ่น พื้นที่ปลอดภัยเจียงหนิงก็ได้ก่อตั้งขึ้น ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดที่พวกเขาพบเจอก็คือทีมผู้รอดชีวิตไม่ได้ทำตามกฏของพวกเขา ยังไงก็ตาม หลังจากที่หน่วยพิเศษจากผู้รอดชีวิต ปัญหาส่วนนี้ก็ได้รับการแก้ไข
“ฉันได้เชิญเขามาเข้าร่วมกับพวกเราแล้ว แต่เขาก็ปฏิเสธไป มันน่าเศร้าจริงๆ บางที เขาอาจจะตกลงกับครั้งนี้ก็ได้ สุดท้ายแล้วเขาก็จำเป็นหาที่อยู่สำหรับอนาคตเหมือนกัน” นายพลจางพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง
‘ถ้าเจียงลู่ฉีตัดสินใจที่จะพาทีมมาที่นี่ ทุกสิ่งมันก็คงดีขึ้นมาก’ นายพลจางคิด
“กลับกันเถอะ พวกเราควรที่จะพาทหารของพวกเราไปเตรียมตัวออกรบ” นายพลจางพูด
เมื่อพวกเขากำลังออกไป คนหลายคนก็มองไปที่พวกเขา ซึ่งก็คือลูกน้องของฮานหยวน
“นายพลจางดูเป็นคนที่สุดยอดมากเลย” ฮานหยวนพูด “พื้นที่ปลอดภัยเจียงหนิงนี่ค่อนข้างโชคดีนะ ที่มีนายพลที่ดีเช่นนี้” นายพลจางก็สร้างแรงบันดาลใจให้กับเจ้าหน้าที่ฮวงและเจ้าหน้าที่คนอื่น
อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้น การแสดงออกของฮานหยวนก็เปลี่ยนไป เขาก็ถามด้วยน้ำเสียงต่ำออกมา “แล้วชายคนนั้นละ?”
“จางเฮาจิงค่ะ” หญิงสาวที่มีหน้าตาธรรมดาทั่วไปก็ตอบกลับมาในทันที เธอก็สวมแว่นหนา และยืนอยู่ด้านหลังตลอดเวลา
ฮานหยวนพยักหน้าให้กับเธอและพูดอย่างอ่อนโยน “โอ้ ใช่ ฉันลืมไปเลย ขอบคุณนะ หวันยี่หลิง”
“แต่จางเฮาจิงถูกฆ่าไปแล้วเมื่อคืนนี้” ฮานหยวนอธิบาย
ไป๋เจียหยานตกตะลึง แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“ที่จริงแล้ว ฉันไม่ต้องกังวลเกี่ยบวกับจางเฮาจิงหรอก ฉันค่อนข้างสนใจที่ว่าทำไมเขาถึงได้กลัวขนาดนั้น นั่นคือเหตุผลว่าทำไมฉันถึงได้ส่งคนไปปกป้องเขา ฉันแค่ต้องการที่จะรู้ว่า สิ่งที่เขากังวลมันจะเกิดขึ้นหรือไม่” ฮานหยวนพูด
ถ้าจางเฮาจิงสามารถที่จะได้ยินคำพูดของเขาแล้วละก็ เขาก็คงจะไอออกมาเป็นเลือดแน่ๆ ฮานหยววนนั่นปกป้องเขาก็เพื่อที่จะพิสูจน์ความสามารถของเจียงลู่ฉีเพียงเท่านั้น
“ความจริงมันดังกว่าคำพูดอยู่เสมอๆแหละ ไม่ว่าผู้มีพลังเหนือธรรมชาติด้านพลังจิตจะอยู่ห้องข้างๆ หรือจะเป็นทหารที่ยืนเฝ้ายามอยู่ด้านนอก ที่ไม่สังเกตเห็นอะไรเลย จะมีใครที่สามารถทำเรื่องแบบนั้นให้สำเร็จได้อีกกันละ?” ฮานหยวนถาม
ลูกน้องของเขาทั้งหมดก็ส่ายหัวกันทั้งหมด
หวันยี่หลิงก็ดันแว่นและพูดออกมา “ตั้งแต่ที่พวกเขาประสบความสำเร็จในการเข้าไปในโรงพยาบาล โดยที่ไม่โดนจับได้ มันก็หมายความว่าพวกเขามีผู้มีพลังเหนือธรรมชาติด้านพลังจิตที่ทรงพลังอย่างมากเป็นแน่ค่ะ”
ฮานหยวนพยักหน้า “จางเฮาจิงก็พูดถึงเหมือนกัน ว่ามีผู้มีพลังเหนือธรรมชาติด้านพลังจิตที่แข็งแกร่งอย่างมากในทีม มันหมายความว่าทีมฉี่หยิงก็มีค่าเท่ากับที่จางเฮาจิงพูดเลย”
“ไป๋เจียหยาน นายเคยเห็นพวกเขาสู้มาก่อนแล้ว ดังนั้นบอกพวกเราเกี่ยวกับเขามาแบบละเอียดด้วย หวันยี่หลิง เธอควรที่จะจดสิ่งที่เขาพูดออกมาไว้นะ” ฮานหยวนสั่ง
“ได้ค่ะ” หวันยี่หลิงตอบกลับ
…..
เจียงลู่ฉีก็รอคอยอยู่ในห้องของเขาตลอดทั้งวัน แต่หวังฉี่ชีก็ไม่ได้ติดต่อเขากลับมา
‘ฉันควรที่จะไปหาหวังฉี่ชี’ เจียงลู่ฉีพูดกับตัวของเขาเอง
พวกเขาเคยไปยังแผนกโลจิสติกส์มาก่อนแล้ว ดังนั้นหยิงจึงขับรถไปที่นั่นได้อย่างรวดเร็ว เมื่อหลุมดำเข้ามาใกล้ แผนกโลจิสติกส์ก็วุ่นวายมากกว่าปกติ
“สวัสดีครับ ผมมาหาหวังฉี่ชี” เจียงลู่ฉีพูด
“หวังฉี่ชี?” เจ้าหน้าที่มองไปที่เจียงลู่ฉีและกำลังจะเชคแอนด์ แต่เขาก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังมาก่อน
“วางไว้ที่นี่เลย ใช่ๆ ของพวกนั้นก็วางไว้ตรงนั้นทั้งหมด” หวังฉี่ชีก็สวมชุดคลุมทั้งตัวและก็พยายามอย่างยากลำบากในการแบกเสื้อ กระเป๋าใบหนึ่งก็สูงกว่าหนึ่งเมตร ดังนั้นเธอจึงขนมันไปได้อย่างยากลำบาก
“หวังฉี่ชี?” เจียงลู่ฉีก็เดินตามเสียงไปและมองเห็นเธอ
หวังฉี่ชีก็ตกใจและหันกลับไปมองอย่างละอายใจ
“เจียงลู่ฉี ฉันขอโทษจริงๆค่ะ… วันนี้ฉันยุ่งมาก ดังนั้นฉันจึงไม่มีโอกาสที่จะไปเรียกคุณเลยค่ะ” หวังฉี่ชีก็พูดออกมาอย่างรู้สึกผิด
“ทำไมเธอทำอะไรแบบนี้กัน?” เจียงลู่ฉีถาม
“มันมีคนไม่พอค่ะ” หวังฉี่ชีตอบแล้วก็ก้มหัวของเธอลง
“หยิง เรียกจางไฮ่และซุนคุนให้ลงมาช่วยซะ” เจียงลู่ฉีก็สั่งออกมา หลังจากนั้นเขาก็พาหวังฉี่ชีไปด้านข้างและถามออกมา “แล้ววัตถุดิบที่ฉันจำเป็นต้องใช้ละ?”
หวังฉี่ชีก็มีท่าทางอายๆแล้วก็พูดออกมา “ใช่ ฉันค้นหาวัตุดิบที่นายต้องการทั้งหมดเจอแล้ว แต่….เจ้าหน้าที่หวันพูดว่าพวกเราไม่สามารถที่จะขายวัตถุดิบในยามคับขันเช่นนี้ได้ ฉันก็ได้พูดเรื่องนี้กับเธอมานานแล้ว แต่มันก็ไร้ประโยชน์ค่ะ ฉันไม่มีอำนาจพอที่จะตัดสินใจอะไร” ที่จริงแล้ว หวังฉี่ชีก็ช่วยยกเสื้อผ้าพวกนี้ ก็เพราะหวันหลานสั่งให้เธอทำมัน
ในตอนแรก หวังฉี่ชีก็พยายามแอบที่จะทำแล้ว แต่สุดท้ายแล้วหวันหลานก็จับเธอได้
“หวันหลาน?” เจียงลู่ฉีถาม
เขาก็ปฏิบัติกับเธอเหมือนกับแมลงวันที่น่ารำคาญ แต่ก็ไม่เคยคาดคิดเลยว่าเธอจะยังทำตัวแบบนี้อีก
“เธออยู่ที่ไหน?” เจียงลู่ฉีถาม
หวังฉี่ชีก็เริ่มกังวล เมื่อน้ำเสียงของเจียงลู่ฉีนั้นใจเย็นอย่างไม่น่าเชื่อ เธอก็ค่อนข้างคุ้นเคยกับนิสัยของเจียงลู่ฉี “เจียงลู่ฉี หวันหลานมีหน้าที่รับผิดชอบในการตัดสินใจทุกสิ่งทุกอย่าง ในแผนกโลจิสติกส์ แม้ว่าคุณจะฆ่าเธอได้ คุณจะไม่ได้รับวัตถุดิบอะไรอยู่ดี โดยปราศจากการอนุมัติ คุณควรที่จะคิดหาวิธีที่ดีขึ้น ในการโน้มน้าวให้เธอยกวัตถุดิบให้กับคุณ” หวังฉี่ชีก็รีบพูดออกมาอย่างรวดเร็ว เธอสามารถที่จะบอกได้ว่าเจียงลู่ฉีนั้นเกลียดหวันหลาน
เจียงลู่ฉ๊ก็เงียบสงัด หลังจากได้ยินคำอธิบายของเธอ เขาก็ตกลงกับเหตุการณ์ของหวังฉี่ชี
“ไม่ต้องกังวลไป ฉันจะทำการแลกเปลี่ยนกับเธอนะ” เจียงลู่ฉีพูด
“จริงเหรอคะ?” หวังฉี่ชีถามอย่างระมัดระวัง
เจียงลู่ฉีพบว่าการแสดงออกของเธอมันค่อนข้างตลก และเขาก็ถามออกมา “ฉันดูเหมือนเป็นปีศาจในสายตาเธองั้นเหรอ?”
เมื่อหวังฉี่ชีนั้นเข้าใจผิดกับการกลั่นแกล้งของเจียงลู่ฉี เธอก็อธิบายออกมา “พูดตามตรงแล้ว มันอาจจะดูเหมือนว่าคุณนั้นอ่อนโยน แต่ฉันกลัวคุณเล็กน้อยจริงๆนะ มีเพียงยู่ซินเท่านั้นแหละ ที่คุณไม่เพียงแค่อ่อนโยน แต่ยังยอดเยี่ยมไปในทุกๆด้าน”
“จริงเหรอ?” เจียงลู่ฉีถามออกมาด้วยความตื่นเต้น เขาก็ไม่รู้ว่ายู่ซินนั้นชื่นชมเขาแบบนั้น
“จริง เธอก็คอยเอาแต่พูดเรื่องนี้ เมื่อตอนที่พวกเราอยู่ในเกาะเชนไฮ่ ทำไมคุณถึงคิดว่าเธอตัดสินใจที่จะเข้าร่วมทีมของคุณแบบนี้กัน โดยปราศจากความลังเลเช่นนี้กันละ? ยู่ซินบอกฉันว่า ถ้าเธอสามารถที่จะไปกับคุณและทำสิ่งต่างๆได้อย่างมีความหมายแล้ว มันก็คงน่าจะยอดเยี่ยมมากๆเลยละ เธอคิดว่าการเดินทางไปกับค ณ มันคงจะดีกว่าการอาศัยอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยที่ปลอดภัยที่สุด” หวังฉี่ชีอธิบาย
เจียงลู่ฉีก็ประหลาดใจอย่างมาก เขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าหญิงสาวที่ขี้อายและเงียบๆอย่างหลี่ยู่ซินจะมีความฝันที่สุดแสนโรแมนติคเช่นนี้ ถ้าหวังฉี่ชีไม่ได้บอกเขา เขาก็คงจะไม่เคยคิดเกี่ยวกับมันเลย
หวังฉี่ชีก็ไปถามหวันหลานอีกครั้งหนึ่ง และหลังจากที่กลับไป เธอก็พูดอีก “เธอนั้นยุ่งอยู่และไม่มีเวลามากที่จะเห็นเธอ”
เจียงลู่ฉีก็คาดไว้แล้วกับผลลัพธ์แบบนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้รู้สึกโกรธ
“เรียกเธอซะ” เจียงลู่ฉีพูด
“เธอก็ยังพูดอีกว่าไม่ต้องเรียกเธอ…. เธอพูดว่าเธอไม่สามารถที่จะช่วยคนแบบคุณได้…. ตั้งแต่ที่คุณสนิทกับนายพลจาง คุณก็ควรที่จะขอความช่วยเหลือจากเขาแทน…” หวังฉี่ชีกระซิบ
เธอกังวลว่า ถ้าเจียงลู่ฉีโกรธ เขาอาจจะขับรถมินิบัสฝ่าเข้าไปในตึกและถล่มตึกทิ้งซะ!