ตอนที่ 117 ถ้าโลกทั้งใบทรยศฉัน จะทำยังไง?
ด้วยระดับพลังของหวังลิ่งในตอนนี้ แม้แต่ร่างโคลนของเขาก็มีพลังที่สูงด้วย ในการที่จะควบคุมร่างนี้เขาก็ต้องใช้พลังและสมาธิอย่างมากเช่นกัน
แล้วแบบนี้เขาจะมีสมาธิดูซีรี่ย์หรอ?
เมื่อหวังลิ่งรับรู้ถึงพลังวิญญาณของผู้ฝึกตนระดับแก่นแท้วิญญาณสิบคนข้างนอกนั่น เขารู้สึกเหมือนโดนเทพมือระเบิดหลอกใช้อีกครั้ง
ก่อนหน้านี้เขาคิดว่ามันเป็นแค่การเฝ้าหน้ากากแทนเทพมือระเบิดธรรมดาๆ ในระหว่างที่เจ้าตัวต้องไปร่วมงานประชุมผู้ปกครองในฐานะผู้ปกครองหวังลิ่ง เขาจึงแค่ส่งร่างโคลนมา
ใครจะไปคิดว่าแลนด์สเคปเมเนอร์จะส่งคนมาถึงสิบคน มิหนำซ้ำยังมีระดับถึงแก่นแท้วิญญาณเสียด้วย…
แน่นอนว่าถ้าหากร่างจริงอยู่ที่นี่เขาก็คงไม่จำเป็นต้องกังวลอะไร
ปัญหาก็คือ ที่อยู่ตรงนี้คือร่างแยกของเขา ซึ่งมันมีจุดอ่อนที่สำคัญอยู่ นั่นก็คือเมื่อมันถูกโจมตีอย่างรุนแรง ระบบป้องกันของวิชานี้ก็จะทำการสลายร่างแยกนี้ไปทันที
ตอนนี้เหลือเวลาอีกเพียงแค่สองชั่วโมงก็จะเลิกเรียนแล้ว และสามชั่วโมงก่อนที่ซีรี่ย์เรื่องนั้นจะออกอากาศ แปลว่าหวังลิ่งเหลือเวลาโดยประมาณสองชั่วโมงในการกำจัดพวกสิบคนนั่น หลังจากนั้นเขาจึงสามารถเรียกร่างแยกกลับและเดินทางกลับบ้านเพื่อรอดูซีรี่ย์อย่างมีความสุข
เขายกมือขึ้นแตะคางอย่างครุ่นคิด
ไม่นานนักเขาก็คิดวิธีแก้ปัญหาออก
ณ ขณะนี้ มีทางเดียวที่เขาจะสามารถลดความเสี่ยงลงได้ก็คือห้ามไม่ให้คนเหล่านั้นมีโอกาสแตะต้องตัวเขา ถ้าหากร่างแยกตัวนี้หายไป สิงโตนักสู้ตัวนั้นก็มีพลังไม่เพียงพอที่จะยับยั้งผู้ฝึกตนระดับแก่นแท้วิญญาณถึงสิบคนได้หรอก
หวังลิ่งค้นข้าวของในบ้านของเทพมือระเบิดก่อนที่เขาจะพบสิ่งที่เขากำลังตามหา นั่นก็คือวัตถุดิบสำหรับการสร้างยันต์เต๋านั่นเอง วัตถุดิบก็มี ซินนาบาร์หรือแร่ปรอท(Cinnabar) ,กระดาษยันต์สีเหลือง, น้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ และ พู่กัน
การเขียนยันต์นั้นถือเป็นพื้นฐานของเหล่าผู้ฝึกตน และพวกมันถือเป็นเครื่องรางประจำครัวเรือนทุกครัวเรือน เมื่อหวังลิ่งสังเกตเห็นว่ามีผงสีดำผสมอยู่ในแร่ปรอทของเทพมือระเบิด การผสมผงสีดำอันนี้เข้าไปในแร่ปรอทจะช่วยเพิ่มโอกาสสำเร็จในการเขียนยันต์หรือเครื่องราง ในตลาดผงดำหนึ่งกรัมมีราคาสูงถึง 20,000 หยวน
โคตรเปลือง…
แต่หวังลิ่งไม่ได้สนใจไม่ว่ามันจะเป็นผงดำหรือไม่ แม้ไม่มีของพวกนี้โอกาสที่เขาจะเขียนยันต์สำเร็จก็สูงเกินกว่า 90% อยู่ดี เขาจะล้มเหลวก็ต่อเมื่อเขียนยันต์พวกยันต์ขั้นสูงเท่านั้น
ครั้งนี้หวังลิ่งเขียนยันต์เพื่อเพิ่มพลังให้กับสิงโตนักสู้
สิงโตนักสู้ของโทยะจอมอมตะนั้นก็มีระดับถึงขั้นแก่นแท้วิญญาณแล้ว สิ่งที่หวังลิ่งจำเป็นต้องทำเพิ่มก็คือเพิ่มออพชั่นพิเศษเข้าไปเพื่อเสริมให้สิงโตนักสู้แข็งแกร่งขึ้นไปอีก
………………………….
รถลีมูซีนคันหนึ่งจอดอยู่ข้างนอกบ้านในเขตเหวินเฉียน ชายร่างสูงในชุดสูทเป็นคนขับรถและสองคิงชูนั่งอยู่ข้างหน้าข้างคนขับ
ส่วนข้างหลังของรถลีมูซีน บรรดา10นักบุญนั่งไขว่ห้างล้อมวงเป็นวงกลมอยู่ ภายในรถได้ถูกขยายใหญ่ขึ้นด้วยวิชาขยายมิติดังนั้นมันจึงมีขนาดใหญ่เทียบเท่าสนามกีฬา ถึงแม้ว่าจะมีคนถึงหนึ่งร้อยคนก็ไม่รู้สึกอึดอัด
ตอนนี้ผู้ฝึกตนระดับแก่นแท้วิญญาณทั้งสิบคนกำลังนั่งเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ ซึ่งเป็นภาพที่หาดูได้ยาก
“หัวหน้า พวก10นักบุญเขาทำอะไรกันหรอครับ?” ลูกน้องซึ่งเป็นคนขับรถถามขึ้น
“พวกเขากำลังใช้สมาธิเพื่อตรวจจับการเคลื่อนไว้สิ่งรอบข้างอยู่ หรือที่เรียกกันว่าวิชารับรู้สวรรค์”
คลื่นพลังวิญญาณของเหล่าผู้ฝึกตนนั้นคล้ายกับคลื่นโทรศัพท์ ซึ่งผู้ฝึกตนที่มีระดับสูงๆพวกเขาสามารถรับรู้ได้ถึงคลื่นพลังวิญญาณของสิ่งที่อยู่รอบข้าง ตอนนี้พวกเขาเหล่านั้นทำหน้าที่คล้ายกับเครื่องสแกนล่องหน ทำให้คนที่มีระดับสูงกว่าไม่สามารถรับรู้ถึงการสอดแนมของพวกเขา
ตามตำนานกล่าวไว้ว่าวิชารับรู้สวรรค์เป็นวิธีสมัยโบราณที่ผู้ฝึกตนยุคก่อนใช้วิชานี้ในการสอดแนมการกระทำของเหล่าปีศาจ หรือถ้าจำเป็นพวกเขาสามารถใช้มันในเชิงรุกได้ โดยที่พวกเขาทำการรวมพลังวิญญาณเข้าด้วยกันและปล่อยมันลงมาจากฟากฟ้าเหมือนกับการยิงปืนใหญ่ดาวเทียม!
แต่ปัจจุบันคนที่สามารถใช้วิชานี้ได้มีเพียงหยิบมือเท่านั้นเอง
ในการที่จะใช้วิชานี้ ผู้ใช้ต้องมีระดับไม่ต่ำกว่าแก่นแท้วิญญาณ และยิ่งไปกว่านั้นต้องใช้ขั้นต่ำถึงสามคนในการใช้วิชา ถ้าหากใช้คนเยอะขึ้นอานุภาพของวิชานี้ก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย
ที่นั่งข้างคนขับสองคิงชูมองเหล่า10นักบุญผ่านทางหน้าจอภาพบนรถ เขาก็ต้องถอนหายใจออกมา เพราะเหล่า10นักบุญนั้นพวกเขาไม่เพียงแค่รู้จักวิชารับรู้สวรรค์ได้ แต่พวกเขายังสามารถใช้วิชานั่นได้อีก!
และในตอนนั้นเอง มีชายแก่ไว้เคราแพะคนหนึ่งในกลุ่มก็พูดขึ้นมาว่า “หัวหน้าสอง เทพมือระเบิดออกไปแล้ว”
คนคนนั้นก็คือหัวหน้าของเหล่า10นักบุญ หรือที่มีฉายาว่าเซียนเฒ่า…
“ออกไปแล้ว?”
สองคิงชูขมวดคิ้ว “ด้วยอุปนิสัยของเทพมือระเบิดไม่มีทางที่เขาจะทิ้งหน้ากากผีดิบไว้เฉยๆในบ้านหรอก เขาจะต้องมีการป้องกันอะไรบางอย่างสำรองไว้…ท่านเซียนเฒ่า ท่านเห็นอะไรน่าสงสัยบ้างไหม?”
ชายแก่เคราแพะพยักหน้า “มีอย่างที่หัวหน้าสองคาดการณ์ไว้ แม้ว่าเทพมือระเบิดจะออกไปแล้วแต่ภายในบ้านยังมีเด็กหนุ่มและสิงโตนักสู้อยู่”
“ทำไมถึงมีสิงโตนักสู้อยู่ในบ้านได้กัน?”
คิ้วของสองคิงเลิกขึ้นอย่างสงสัย สิงโตนักสู้ไม่ใช่สัตว์ทั่วไป พวกมันต้องถูกเลี้ยงดูและควบคุมโดยคนจากตระกูลเสี่ยว ในการที่จะยืมสิงโตนักสู้มาได้นั้น…แปลว่าเทพมือระเบิดและตระกูลเสี่ยวต้องมีความสัมพันธ์กันอย่างนั้นหรือ?
ชายแก่เคราแพะยิ้มอย่างเยือกเย็น “หรือจะให้ฉันไปจัดการเจ้าสัตว์ตัวนั้น?”
“ผมคิดว่า…พวกเราควรจะคิดถึงผลที่ตามมาเสียก่อน ถ้าหากพวกเราฆ่าสิงโตนักสู้ตัวนั้น ผมไม่คิดว่าตระกูลเสี่ยวจะปล่อยเรื่องนี้ไป หรือท่านมีความคิดเห็นว่าอย่างไรท่านเซียนเฒ่า?”
“ดูเหมือนว่าหัวหน้าสองยังไม่ค่อยเข้าใจระบบการทำงานของเราเสียเท่าไหร่”
ชายแก่ส่ายหัว
“หัวหน้าสองคงจะรู้จักหานซาน(Hanshan)กับชีเต๋อ(Shide)*ใช่ไหม? ครั้งหนึ่งพวกเขาเคยทะเลาะกันและก็มีคำพูดหนึ่งที่เป็นที่รู้จักกันดีออกมา…”
*หานซาน(Hanshan) และ ชีเต๋อ(Shide) เป็นคนเขียนบทกวีในยุคของราชวงศ์ถังโดยมีที่มาและประวัติความเป็นมาไม่ชัดเจนมากนัก โดยหานซานเป็นพระ และ ชีเต๋อเป็นลูกวัด อยู่ในวัดกั๋วฉิง มณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน
“ใช่คำที่ว่า ‘ต่อให้โลกทั้งใบดูถูกฉัน ทรยศฉัน ด่าฉัน หัวเราะเยาะใส่ฉัน เกลียดฉัน ทำให้ฉันอับอาย โกงฉัน ฉันจะรับมือกับมันได้อย่างไร?’ แน่นอนว่าผมรู้จักประโยคนี้…ผมยังรู้ด้วยว่าประโยคท่อนที่สองพูดว่า ‘ก็ยอมเขาและปล่อยเขาไป’…”
แต่ก่อนที่เขาจะทันพูดจบประโยค ชายแก่เคราแพะก็ยกมือขึ้นเป็นเชิงบอกว่าให้หยุด “ไม่ใช่อย่างนั้น”
สองคิงชูรู้สึกสงสัย “ถ้าหากเช่นนั้นผู้อาวุโสได้โปรดชี้แนะ”
“ฉันไม่กล้าสั่งสอนนายหรอกหัวหน้าสอง เพราะนายได้รับมอบหมายเป็นหัวหน้าคนสั่งการจากนายใหญ่ หรือก็คือตำแหน่งของนายอยู่เหนือระดับพลังของพวกเรา พวกเราจะทำตามคำสั่งของนาย” ชายแก่ยิ้มขึ้น “แต่เพื่อการปฏิบัติการที่ราบรื่นในอนาคต ฉันคิดว่ามันจำเป็นต้องอธิบายถึงวิธีทำงานของพวกเรา…”
ประโยคการสนทนาของหานซานและชีเต๋อเป็นอะไรที่ทุกคนรู้จัก
สองคิงชูรู้สึกสงสัยถึงการตีความของพวกเขา แล้วทำไมหัวหน้าของพวกเขาถึงต้องพูดเรื่องนี้ขึ้นมา
“โลกทั้งใบดูถูกฉัน สาปแช่งฉัน ทรยศฉัน จะทำยังไง? จริงๆคำตอบก็ง่ายนิดเดียว”
สายตาของสองคิงชูจับจ้องไปที่หน้าจอจับภาพ เห็นชายแก่นั่งไขว่ห้างและลูบเคราแพะตัวเองเบาๆอยู่ข้างหลัง “นายก็แค่กลั่นแกล้งเขา แก้แค้นเขา หัวเราะเยาะใส่เขา หั่นเขา ต่อยเขา ตบตีเขา และทิ้งเขาไว้ตรงนั้นสักสามถึงสี่ปีก่อนที่นายจะไปเยี่ยมหลุมศพของเขา!”
สองคิงชู: “…”
หลังจากที่พูดจบชายแก่ก็นั่งลูบเคราของเขาต่อ “นี่เป็นวิธีการของพวกเรา! มันก็แค่สัตว์ตัวนึง ใครจะไปสนว่ามันจะมาจากตระกูลเสี่ยว พวกเราไม่มีอะไรที่จะต้องกลัว”
สองคิงชู: “…”