ตอนที่ 122 ไม่อยากจะเจออะไรที่หักมุมแบบนี้!
เบื้องหน้าของลุงผู้ฝึกตนชุดขาว หวังลิ่งใช้เวลากว่า 5 วินาทีในการสงบสติอารมณ์ของเขาและวิเคราะห์สถานการณ์ตรงหน้า
แปลว่านักบุญลำดับสามคนนี้กำลังเข้าใจผิดว่าเขาเป็นใครบางคน….
ปรมาจารย์นักฆ่าหรือมือสังหารไร้ดาวถือเป็นคนที่ค่อนข้างแปลกประหลาดและลึกลับ
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้ยินชื่อเสียงของนักฆ่าคนนี้ ล่าสุดเขาพึ่งได้ยินมันเมื่อตอนที่พบกับนักฆ่าอกแตงโมขนาด 36D ที่โรงเรียนอันดับ 59
เขามองไปยังลุงนักบุญซึ่งดูเหมือนตอนนี้ลุงเขาไม่ได้คิดว่าหวังลิ่งเป็นศัตรูแล้วอย่างพูดไม่ออก
ใครจะคิดว่าแค่การกระพริบตาธรรมดาจะทำให้เขาโดนเข้าใจผิดว่าใช้วิชาเดียวกันกับปรมาจารย์นักฆ่าคนนั้น?
ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่ลุงเขาคิดเองเออเองว่าหวังลิ่งเป็นปรมาจารย์นักฆ่า ลุงแกก็มีทาท่างเขินอายราวกับว่าตัวเองเป็นเด็กน้อยที่พึ่งพบกับรักแรก?! นี่เขาเป็นเกย์หรือยังไงกัน?! เรื่องหักมุมแบบนี้ก็มีด้วยหรือเขาคนนึงแหละที่ไม่เอาด้วย!
นักบุญลำดับสามเห็นหวังลิ่งไม่พูดอะไรออกมา เขาก็ถือว่าข้อสันนิษฐานของเขาถูกต้อง เขาดีใจเสียยิ่งกว่าเด็กนักเรียนดีใจตอนปิดเทอมใหญ่ “เป็นคุณจริงด้วย ท่านปรมาจารย์นักฆ่า!”
หวังลิ่งยืนนิ่ง “…”
“ผมเคยได้ยินเรื่องเล่าเกี่ยวกับวิชาอันสุดยอดของคุณซึ่งสามารถฆ่าคนได้เพียงแค่กระพริบตา ครั้งนี้ผมรู้แล้วว่าทุกอย่างเป็นเรื่องจริง!”
“…”
หวังลิ่งมองไปยังแขนที่ยังมีเลือดไหลออกมา และท่าทางตื่นเต้นของลุงยิ่งทำให้เลือดพุ่งออกมามากกว่าเก่า เลือดที่ไหลออกมาจำนวนมากขนาดนี้ ถ้าหากเป็นคนธรรมดาก็น่าจะตายไปแล้วแต่ลุงคนนี้มีระดับถึงแก่นแท้วิญญาณจึงไม่เป็นอะไรมากนัก
“ท่านปรมาจารย์เป็นห่วงอาการบาดเจ็บของกระผมหรือ? ไม่เป็นไรหรอกครับ มันเป็นผลมาจากความอ่อนด้อยปัญญาและความสามารถของผมเอง…”
หวังลิ่งมองไปยังลุงในชุดขาวตรงหน้าด้วยใบหน้าเรียบเฉยแต่ภายในใจเขาอยากจะพูดออกไปว่า ‘ความคิดของลุงนี่เกินจะบรรยาย’…
ลุงนักบุญหยิบยาผงขึ้นมาและโรยไปบนแผลของเขา เลือดที่กำลังไหลอยู่ก็พลันหยุดไหล แต่ความด้วยความเจ็บปวดและความตื่นเต้นของลุงแสดงผ่านออกมาทางสีหน้าทำให้เขาดูตลกอย่างบอกไม่ถูก
“พวกเราแค่ทำตามคำสั่ง แต่ถ้าหากพวกเรารู้ว่าท่านปรมาจารย์อยู่ที่นี่ พวกเราคงมิบังอาจมาก่อความรังควานแก่ท่าน! ความโหดร้ายถือเป็นจุดเด่นของพวกเรา10นักบุญ มีเพียงแค่บุคคลที่เหี้ยมโหดกว่าเราเท่านั้นที่พวกเราจะรับฟัง! เมื่อครั้งที่ท่านปรมาจารย์ขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งของโลก พวกเรายังเป็นแค่เด็กน้อยอยู่เลย!” ในระหว่างที่เขาพูดเขาก็ร้องไห้ออกมาเพราะถือว่าเป็นความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ของพวกเขา
“…”
น้ำตาและความรู้สึกผิดที่เขาแสดงออกมา หวังลิ่งรับรู้ได้ว่าทั้งหมดเป็นเรื่องจริงปราศจากการเสแสร้ง
การเผชิญหน้ากับคนซึ่งไม่มีความรู้สึกอยากจะต่อสู้แล้ว หวังลิ่งก็ไม่อยากจะทำอะไรกับพวกเขาเหล่านั้น…
และที่น่าประหลาดใจที่สุดก็คือ ลุงคนนี้ดูเหมือนจะเข้าใจผิดไปไกลโขจนเขาไม่สามารถจะกู่มันกลับมาได้เสียแล้ว
“…ศิษย์พี่ใหญ่และศิษย์พี่รองตายลงเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์! ถ้าหากพวกเขารู้ว่าคนที่พวกเขากำลังเผชิญหน้าด้วยคือท่านปรมาจารย์ ผมคิดว่าพวกเขาลงมิกล้าลงมือ!”
เมื่อได้ยินคำอธิบายของนักบุญลำดับสามคนนี้ หวังลิ่งก็ขมวดคิ้ว เขารู้สึกว่ามันเริ่มจะเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวเสียแล้ว
หรือบางทีเขาน่าจะฆ่าคนพวกนี้ให้หมดสิ้นไปเสียตั้งแต่ทีแรก และก็โทษความผิดทั้งหมดให้แก่เทพมือระเบิด มันจะได้ไม่เกิดเรื่องราวชวนให้เข้าใจผิดน่าปวดหัวแบบนี้…
แต่หวังลิ่งก็ไม่ใช่คนที่จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต เขาจะลงมือฆ่าคนก็ต่อเมื่อจำเป็นจริงๆ อย่างที่พ่อและแม่ของเขาพร่ำสอนมา
พลังของเขานั้นมีไว้เพื่อปกป้องผู้คนไม่ใช่มีไว้ทำลายชีวิต…ไม่เช่นนั้นแล้วเขาคงไม่ต่างไปจากพวกฆาตกรผู้ซึ่งปลิดชีวิตผู้คนเพียงเพราะความสนุก
ถ้าหากเขาฆ่านักบุญลำดับสาม เดี๋ยวก็จะมีนักบุญลำดับสี่ ห้า และหก ตามมาอีก พวกเขาคงจะหาทางนำเรื่องน่าปวดหัวมาให้แก่เขาไม่จบไม่สิ้น เพราะฉะนั้นแล้วการจบปัญหาในการฆ่าล้างบางพวก10นักบุญจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด
ในระหว่างที่เขากำลังคิดแก้ปัญหาอยู่นั่นเอง ลุงนักบุญชุดขาวก็พูดขึ้น “ท่านปรมาจารย์ ท่านยังห่วงเกี่ยวกับหน้ากากผีดิบอยู่อย่างนั้นหรือ?”
หวังลิ่งเงยหน้าขึ้นและจ้องไปยังคุณลุงชุดสีขาวอย่างตั้งใจฟังสิ่งที่ลุงคนนั้นจะพูดต่อไป
นักบุญลำดับสามยิ้มขึ้นมา “ท่านไม่ต้องเป็นห่วง พวกเราจะไม่สู้เพื่อหน้ากากผีดิบอีกต่อไปแล้ว เมื่อผมกลับไปคราวนี้ ผมจะอธิบายให้ทุกคนฟัง แม้ว่ามันจะเป็นการขัดคำสั่งเจ้านายแห่งปราสาทตระกูลโม่ก็ตาม พวกเราไม่อยากจะเข้าร่วมภารกิจชิงหน้ากากผีดิบอีกแล้ว”
มันเป็นคำขอโทษที่ออกมาจากใจจริง และหวังลิ่งไม่ได้รับรู้ถึงความผิดปกติของคำพูดเหล่านั้นเลย เขาจึงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
เมื่อลุงนักบุญเห็นหวังลิ่งพยักหน้าแล้ว เขาก็เข้าใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้โกรธเคืองอะไรเขาแล้วเขาถึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ “หลังจากจบเรื่องนี้ ผมจะลาออกจากวงการและจะไม่เข้าร่วมปฏิบัติการเลวทรามพวกนี้อีก ขอให้สิ่งนี้เป็นการไถ่โทษที่ได้ล่วงเกินท่านปรมาจารย์นะครับ”
เมื่อพูดจบลุงในชุดขาวก็กุมแขนข้างที่ขาดและก้มหัวลง “ครั้งนี้พวกเราขออภัยจริงๆที่ล่วงเกินท่าน! ได้โปรดยกโทษให้พวกเราด้วย!”
“…” หวังลิ่งไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เพราะศิษย์พี่ของลุงแกตายไปถึงสองคนแต่แกก็ยังก้มหัวขอโทษเขา
ตอนนี้อารมณ์ของเขาอยู่ในอารมณ์ที่ไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้…
“ถ้าอย่างนั้นกระผมไม่ขอรบกวนท่านปรมาจารย์อีกแล้ว…แต่ก่อนที่ผมจะไปผมขออะไรบางอย่างได้ไหมครับ?”
หวังลิ่งแสดงสีหน้าท่าทางเป็นเชิงว่าสงสัย
จากนั้นเองก็เกิดแสงเรืองออกมาจากมือข้างซ้ายที่ยังปกติอยู่ ภายในมือนั้นมีปากกาที่เอาไว้เซ็นหนึ่งด้าม เขายื่นมันมาให้หวังลิ่งและหันหลังให้ “ท่านปรมาจารย์ได้โปรดเซ็นที่หลังของกระผมด้วย!”
“…”
หวังลิ่งหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะเปิดฝาปากกาและเขียนลงไปว่า
“อุทิศตนเพื่อชาติ”
By นักฆ่าไร้ดาว
…………………………….
หลังจากที่เหตุการณ์ทุกอย่างจบลง หวังลิ่งเรียกร่างโคลนของเขากลับไป และเทพมือระเบิดก็เดินทางกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยหลังจากเสร็จสิ้นงานประชุมผู้ปกครอง ซึ่งมาเข้าร่วมแทนพ่อและแม่ของหวังลิ่ง
หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยก็ฟื้นคืนสติกลับมาเป็นที่เรียบร้อย เมื่อเขาเห็นเทพมือระเบิดกลับมาถึงหมู่บ้าน เขาจึงรีบจับแขนเสื้อของเทพมือระเบิด “คุณเทพมือระเบิด! ระวังด้วยนะครับ มีคนชื่อเล่ยเฟิง บอกว่าเขากำลังจะไปทำลายบ้านของคุณ!”
“…”
เมื่อเขากลับไปถึงบ้านเขาก็พบว่าสิงโตนักสู้นั้นมียันต์เสริมพลังหลายชิ้นพันม้วนกับขนอยู่ทั่วทั้งตัวของมัน เขารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
‘สองชั่วโมงที่แล้วมันเกิดอะไรขึ้นอีกเนี่ย?!’
เทพมือระเบิดสำรวจแร่ปรอทในบ้านของเขา ทันใดนั้นเองเขาก็แทบอยากจะร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก เพราะหวังลิ่งใช้มันจนหมดไปแล้วนั่นเอง! ไม่เหลือเลยแม้แต่นิดเดียว! เทพมือระเบิดเป็นคนบดผงแร่ปรอทและผสมกับผงดำเข้าด้วยกันเองกับมือ ราคาของมันก็ไม่ใช่น้อยๆ… ยันต์ที่หวังลิ่งเป็นคนสร้างนั้นผลาญเงินของเขาไปกว่าสองล้านหยวนภายในเวลาเพียงสองชั่วโมง!
เขามั่นใจเลยว่าหวังลิ่งคงต้องการแก้แค้นเขาแน่นอนจึงทำแบบนี้…
ครั้งหน้าถ้าหากหวังลิ่งมาบ้านเขาอีก เขาจะต้องเอาผงแร่ปรอทไปแอบเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกเป็นครั้งที่สอง!