ตอนที่ 120 ถ้าหากยังไม่ตายก็ต้องไปต่อ
เหตุการณ์ก่อนหน้า
หวังลิ่งหันไปมองวิญญาณเขี้ยวยักษ์ซึ่งกำลังมุ่งตรงมาทางเขา ก่อนที่มันจะแสดงสีหน้าหวาดกลัวราวกับว่าเจอผีเสียเองและค่อยๆถอยหลังกลับไปยังที่ที่มันจากมา
บนถนนหวงตะวันออกซึ่งอยู่แถวบ้านของหวังลิ่งนั้นเต็มไปด้วยวิญญาณเร่ร่อน หวังลิ่งได้ขับไล่วิญญาณเหล่านั้นออกไป เขาจำได้ว่ามีวิญญาณผีร้ายตัวหนึ่งพุ่งมาหาเขาเหมือนดั่งวิญญาณเขี้ยวยักษ์ตัวนี้ มันถูกทำให้สลายหายราวกับฝุ่นละอองเพียงแค่ชั่วพริบตาที่เขาหันไปมอง
ถือว่าวิญญาณเขี้ยวยักษ์ตัวนี้ยังดวงดีกว่านิดหน่อย
จริงๆแล้วมันไม่ได้กลัวเพราะหวังลิ่ง แต่มันกลับไปกลัวสิงโตนักสู้ซึ่งนอนหมอบอยู่ข้างๆหวังลิ่งต่างหาก
หลังจากผ่านไป 10 นาที หวังลิ่งก็ได้สร้างยันต์เสริมพลังขึ้นมาได้หลายชิ้นแล้ว ซึ่งเขานำมันไปม้วนเข้ากับขนของสิงโตนักสู้เหมือนกับที่ม้วนผมของบรรดาคุณป้าในร้านเสริมสวย
สิงโตนักสู้ตัวนี้เลเวลอัพไปถึงขั้นสัตว์เทพเรียบร้อยแล้ว!
ยันต์เสริมแกร่งจำนวนกว่า 20 ชิ้นบนร่างกายของสิงโตนักสู้เรืองแสงวิบวับ เหมือนวงแหวนลอยอยู่รอบตัวมัน เมื่อวิญญาณเขี้ยวยักษ์ตัวนั้นวิ่งเข้ามาจนถึงระยะแสงพวกนี้ มันแทบจะตาบอดจากแสงนั่น
“…”
ผลก็คือหลังจากที่มันโดนแสงนั่นเข้าไป 3 วินาที มันก็ตัดสินใจได้ว่าถอยกลับไปจะดีกว่า
‘นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกันอีก!’
‘สิงโตนักสู้พลังเพิ่มขึ้นถึงยี่สิบเท่า!’
‘แล้วทีนี้ใครไปสู้มันได้?!’
ตัดภาพมายังสถานการณ์ภายในรถลีมูซีน…
ภายในรถลีมูซีนนักบุญลำดับสามกำลังประคองร่างนักบุญลำดับที่สองไว้อยู่ และทุกๆคนรอบๆตัวเขาก็ก้มหน้าก้มตาร้องไห้ด้วยความเสียใจ
ดูเหมือนว่านักบุญลำดับสองจะได้รับอาการบาดเจ็บจากการสะท้อนกลับของพลังวิญญาณและพลังด้านมืด ดูเหมือนจะมีพลังรุนแรงกว่าพลังกดดันวิญญาณธรรมดาเสียอีก ซึ่งอาการบาดเจ็บของนักบุญลำดับสองนั้นมีระดับถึงระดับ 5
เขาแทบจะไม่ต้องทรมาณเลย
หลังจากที่เขาไอเป็นเลือดออกมาเขาก็สิ้นใจโดยทันที
เลือดสดๆกระจายอยู่เต็มหน้าของนักบุญลำดับสาม
สองคิงชูมองภาพเหตุการณ์ผ่านทางจอภาพเขาจึงตัดสินใจพูดออกไป “วันนี้ภารกิจล้มเหลว มันจบแล้วล่ะ!”
เขาคิดว่ามันแปลกเกินไป จากที่เขามองผ่านหน้าจอภาพ ฝ่ายตรงข้ามมีแค่เด็กหนุ่มคนหนึ่ง เขาไม่เข้าใจเลยว่าอะไรเกิดขึ้นกันแน่ เพียงแค่ 10 นาที หลังจากที่พวกเขาเริ่มเปิดฉากโจมตี กลุ่ม10นักบุญอันลือชื่อก็สูญเสียหัวหน้าใหญ่ไปถึง 2 คน!
เห็นได้ชัดว่าการโจมตีแบบสุ่มสี่สุ่มห้านั้นไม่เป็นผลดี เนื่องจากพวกเขาไม่มีข้อมูลของเด็กหนุ่มคนนี้เลย
แผนที่ดีที่สุดของเขาตอนนี้ก็คือการถอยทัพและคิดแผนการใหม่ในวันหน้าจะดีกว่า
“น้องสี่…”
นักบุญลำดับสามยืนขึ้นด้วยสองขาของเขาและยื่นคทาปีศาจราตรีไปให้นักบุญลำดับสี่ซึ่งสวมผ้าคลุมสีชมพูนั่งอยู่ข้างเขา “รับคทานี่ไป จากนี้นายจะเป็นผู้นำของหกคนที่เหลือ”
สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่นักบุญลำดับสาม และพวกเขามองเห็นถึงสายตาอันมุ่งมั่นของพี่สามคนนี้
นักบุญในผ้าคลุมสีชมพูรับคทาปีศาจราตรีไปและตอบรับเสียงเข้มว่า “ผมขอน้อมรับคำสั่งของพี่สาม!”
นักบุญลำดับสามมองไปยังกล้องวงจรปิดเพื่อที่จะสื่อสารไปยังสองคิงชูที่นั่งอยู่ข้างหน้ารถ “หัวหน้าสอง คุณไม่ต้องโทษตัวเองเรื่องความล้มเหลวนี้หรอกนะ เพราะอย่างแรกเป็นพวกเราเองที่ประเมิณศัตรูต่ำไป อย่างที่สองพวกเรายืนยันที่จะทำสิ่งนี้ด้วยตัวพวกเราเอง เมื่อคุณกลับไป ได้โปรดรายงานความจริงให้แก่นายใหญ่ฟังด้วย พวกเรา10นักบุญต้องขออภัยอย่างสุดซึ้งกับความล้มเหลวในภารกิจนี้…”
สองคิงชูเงียบไปครู่หนึ่ง “ท่านนักบุญลำดับที่สาม คุณคิดดีแล้วหรือ?”
“พี่ใหญ่และพี่รอง เสียชีวิตด้วยการตายที่ไม่ปกติ ดังนั้นฉันจึงจำเป็นต้องล้างแค้นให้ได้ ถ้าหากการล้างแค้นครั้งนี้สำเร็จ ฉันจะกลับมาพร้อมกับหน้ากากผีดิบ แต่ถ้าไม่ ได้โปรดฝั่งศพผมไว้กับพี่ทั้งสองคนในเจียงหนานด้วย นั่นเป็นเมืองบ้านเกิดของพวกเราที่ซึ่งพวกเราฝึกตนมาด้วยกัน”
“อืม…เข้าใจแล้ว”
สองคิงชูถอนหายใจออกมาเบาๆ
นักบุญลำดับสามเปิดประดูและก้าวออกไป ผ้าคลุมสีขาวของเขากระพือขึ้นพร้อมกับจังหวะที่เขายกกระบี่วิญญาณของเขาขึ้นมาพร้อมกับปล่อยรังสีสังหาร
ก่อนที่เขาจะจากไปเขาฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงหันหลังกลับมาพูดกับเหล่าศิษย์น้องของเขา “จากนี้เป็นต้นไป พวกนายก็จะเหลือแค่เพียงเจ็ดคน และสิบนักบุญก็จะไม่มีอีกต่อไป…ศิษย์น้องทั้งหลายพวกนายต้องตั้งชื่อใหม่แล้วหล่ะ”
เหล่า10นักบุญที่เหลือตกอยู่ในห้วงความคิดอยู่พักใหญ่
เมื่อสองคิงชูได้ยินเข้า เขาจึงเอ่ยความคิดเห็นของเขาออกไป “ท่านนักบุญลำดับสาม…ชื่อนี้เป็นอย่างไร เจ็ดสัตว์ประหลาดแห่งเจียงหนาน?”
“…”
…………………………………
ในชีวิตของคน ถ้าหากคุณยังไม่ตายคุณก็ไปต่อได้
หวังลิ่งคิดว่าคำพูดนี้คงเหมาะกับ10นักบุญที่สุดแล้ว
ตลอดหลายปีที่ผ่านมากลุ่ม10นักบุญนั้นทำภารกิจทุกภารกิจสำเร็จลุล่วงปราศจากข้อผิดพลาดมาตลอด ทำให้ชื่อเสียงของพวกเขาโด่งดังมากเลยทีเดียว แต่ครั้งนี้สถิติอันไร้ที่ติของพวกเขาก็ต้องพังทลายลง
นั่นก็เพราะว่าพวกเขาไม่รู้ว่ากำลังต่อกรอยู่กับอะไรหรือกับใคร…
นักบุญลำดับสามเลือกที่จะไปต่อ ด้วยเหตุผล 2 ประการ อย่างแรกคือเพื่อแก้แค้น และอย่างที่สองคือเพื่อพิสูจน์บางอย่าง
และเวลาก็ล่วงเลยไปจนถึงช่วงพลบค่ำ
ผู้ฝึกตนระดับแก่นแท้วิญญาณทั้ง 7 คนได้เดินทางออกไปแล้ว เหลือเพียงแค่นักบุญลำดับสามยืนอยู่ข้างนอกหมู่บ้าน กระบี่วิญญาณของเขาชี้ไปยังบ้านของเทพมือระเบิด
ผ้าคลุมสีขาวของเขาสะบัดตามกระแสลม เขายกกระบี่ขึ้นมาพร้อมกับปล่อยรังสีฆ่าฟันออกไป เพราะว่าเขาพบว่าหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยในกะนั้นได้เดินเข้ามาใกล้เขา พร้อมกับเอ่ยถามตามหน้าที่ “…ประทานโทษนะครับ ไม่ทราบว่าคุณอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้หรือครับหรือว่ามาหาใครเอ่ย?”
นักบุญลำดับสามตอบกลับไปด้วยใบหน้าเรียบเฉย “ฉันมาหาเพื่อนเก่าเพื่อนแก่คนนึง”
หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยไม่ได้ตอบอะไรกลับไปได้แต่คิดภายในใจว่า ‘ใครเขามาเยี่ยมเพื่อนเก่าพร้อมกับกระบี่ในมือกัน?!’
‘แน่นอนว่าพวกเขาคงไม่ได้มาช่วยกันทำอาหารแน่ๆ!’
หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยรู้สึกกังวลใจเล็กน้อย ถึงแม้ว่าพนักงานรักษาความปลอดภัยในหมู่บ้านเขตเหวินเฉียนแห่งนี้ไม่ได้มีพลังมากมายนัก แต่พวกเขาก็ยังเป็นผู้ฝึกตนอยู่ดี รังสีสังหารของนักบุญลำดับสามก็ทำให้เขารับรู้ได้ถึงอันตราย “ถ้าอย่างงั้น ไม่ทราบว่าคุณต้องการมาหาใครหรอครับ พอจะบอกบ้านเลขที่ของบ้านหลังนั้นได้ไหม ทางเราอยากจะคอนเฟิร์มสถานะกับทางเจ้าของบ้านอีกทีนีง”
สายตาของนักบุญลำดับสามมองไปยังบ้านหลังหนึ่งในระยะสายตาเขา “นายไม่รู้สึกถึงความผิดปกติเกี่ยวกับบ้านหลังนั้นเลยหรือ?”
จากนั้นเองหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยจึงหันไปมองตามสายตาที่ชายแปลกหน้ามองไปและก็ต้องร้องเสียงดังอย่างตกใจภายในใจ ‘เห้ยนั่นมันบ้านของเทพมือระเบิดนี่หว่า?!’
เขามองไปยังผู้ฝึกตนสวมผ้าคลุมสีขาวคนนั้นอีกครั้ง เขาก็ไม่ได้โง่ถึงขนาดจะไม่เข้าใจสถานการณ์ ท่าทางแล้วคนคนนี้คงจะมีความแค้นกับเทพมือระเบิด!
“คุณครับ…ใจเย็นและคิดให้ดีก่อนนะครับ…”
“บ้านหลังนั้นดูเหมือนจะฝ่าฝืนกฎหมู่บ้านหลายอย่าง เดี๋ยวลุงคนนี้จะทำการถล่มมันลงมาเอง ฉันเชื่อว่ามันคงจะทำให้หมู่บ้านแห่งนี้ดูดีขึ้น”
“คุณเป็นใครกันครับ…”
นักบุญลำดับสามจ้องหน้าหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยและพูดสองคำสั้นๆว่า
“เล่ย เฟิง!”
“…”
…………………………
แม้ว่าทางหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยจะพยายามห้ามแล้ว นักบุญลำดับสามก็ไม่ได้ฟังเขามุ่งหน้าไปยังบ้านของเทพมือระเบิดอย่างเคร่งขรึม
เขาใช้พลังวิญญาณทำให้หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยสลบลงไป
ซึ่งถือว่าหัวหน้ารปภ.คนนั้นยังโชคดีที่เขาไม่ได้กลายเป็นวิญญาณด้วยกระบี่ของเขา เพราะตอนนี้ภายในใจเขามีแต่ความเคียดแค้น เขาไม่อยากเสียเวลาไปกับการสังหารยามคนนั้น แต่ถ้าหากยามคนนั้นพยายามใช้อาวุธกับเขา เหตุการณ์มันคงไม่จบลงแบบนี้เป็นแน่
เมื่อนักบุญลำดับสามเข้าใกล้ทางเข้าบ้าน เขาก็สังเกตว่าประตูหน้าบ้านนั้นถูกเปิดอยู่
หลังจากนั้น เด็กหนุ่มผู้ซึ่งพวกเขาเห็นจากวิชารับรู้สวรรค์ก็ค่อยๆก้าวออกมา
เขารู้สึกเหมือนโดนอะไรบางอย่างตบหน้าเมื่อเขาเห็นหวังลิ่ง
เพราะว่าเด็กคนนี้สวมชุด…ชุดนักเรียนสีน้ำเงิน?
เด็กคนนี้เป็นแค่เด็กนักเรียนจริงหรือ?!
เขาช็อคไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว