ตอนที่ 129 ประธานาธิบดีคนไหน
มันเป็นเวลาเที่ยงคืนซึ่งควรจะเป็นเวลานอนของคนทั่วไป
บนชั้นสูงสุดของอพาร์ทเมนท์ราชการแห่งเมืองซ่งไห่ นายกเทศมนตรีดิงหยุนซ่งในชุดนอนรับโทรศัพท์ในขณะที่กำลังพยายามเรียนภาษาต่างชาติกับสาวชาวต่างชาติผมบลอนในชุดโลลิต้าอยู่
เมื่อถูกขัดจังหวะ แน่นอนว่าเขาต้องไม่พอใจเห็นได้ชัดจากน้ำเสียงตอนรับสาย “นั่นใคร?”
อีกฝั่งของสายแค่เพียงพูดออกมาสามคำ “สอง คิง ชู”
เมื่อเขาได้ยินครบสามคำ ราวกับถูกไฟช็อตเขารีบนั่งตัวตรงและยิ้มอย่างสงบเสงี่ยม “โอ้…คุณสองนั่นเอง นี่ก็ดึกมากแล้วนะครับ มีอะไรหรือเปล่า?”
“นายกเทศมนตรีดิงรู้เรื่องบนWeiboหรือเปล่า? เรื่องที่ภรรยาของหวังสิถูถูกลวนลามบนรถไฟฟ้าใต้ดินได้สร้างกระแสจนเกิดการประท้วงขึ้น” สองคิงชูกล่าวเข้าเรื่องทันที
ดิงหยุนซ่งพยักหน้าและทำน้ำเสียงราวกับว่าเขารู้ว่าอีกฝ่ายกำลังพูดถึงเรื่องอะไร “แน่นอนผมรู้สิ!”
แต่อันที่จริงแล้วเขาไม่รู้เรื่องราวอะไรเลย…เขามัวแต่ยุ่งอยู่กับการเรียนภาษาต่างประเทศ เขาจะมีเวลาไปรู้เรื่องราวอะไรบนWeibo?
“ไอคนที่ลวนลามน่ะคือน้องชายของลูกน้องฉันเอง วันนั้นเขาเมามากขาดสติจนทำให้เกิดเรื่องเข้าใจผิดแบบนี้” สองคิงชูพยายามอธิบายสถานการณ์
“ผมเข้าใจสิ่งที่คุณสองต้องการจะสื่อ…แต่การที่จะทำอะไรแบบนั้นมันก็ต้องมีการคำณวนอะไรเล็กน้อย…”
สองคิงชูพยักหน้า “ฉันก็เข้าใจสิ่งที่นายจะสื่อ หลักจากนี้สามชั่วโมง เงินจำนวนสามล้านหยวนจะถูกฝากเข้าไปยังบัญชีต่างประเทศของนายสำหรับค่าดำเนินการ แล้วก็สำหรับครอบครัวของหวังสิถู ให้เงินพวกเขาไปสักเล็กน้อยเพื่อไม่ให้พวกเขาพูดจาเลอะเทอะ”
ทั้งสองถือว่าเป็นคนที่มีประสบการณ์ในเรื่องนี้ เพียงแค่ไม่กี่ประโยคพวกเขาสามารถเข้าใจใจความของการสนทนา แม้ว่านายกเทศมนตรีดิงจะเป็นนายกของเมืองซ่งไห่ แต่เขายังเรียกสองคิงชูว่าคุณสอง คนที่ฉลาดพอจะเข้าใจความสัมพันธ์ของทั้งสองนั้นเป็นอย่างไร ดิงหยุนซ่งรู้อยู่แก่ใจว่า ถ้าหากไม่ได้ปราสาทตระกูลโม่ช่วยหาเสียงให้ เขาคงไม่มีโอกาสได้รับตำแหน่งนี้มา
เขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพยักหน้า “คุณสอง ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผมเอง ผมรับประกันว่าภายในพรุ่งนี้เช้า โพสต์เหล่านี้จะไม่ปรากฎออกมาให้ใครเห็นอีกเลย…”
หลังจากโทรศัพท์สายนั้นวางไป เขาก็โทรออกไปยังหลายฝ่ายด้วยตัวของเขาเอง อธิเช่น หัวหน้าแผนกฝ่ายบริการของWeibo เมเนเจอร์ของกระทรวงไอที…ดิงหยุนซ่งโทรไปหาทุกคนซึ่งเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ครั้งนี้เพื่อหวังจะใช้ความสามารถของพวกเขาช่วยหยุดการกระจายข่าวเหล่านั้น
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาใช้พลังอำนาจในการควบคุมกระแสความคิดสาธารณะ
หลังจากโทรศัพท์หลายต่อหลายสายเสร็จ เขายืดตัวและมองไปยังนาฬิกาข้อมือของเขา ซึ่งมันบอกว่าเป็นเวลาตีสองแล้ว
สาวน้อยชาวต่างชาติในชุดโลลิต้าลายลูกไม้หลับไปเสียแล้ว
แต่ ณ เวลานี้เขาก็ไม่มีอารมณ์จะทำอะไรอีกแล้ว
“ฉันควรจะไปนอนดีกว่า!”
เขาถอนหายใจออกมาและเดินเข้าไปใกล้สาวน้อยในชุดโลลิต้าและซุกตัวลงไป
ก่อนที่เขาจะทันได้จูบหน้าผากของเธอ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
ครั้งนี้เขาเริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมาจริงๆ ‘ให้ฉันได้เรียนภาษาอย่างสงบสุขทีเถอะ’
นายกเทศมนตรีดิงรู้สึกรำคาญแต่ก็รับสายนั้น “นี่ดิงหยุนซ่งพูด! นี่มันก็ดึกแล้ว รบกวนช่วยรายงานวันพรุ่งนี้แทนได้ไหม?!”
โอเปอเรเตอร์สาวรู้สึกตกใจแต่เธอก็จำเป็นต้องพูดด้วยน้ำเสียงหวานๆกลับไป “นายกเทศมนตรีดิง อย่าพึ่งโมโหนะคะ…ฉันโทรมาจากกรมตรวจสอบวินัย”
“กรมตรวจสอบวินัยหรือ? มีเรื่องอะไร…”
ด้วยเหตุผลบางอย่างเขารู้สึกไม่ดีอย่างบอกไม่ถูก
หัวหน้าของกรมตรวจสอบวินัยต้องการที่จะพูดเพียงไม่กี่คำ และนั่นก็ทำให้ดิงหยุนซ่งไม่สามารถนอนหลับต่อได้อีกเลย
“พวกเราได้รับคำสั่งมาจากทางเบื้องบนว่าให้ตรวจสอบเรื่องของกูรูหวังสิถูเพื่อเป็นตัวอย่างให้กับเคสอื่นๆ? เขา…เขาก็แค่นักเขียนนิยายออนไลน์คนหนึ่ง พวกเราจะต้องซีเรียสขนาดนั้นเลยหรือ?
“ใช่แล้วนายกดิง คุณคิดว่าฉันกำลังพูดเรื่องตลกหรือเปล่า? ศาลปกครองสูงสุด และสำนักอัยการได้ประกาศออกมาแล้วว่าพวกเขาจะจัดตั้งหน่วยสืบสวนพิเศษ เพื่อลงโทษเหล่าผู้กระทำความผิดเชิงลามกอนาจารในที่สาธารณะ ทางเบื้องบนได้แสดงออกมาแล้วดังนั้นพวกเราก็ควรจะให้ความสำคัญเช่นกัน”
ดิงหยุนซ่งถึงกับเหงื่อตก
เบื้องบน? เบื้องบนไหน? เบื้องบนประเภทไหนที่จะสามารถออกคำสั่งกับศาลปกครองสูงสุดและสำนักอัยการได้? สำหรับเรื่องเกี่ยวกับกฎหมาย…เพียงพูดแค่ว่า “ทำมัน” และทุกคนก็ต้องทำตามคำสั่งเลยหรือ…มันก็แค่เรื่องราวเล็กน้อยทำไมมันกลายเป็นเรื่องใหญ่ไปได้?
หลังจากฟังจนจบเขาก็ยังคิดไม่ออก
ตั้งแต่ที่เขาได้รับสายจากกรมตรวจสอบวินัย เขาก็รู้โดยทันทีว่าเรื่องราวในครั้งนี้มันอยู่เหนือการควบคุมของเขาเสียแล้ว จริงอยู่ที่สองคิงชูนั้นให้เขาช่วย แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายก็ขอให้ใครบางคนช่วยเช่นกัน และพวกเขาก็สามารถหาคนที่ใหญ่กว่าเขามาได้จนเขาไม่สามารถทำอะไรได้อีก
ตอนนี้ดิงหยุนซ่งทำได้แค่เพียงเงียบ เขาไม่ได้อยากจะวางสายเลย แต่ทว่าหน่วยงานอื่นก็กำลังวุ่นวายรอรับคำสั่งจากเขาอยู่! เพราะคำสั่งจากเบื้องบนและคำสั่งของเขานั้นมันคนละเรื่องกันเลย!
เขาเลียริมฝีปากอันแห้งผากของเขา
ไม่ถึงสิบนาทีหลังจากวางสายของกรมตรวจสอบวินัยไป โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นอีกครั้ง…
ครั้งนี้เขาจ้องมองเบอร์ของมันอย่างเป็นเรื่องเป็นราวและนั่นก็ทำให้เขาแทบจะฉี่รดกางเกง…มันคือเบอร์ของเลขานุการที่ปรึกษาของเทศบาล เลขาชา!
เขารับสายทันที
“ดิงหยุนซ่ง นายทำอะไรในฐานะนายกเทศมนตรี? นายอนุมัติการควบคุมกระแสข่าวลือได้ยังไง? นายกระทำการโดยที่ไม่ได้รับคำสั่งจากเบื้องบนงั้นหรือ? หรือนายไปรับเงิน “แป๊ะเจี๊ยะ” จากใครมา? ดิงหยุนซ่ง ฉันกำลังเตือนนายอยู่นะ นายอย่าใช้เวลามัวแต่คิดเรื่องพวกนั้น…ฉันสงสัยจริงๆว่านายเคยดูซีรีย์เรื่องตำนานผู้ฝึกตนหรือเปล่า? ฉันคิดว่าตอนนี้นายเหมือนกับนายกเทศมนตรีในเรื่องนั้นมากเลยนะ!”
ดิงหยุนซ่งไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกไป
“แต่จะใช่หรือไม่ก็ตาม นายจะสามารถรักษาตำแหน่งของนายไว้ได้ ขึ้นอยู่กับทัศนคติของนายที่มีต่อเหตุการณ์ในครั้งนี้นะ…เคลียร์ไหม?”
พูดจนมาถึงใจความสำคัญ น้ำเสียงของเลขาชาก็ดูจริงจังขึ้น “ประธานาธิบดีคนก่อนโมโหเป็นอย่างมากเกี่ยวกับเรื่องนี้! หลังจากที่ท่านตื่นขึ้นมายามดึกท่านก็เกรี้ยวกราด! ท่านพูดว่าสังคมในเขตเมืองซ่งไห่นั้นน่าละอาย ประชาชนร่ำไห้บนโลกโซเชียลก็ไม่มีใครได้ยิน ท่านต้องการให้มีการตรวจสอบคอรัปชั่นทั้งหมดในทุกหน่วยงานในเขตตัวเมือง อาทิตย์หน้าหน่วยงานต่อต้านการคอรัปชั่นจะมาตรวจสอบเมืองของเรา”
เมื่อได้ยินเรื่องนี้ดิงหยุนซ่งก็รู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งตัว “ผมขอถามหน่อยได้ไหมเลขาชา…ประธานาธิบดีคนก่อนคนไหนหรอครับ?”
“นายกดิง…นายอย่ามาแกล้งโง่หน่อยเลย? นายก็พอจะเดาได้ไม่ใช่หรือ? สิบนายพลผู้ก่อตั้งล้วนแต่เป็นลูกศิษย์ของท่าน ประธานาธิบดีคนไหนที่นายกำลังคิดอยู่?”
ดิงหยุนซ่งไม่สามารถปริปากอะไรออกมาได้อีกราวกับว่ามีใครเอาแอปเปิ้ลขนาดเท่าปากมาอุดปากเขา
‘เรานี่มันโง่จริงๆ…’