ตอนที่ 127 จอมมารจุนชี่
เทพมือระเบิดยังไม่รู้ว่ากูรูหวังสิถูที่โด่งดังนั้นคือพ่อแท้ๆของหวังลิ่ง ถ้าหากเขารู้เขาคงรู้สึกเสียใจที่ได้ล่วงเกินผู้อาวุโสแห่งตระกูลหวัง
แต่คอมเมนต์ในเว็บบอร์ดผู้ฝึกตนเกี่ยวกับข้อความของหวังสิถูก็เยอะเสียจนไม่สามารถนับได้ ความคิดเห็นที่ถูกโพสต์ลงมาก่อนหน้าโดนคอมเมนต์ใหม่ดันลงไปอย่างรวดเร็วแทบจะในทันที
โดยคอมเมนต์ส่วนใหญ่ก็จะเกี่ยวกับเรื่องค่าหัว
โดยการประกาศตั้งค่าหัวของเจ้าสำนักทะลวงฟ้าเคอเค่อได้รับความสนใจและได้รับการสนับสนุนจากบรรดาผู้ฝึกตนชื่อดังที่เขารู้จัก
มีแอคเคาท์นึงชื่อว่าจอมมารจุนชี่และโปรไฟล์ของเขาเขียนว่า “ผู้บริหารของศูนย์วิจัยเครื่องมือและอาวุธลับ” ได้แชร์โพสต์ของเคอเค่อและพ่อของหวังลิ่ง โดยที่เพิ่มเงินรางวัลเข้าไปอีกจำนวนล้านหยวนสำหรับเงินรางวัล
จอมมารจุนชี่ เป็นบอสใหญ่ของศูนย์วิจัยเครื่องมือและอาวุธลับ โดยที่พวกเขาเป็นหนึ่งในคู่แข่งรายใหญ่ของสถาบันวิจัยสิ่งประดิษฐ์อิตาลี่ซึ่งก่อตั้งโดยคิงบิลลี่
และการเข้าร่วมของจอมมารในการตามหาคนร้ายก็ทำให้เรื่องนี้ดังขึ้นไปอีก
หลังจากนั้นเพียงสองชั่วโมงโพสต์ที่มีหัวข้อว่า “เพลิงความแค้นของหวังสิถู” ก็ถูกอ่านไปแล้วไม่ต่ำกว่าร้อยล้านครั้ง เทียบเท่ากับอัตราการเพิ่มขึ้นของพลังหวังลิ่งในระยะเวลาสองปีที่ผ่านมา และเริ่มที่จะควบคุมไม่ได้
พ่อของหวังลิ่งได้เขียนลงไปในโพสต์นั้นว่าเขาได้ทำการโทรหาตำรวจแล้ว แต่พวกเขาไม่สามารถรับคดีนี้ได้เนื่องจากหลายเหตุผล มันจึงทำให้เกิดข่าวที่ไม่ดีที่ว่า ถ้าหากรัฐบาลไม่สามารถช่วยเหลือประชาชนตาดำให้ได้รับความยุติธรรมได้ พวกเขาก็ไม่รู้จะไปพึ่งใครแล้ว
การลวนลามมันไม่ใช่เรื่องใหญ่…
แต่จุดมันอยู่ที่หลังจากพ่อของหวังลิ่งได้ใช้ชื่อหวังสิถูในการกระตุ้นสังคมให้เกิดการตื่นตัว และมันก็ได้ผลจริงๆ
หลายๆคนเริ่มที่จะตำหนิตำรวจเกี่ยวกับการทำหน้าที่ของพวกเขา
ไม่นานนักเรื่องนี้ก็ได้เข้าถึงหูของรัฐบาล
………………………
เวลาเที่ยงคืนของวันเดียวกัน
สองคิงชูกำลังเขียนรายงานหัวข้อ “ความเสียหายจากการพ่ายแพ้”
ครั้งนี้มีผู้ฝึกตนจำนวนสองคนจากกลุ่ม10นักบุญเสียชีวิต และนักบุญลำดับสามก็ได้ฉีกสัญญาทรยศเจ้านายของเขาเพราะเหตุใดก็ไม่ทราบ…จนถึงตอนนี้สองคิงชูก็ยังคิดไม่ออกว่าเพราะอะไร แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ต้องเขียนรายงานความสูญเสีย และขั้นต่อไปก็คือการวางแผนต่อไป
ข่าวดีเพียงข่าวเดียวก็คือเจ้านายของเขาไม่ได้โมโหมากนัก
สองคิงชูรู้ว่าเจ้านายของเขาคงมีหูตาเยอะกว่าคนทั่วไป เขาคงรู้แล้วว่าใครที่กล้าต่อกรกับปราสาทตระกูลโม่ในการแย่งชิงหน้ากากผีดิบใบนั้น ไม่ควรที่จะไปตอแยเป็นครั้งที่สอง เห็นได้ชัดว่าคนที่อยู่เบื้องหลังของเทพมือระเบิดมีระดับมากกว่าแก่นแท้วิญญาณมาก!
คนคนนั้นคือใครกันแน่?
สองคิงชูคิดไม่ออกเลยว่าคนคนนั้นจะเป็นใคร
คนที่รู้คงมีเพียงนักบุญลำดับสามผู้ซึ่งทรยศหักหลังเขา ปริศนาทุกอย่างจะคลี่คลายได้ก็ต่อเมื่อเขาได้พูดคุยกับนักบุญลำดับสาม
สองคิงชูถอนหายใจออกมา เขากำลังคิดว่าเขาจะเขียนรายงานฉบับนี้อย่างไรดี ทันใดนั้นเองก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา
โทรศัพท์สายสีแดงนั้นเป็นเบอร์สายตรงซึ่งคนในเท่านั้นที่จะรู้และติดต่อเขาได้โดยตรง
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่งเขาก็กดรับสาย “ฮัลโหลนั่นใครครับ?”
“ฮัลโหล นั่นใช่พี่สองไหม? ฉันเองโจวจี้!”
เขารู้จักคนเยอะและไม่มีทางที่เขาจะลืม ถ้าหากเขายังอยู่ในเวลางานเขาคงเปิดสมุดโทรศัพท์ในห้องทำงานเขาเพื่อดูว่าคนที่โทรเข้ามาคือใคร
แต่ตอนนี้เขาอยู่บ้านและมีใครบางคนโทรมารบกวนเวลาพักผ่อนของเขา
เขารู้จักคนที่มีสกุลโจวมากมาก แต่ใครคือโจวจี้?!
โชคดีที่อีกฝ่ายรู้ว่าเขาจำไม่ได้อีกฝ่ายจึงแนะนำตัวเองอีกที “จากพรรคเขียวโจวจี้ไง คนที่จมูกโตๆ…”
‘อ๋อ…หัวหน้าพรรคเขียวโจวจี้’ สองคิงชูนึกออกแล้วว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
หัวหน้าพรรคโจวจี้เป็นคนจมูกใหญ่ เขาจึงมีชื่อเล่นอีกชื่อนึงว่า “เจ้าจมูกโต” ถ้าหากชายคนนี้บอกชื่อเล่นมาเขาก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
“หัวหน้าโจว มีอะไรหรือเปล่า?” สองคิงชูถามกลับไป
พรรคเขียวเป็นกลุ่มใต้ดินที่ทรงพลังที่สุดในเมืองซ่งไห่ และมีความสัมพันธ์อันดีกับปราสาทตระกูลโม่ตั้งแต่ปราสาทตระกูลโม่ยังไม่ถูกก่อตั้ง ก่อนหน้าที่ปราสาทตระกูลโม่จะตั้งหน่วยสายลับ ข้อมูลส่วนมากก็ได้รับมาจากพรรคเขียวนี่แหละ
หลายปีที่ผ่านมาความสัมพันธ์ระหว่างปราสาทตระกูลโม่และพรรคเขียวก็เริ่มที่จะห่างเหิน พวกเขามีแค่เพียงธุรกิจเล็กๆน้อยๆ ดังนั้นหัวหน้าสองคิดไม่ถึงว่าเขาจะได้รับสายโทรศัพท์จากหัวหน้าพรรคเขียวโดยตรง
“พี่สอง ฉันไม่รู้ว่าจะไปขอความช่วยเหลือจากใครแล้ว ฉันพึ่งเจอปัญหานิดหน่อย ฉันไม่รู้ว่าพี่เคยได้ยินเกี่ยวกับมันไหม…เกี่ยวกับข่าวที่เกิดขึ้นบนWeiboเมื่อไม่นานมานี้…”
หลังจากโจวจี้พูดด้วยความตึงเครียดจบ สองคิงชูก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “เพลิงความแค้นของหวังสิถู? นั่นคือมุกใหม่หรือ? ฉันคิดว่าฉันเคยอ่านหนังสือนิยายของเขามาก่อนนะ…นายกำลังบอกว่าภรรยาของเขาถูกลวนลาม? ฮ่าๆๆ!”
อีกทางด้านหนึ่งใบหน้าของโจวจี้เริ่มตึงเครียด “ผู้ชายที่ไปลวนลามภรรยาของเขาคือหลานของฉันเอง…”
สองคิงชูพลันหยุดหัวเราะ “…”
โจวจี้ถอนหายใจเสียงดัง “ดูเหมือนว่าหัวหน้าสองจะไม่รู้เรื่องนี้สินะ แต่ตอนนี้มันกลายมาเป็นปัญหาใหญ่มาก…ใหญ่มากจริงๆ!”
เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากของโจวจี้จบ รอยยิ้มบนใบหน้าของสองคิงชูก็พลันหายไปจนหมดสิ้น “นายจะบอกว่า…เจ้าสำนักทะลวงฟ้าเคอเค่อได้ประกาศตั้งค่าหัวบนWeibo ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากเหล่าผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วน และจอมมารจุนชี่ยังเพิ่มค่าหัวให้อีก?!”
เมื่อเขาฟังมาจนถึงจุดจุดนี้ สองคิงชูก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาภายในใจ ‘นี่มันปัญหาโคตรใหญ่!’
มันไม่ใช่ใครหน้าไหนก็ได้จะประกาศตั้งค่าหัว?! คนที่สามารถทำได้น่ะต้องเป็นถึงระดับหัวหน้าหรือเจ้าสำนักเท่านั้นและมันก็ไม่สามารถถอนออกได้ง่ายๆเสียด้วย
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเจ้าสำนักทะลวงฟ้าเคอเค่อเป็นคนที่ค่อนข้างโหดเหี้ยม…ขนาดปราสาทตระกูลโม่ยังไม่กล้าลองของเลย
“ฉันขอถามหน่อย ทำไมหลานชายของนายถึงไม่เลือกเหยื่อที่ดีกว่านี้? แทนที่จะไปเลือกลวนลามภรรยาของกูรูคนนี้…”
“พี่สอง ฉันแค่มาขอความช่วยเหลือ! ฉันมีหลานชายเพียงคนเดียว ได้โปรดหาทางช่วยฉันที!”
สองคิงชูถอนหายใจ “นายรู้ไหมว่าแฟนคลับของเขาน่ากลัวแค่ไหน? ในขณะที่เจ้าสักนักทะลวงฟ้าใช้Weiboในการตามหา ยังมีคนซึ่งไม่ได้ใช้งานWeiboกำลังลงตามหาอยู่ก็ได้!”
สองคิงชูรู้สึกว่าคำพูดของเขานั้นไม่ได้เกินจริงอะไร แม้แต่เจ้านายของเขายังอ่านนิยายของหวังสิถูเลยและเจ้านายของเขาก็ไม่เล่นWeiboด้วย…
อีกฝั่งหนึ่งของสาย โจวจี้กัดฟันและพูดออกไปว่า “เอางี้เป็นไง ถ้าหากพี่สองช่วยฉันผ่านเรื่องนี้ไปได้ ฉันจะให้ข่าวข่าวหนึ่งเป็นการตอบแทน!”
สองคิงชูหยุดคิดไปครู่นึงก่อนที่จะส่ายหัวเบาๆ “มันยากเกินไป!”
เขากำลังจะวางสายโจวจี้ทันใดนั้นเองอีกฝั่งก็พูดอะไรบางอย่างกลับมา “ฉันรู้ว่าพี่สองกำลังตามหาคนที่สร้างหน้ากากผีดิบอยู่ ซึ่งฉันมีเบาะแสสำคัญอยู่ในมือ…ถ้าหากพี่สองช่วยฉัน ฉันจะให้เบาะแสชิ้นนั้น!”
นิ้วของหัวหน้าสองหยุดค้างห่างจากปุ่มวางสายเพียงหนึ่งเซนติเมตร “นายว่าอะไรนะ?!”