ตอนที่ 116 เก่งแค่ไหนก็ต้องทำตามกฎหมาย
สายตาสังหารเป็นวิชา(หรือเปล่า)ที่หวังลิ่งมักจะใช้บ่อยๆ ถ้าหากสองสีอยู่ตรงนี้ด้วยมันคงอดไม่ได้ที่จะแสดงความไว้อาลัยแก่เจ้าสิงโตนักสู้ เพราะว่ามันก็เคยผ่านจุดจุดนั้นมาเหมือนกัน…
เมื่อเทพมือระเบิดเห็นสิงโตนักสู้กลายไปเป็นแมวเหมียวที่ดูเชื่อง เขาก็รู้สึกประหลาดใจในความอัศจรรย์ของหวังลิ่งเข้าไปอีก
เขาจำได้ว่าเมื่อตอนที่ขอให้หวังลิ่งมาช่วยกำจัดปีศาจซึ่งหนีออกมาจากประตูมิติเมื่อคราวก่อน มันก็มีเหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้น – แค่เพียงหวังลิ่งกวาดตามองปีศาจเหล่านั้นก็ล้มตึงกันเป็นกอง
เทพมือระเบิดรู้ดีเลยว่านั่นหน่ะไม่ใช่การปล่อยพลังกดดันวิญญาณออกไปแต่เป็นแค่เพียงการมองธรรมดาๆเท่านั้นเอง
ในชีวิตของเขาเขารู้ว่าไม่มีวิชาใดที่จะสามารถสยบปีศาจได้ด้วยเพียงแค่การมอง
เทพมือระเบิดรู้สึกว่าสิ่งนี้คงมีเพียงแค่หวังลิ่งคนเดียวเท่านั้นแหละที่สามารถทำได้
จริงอย่างที่ว่า บรรยากาศรอบตัวก็มีส่วน ถ้าหากมีระดับพลังที่เท่ากัน คนที่มีพลังและคลื่นพลังวิญญาณที่เข้มข้นกว่าย่อมสามารถปลุกความตื่นกลัวของคนอื่นได้ นี่แหละเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงระดับพลังของหวังลิ่งได้
แน่นอนว่าเทพมือระเบิดยังไม่รู้ว่าหวังลิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นเป็นแค่เพียงร่างโคลนเท่านั้นเอง
หวังลิ่งคิดว่าถ้าหากเทพมือระเบิดรู้ความจริงเขาคงรับความจริงข้อนี้ไม่ได้แน่ๆ
…………………….
เมื่อคราวที่ปีศาจบุก 6 ปีก่อน นอกเหนือไปจากโจวยี่และคนอื่นๆซึ่งต้องทำตามหน้าที่ ยังมีผู้ฝึกตนฝีมือดีอยู่จำนวนหนึ่งซึ่งทางรัฐบาลได้จ้างมาเก็บกวาดงานที่เหลือ
ผู้ฝึกตนระดับแก่นแท้วิญญาณนั้นมีจำนวนไม่มากมายนัก และ10นักบุญก็เป็นกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่มีชื่อเสียงในด้านนี้
10นักบุญคือกลุ่มของทหารรับจ้าง 10 คน ซึ่งทุกคนในกลุ่มนั้นมีระดับแก่นแท้วิญญาณ
10นักบุญกลุ่มนี้มีชื่อเสียงอยู่ด้วยกัน 2 อย่าง อย่างแรกพวกเขาไม่เพียงแค่แข็งแกร่งอย่างเดียวแต่ยังเป็นพวกป่าเถื่อนด้วย! ตั้งแต่พวกเขาก่อตั้งกลุ่มขึ้นมา งานทุกชิ้นที่พวกเขารับเป็นปฏิบัติการใหญ่ๆทั้งสิ้น และพวกเขาจะกำจัดทุกอย่างและไม่ปล่อยให้มีผู้รอดชีวิตเลย…คนที่เคยจ้างงานพวกเขาต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ที่ไหนที่พวก10นักบุญไป ที่นั่นไม่เหลือแม้แต่หญ้า!”
อย่างที่สองก็คือพวกเขาเป็นพวกเห็นแก่เงิน 10นักบุญเป็นกลุ่มคนหายากที่อยู่ในระดับแก่นแท้วิญญาณที่สามารถซื้อพวกเขาได้ด้วยเงิน…แต่ผู้ว่าจ้างที่สามารถจ้างพวกเขาได้นั่นหายากยิ่งกว่า เพราะค่าจ้างนั้นถือว่าแพงเอาเรื่องเลยทีเดียว ดังนั้นแล้วสำหรับกลุ่ม10นักบุญนั้นมันไม่มีคำว่าคุณธรรมที่แท้จริง พวกเขาถูกว่าจ้างโดยรัฐบาลให้กำจัดปัญหาและเก็บกวาดความวุ่นวาย แต่พวกเขาก็สามารถถูกว่าจ้างให้กระทำการชั่วร้ายได้ สำหรับพวกเขาเงินเท่านั้นคือความชอบธรรมที่แท้จริง ตราบใดที่ผู้ว่าจ้างมีเงินจ่ายให้ พวกเขาสามารถเรียกผู้ว่าจ้างว่า “ป๊ะป๋า” ได้เลยถ้าหากผู้ว่าจ้างต้องการ!
หัวหน้าหน่วย “สอง คิงชู” เมื่อได้ทราบข่าวว่าตนเองจะต้องเป็นคนคุมพวก10นักบุญเขาก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ
เป็นครั้งแรกเลยที่เขาคิดว่าเขาประเมิณอำนาจเจ้านายของเขาต่ำไป…
ในการที่จะจ้างกลุ่มคนกลุ่มนี้ได้จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมาก แม้แต่เจ้าของธุรกิจขายยา(ไม่ใช่ยาเสพติด)อันดับหนึ่งของประเทศอย่างม่านน้ำฮวงโห พวกเขายังต้องคิดแล้วคิดอีกเลย แต่เจ้านายในครั้งนี้ต้องการความชัวร์เขาจึงเรียกใช้บริการของคนกลุ่มนี้ด้วยสัญญา 3 ปี… เขาใช้สมบัติอะไรกันที่สามารถซื้อคนพวกนี้ได้? มันยากสำหรับสองคิงชูที่จะคิดถึงเรื่องพวกนี้เพราะเขานั้นยังอ่อนต่อวงการนี้อยู่
………………………
ตอนนี้เป็นเวลาสี่โมงเย็นนิดๆ เทพมือระเบิดกำลังเตรียมตัวที่จะออกจากบ้าน
เขามักจะลืมตัวฝ่าฝืนกฎความเร็วขณะขี่กระบี่บิน ในตอนนี้แต้มการบินของเขาเหลือเพียง 2 แต้ม ซึ่งแต้มเหล่านี้จะถูกรีเซ็ตเป็น 12 แต้มเมื่อถึงเดือนมิถุนายน เขาจึงตัดสินใจว่าจะขึ้นรถบัสไปยังโรงเรียนของหวังลิ่ง มันจะใช้เวลาประมาณชั่วโมงนึงซึ่งถึงก่อนที่การประชุมผู้ปกครองจะเริ่มขึ้นพอดี
ด้วยการที่เป็นประชาชนคนนึงของประเทศนี้ แม้แต่คนระดับแก่นแท้วิญญาณก็ควรจะต้องเคารพกฎหมายขั้นพื้นฐาน
เทพมือระเบิดนั้นทำตัวเป็นบุคคลตัวอย่างในเรื่องนี้เสมอมา
เพราะว่ายุคสมัยนั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว
ในอดีต ถ้าหากว่าคุณมีระดับพลังที่สูง คุณจะได้รับอนุญาตให้ทำอะไรก็ได้ ตัวอย่างเช่นการประมูลขายของ ซึ่งปกติแล้วต้องว่ากันด้วยเงินแต่ยุคสมัยนั้นเจ้าของที่นำของมาประมูลก็มักจะโดนลอบสังหารบ่อยครั้งเพื่อขโมยของที่นำมาประมูลชิ้นนั้น แต่ตอนนี้เหล่าตำรวจซึ่งล้วนแต่เป็นผู้ฝึกตนก็ได้ตั้งกฎหมายขึ้น ทำให้ยุคสมัยที่คนแข็งแกร่งกว่าสามารถทำได้ทุกอย่างได้จบลง
คุณอาจจะมีพลังที่เหนือกว่า แต่ถ้าหากคุณฝ่าฝืนกฎหมาย คุณก็ต้องถูกจำคุกอยู่ดี
ทุกคนรู้ว่าเทพมือระเบิดนั้นเป็นคนหัวรุนแรง เขาได้ตั้งตนเองเป็นศาลเตี้ยเป็นเวลากว่าหลายปี แต่เขาก็ไม่เคยที่จะล้ำเส้นกฎหมาย
“น้องนิ่ง ฉันฝากทางนี้ด้วยนะ!”
เทพมือระเบิดพูดกับหวังลิ่งข้างหน้าบ้าน
หวังลิ่งยืนกอดอกพิงประตูไม่แสดงท่าทีอะไร ข้างๆเขามีสิงโตนักสู้นอนหมอบอย่างเชื่อฟังอยู่
หลังจากหวังลิ่งได้สั่งสอนมันด้วยสายตา ท่าทางอันไม่เป็นมิตรของเจ้าสิงโตตัวนั้นก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง มันหันไปเลียขนตัวเองรวมไปถึงเลียก้นด้วย…
เทพมือระเบิดถึงกับพูดอะไรไม่ออก…เจ้าสิงโตตัวนั้นกลายเป็นแมวเชื่องๆตัวหนึ่งเมื่ออยู่ต่อหน้าหวังลิ่งไปเสียแล้ว
“น้องลิ่ง นายก็รู้สึกเหมือนกันใช่ไหม?”
เทพมือระเบิดพูดลอยๆขึ้นมาขณะที่กำลังยืนอยู่หน้าบ้าน
หวังลิ่งพยักหน้าโดยที่ไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆออกมา
เขารู้ดีว่าตอนนี้มีคนมากกว่าหนึ่งคนกำลังมองพวกเขาอยู่
“ดูเหมือนว่าความกังวลของฉันมันก็ไม่ได้เสียเปล่า ฉันรู้อยู่แล้วว่าไอเจ้าพวกนั้นมันคงไม่ยอมรามือไปง่ายๆ”
หวังลิ่งขมวดคิ้ว
“แต่น้องลิ่งอยู่ตรงนี้แล้ว ฉันคิดว่านายคงรับมือไหว…ใช่ไหม?”
หวังลิ่งขมวดคิ้วหนักขึ้นไปอีก
“น้องลิ่งอย่าทำหน้าแบบนั้นสิ”
“…”
………………………….
มีหลายสิ่งหลายอย่างบนโลกที่ทำให้หวังลิ่งขมวดคิ้วได้ ยกตัวอย่างเช่น ผลสอบออกมาดีเกินไป พ่อของหวังลิ่งลดเงินค่าขนมของเขา ขนมบะหมี่รสพิเศษออกวางขาย…
แน่นอนว่าความกลัวไม่ได้เป็นหนึ่งในนั้น
หวังลิ่งยอมรับว่าคนเหล่านั้นมีพลังที่ค่อนข้างสูง พวกเขาแตกต่างจากองค์กรเงาสายธารอย่างสิ้นเชิง เขาจึงไม่รู้ว่าเขาจะสามารถปราบคนเหล่านั้นได้ง่ายๆหรือเปล่า
เขาไม่ได้ทำอะไรมากนักเมื่อตอนที่นักฆ่าจากเงาสายธารจะทำร้ายเขา ก่อนที่พวกเขาจะโดนสะท้อนตายไปเอง ดูเผินๆจากพลังวิญญาณของคนกลุ่มนี้ หวังลิ่งคิดว่าพวกเขาคงอาจจะทนหมัดของเขาได้สองถึงสามครั้ง…
เหตุผลจริงๆที่ทำให้หวังลิ่งขมวดคิ้วก็คือเขารู้สึกว่าอีกฝั่งจะมีคนมากเกินไปหน่อย ซึ่งนั่นทำให้เขารู้สึกหงุดหงิด
เพราะว่าคืนนี้จะมีซีรี่ย์เรื่อง “ตำนานผู้ฝึกตน” ซึ่งหวังลิ่งไม่อยากจะพลาด! เพราะในระหว่างที่ซีรี่ย์ออกอากาศ สปอนเซอร์รายใหญ่อย่างบริษัทสมอลแรคคูนจะสุ่มเลือกผู้ชมรายการให้ได้รับรางวัล กินขนมบะหมี่ฟรี 30 ปี…
ถ้าเขาพลาดเนื่องจากคนกลุ่มนี้เขาจะฆ่าพวกมันทิ้งให้หมดเลย!