ตอนที่ 156 ไม่ต้องการของขวัญแบบนี้!
วันพุธที่ 2 มิถุนายน สัปดาห์ที่ 6 ของปีการศึกษาที่ 1
หลังจากค่ำคืนอันแสนวุ่นวายเมื่อวาน หวังลิ่งก็ได้ขบคิดถึงเรื่องราวหลายเรื่องในหัวของเขา
สองคิงชูนั้นได้ใช้ข้อมูลของหน้ากากผีดิบเป็นเครื่องมือต่อรองเพื่อบังคับพวกเขา หวังลิ่งเกลียดคนประเภทนี้เพราะเขารู้สึกว่าคนเหล่านี้มักจะสร้างแต่ปัญหา
ที่จริงแล้วเขาก็ไม่ได้เห็นด้วยกับความคิดนี้ตั้งแต่ต้น
แต่ทว่าเปลือกตาเตือนภัยของเขานั้นเตือนว่าห้ามเมินเฉยต่อปัญหานี้ ไม่เช่นนั้นแล้วอาจจะเกิดปัญหาใหญ่กว่านี้ตามมา
ไม่ว่าจะเลือกทางไหนมันก็มีปัญหา หวังลิ่งจึงเลือกทางที่จะทําให้เรื่องมันมีปัญหาเบาที่สุด
และอีกเรื่องนึงก็คือเรื่องของหอคอยอมตะ..
หวังลิ่งมีความรู้ไม่มากนักในเรื่องของโลกผู้ฝึกตน นั่นก็เพราะว่าเขาไม่เคยคิดจะสนใจเรื่องเหล่านั้นเลย ส่วนใหญ่เทพมือระเบิดจะสอนเขาเกี่ยวกับเรื่องเหล่านั้น
โลกผู้ฝึกตนปัจจุบันนั้นถูกแบ่งออกเป็นสองขั้ว นั่นก็คือขั้วอํานาจขาวกับดํา
ทางด้านขั้วอํานาจขาวหรือฝ่ายธรรมะนั้นก็จะเป็นพวกพรรคหรือสํานักที่ขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้อง มีการรับสมัครลูกศิษย์และเรียกเก็บค่าเล่าเรียน สํานักเหล่านั้นสามารถปลูกหญ้าวิญญาณได้จึงทําให้พวกเขาสามารถสร้างรายได้จากมันได้อีกทางหนึ่ง ฝ่ายธรรมะนั้นอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาล และเปิดเผยสามารถให้หน่วยงานใดมาตรวจสอบก็ได้ การที่จะรับเข้ามาเป็นศิษย์นั้น ผู้สมัครต้องผ่านการศึกษาภาคบังคับของทางรัฐและเป็นอิสระจากสํานักอื่น 100 ปี เป็นอย่างน้อย ดังนั้นทั้งรัฐบาลและสํานักฝ่ายธรรมะจึงไม่มีข้อพิพาทกันเท่าไรนัก
ทางขั้วอํานาจดําหรือฝ่ายอธรรมจะพูดให้ง่ายก็คือ…พวกเขาเป็นสํานักที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ทางรัฐบาลเกรงกลัวในพลังอํานาจของสํานักเหล่านี้จึงส่งทีมไปพยายามทําลายและปิดสํานักเหล่านี้
ด้วยการที่เป็นถึงเจ้าของเว็บบอร์ดผู้ฝึกตน เทพมือระเบิดได้มีพันธะสัญญากับสํานักฝ่ายธรรมะทุกสํานัก เขาจึงรู้ถึงศักยภาพของแต่ละสํานักในฝ่ายธรรมะเป็นอย่างดี ก็คงจะมีเพียงสํานักฝ่ายอธรรมนี่แหละที่เขาจะไม่รู้ถึงศักยภาพที่แท้จริงของพวกเขา
อาจูและอายูได้ถูกว่าจ้างโดยนายหญิงของปราสาทตระกูลโม่ บางทีนี่อาจจะยังไม่ใช่พลังที่แท้จริงของหอคอยอมตะ ทั้งสองคนที่มาจากสํานักดังกล่าวมีระดับถึงแก่นแท้วิญญาณ หนําซ้ำพวกเธอยังแปลงสภาพร่างกายของตัวเองบางส่วนให้กลายเป็นอาวุธวิเศษอีก
มันอาจจะพูดได้ว่า พลังอํานาจของฝ่ายอธรรมอย่างหอคอยอมตะนั้นยังคงเป็นปริศนา
หลังจากที่จัดการสิ่งของที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นเสร็จ สองคิงชูก็ได้ตามเทพมือระเบิดกลับไปยังบ้านของเขา ณ เวลานี้เขาทําหน้าที่เป็นผู้ช่วยของเทพมือระเบิดในการสิบหาข้อมูลเป็นการชั่วคราว นอกจากนักบุญลําดับสามแล้วก็มีเขาอีกคนที่ทรยศปราสาทตระกูลโม่
หลังจากที่พวกเทพมือระเบิดจากไป หวังลิ่งก็ได้มองดูนาฬิกา เขาพบว่ามันก็เป็นเวลาเกือบจะตีสามแล้ว แถมการบ้านของเขายังไม่เสร็จอีกต่างหาก!
แต่สิ่งที่เป็นปัญหาน่าปวดหัวกับเขาที่สุดก็คือ การบ้านเหล่านั้นดันเป็นของอาจารย์ปานซึ่ง ไม่มีอยู่ในตําราเรียนปกติของเขา! หวังสิ่งใช้เวลา 5-6 นาทีในการอ่านหนังสือทั้งหมดก่อนที่เขาจะเรียกเจ้าปากกาและยางลบปีศาจออกมาช่วยเขาทําการบ้าน
เขาเป็นเด็กผู้ชายธรรมดา อายุเพียงแค่ 16 ปี เขารู้สึกว่าอ่อนล้ากับชีวิตในปัจจุบันของเขาในตอนนี้มาก!
……………………
เมื่อหวังลิ่งมาถึงห้องเรียนในตอนเช้า เป็นครั้งแรกที่เขาพบว่าไม่มีใครกําลังลอกการบ้านอยู่เลย แม้แต่เซ็นเฉาและกัวหาว ทั้งสองคนผู้ซึ่งเล่นเกมกันจนดึกดื่นทุกคืน ก็ยังส่งการบ้านตรงเวลา
มันต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นแน่นอน หวังลิ่งรู้นิสัยของทั้งสองคนนี้ดี มันต้องมีอะไรผิดปกติที่ไอเจ้าสองคนนี้มันจะกลายเป็นคนขยันแบบนี้ขึ้นมาได้
เขาจึงถือวิสาสะอ่านความทรงจําในหัวของทั้งสองเพื่อค้นหาคําตอบ
ซุนหรงขาดเรียนในวันนี้
นั่นก็เพราะนักเรียนชั้นปีที่หนึ่งของโรงเรียนอันดับที่ 60 จะต้องเข้าร่วมการฝึกพิเศษของกองทัพในกลางเดือนนี้ และเมื่อโรงเรียนอันดับที่59ได้ทราบข่าว อาจารย์ใหญ่ของทั้งสองโรงเรียนจึงตัดสินใจประชุมหารือกัน และตัดสินใจที่จะส่งเด็กเข้าฝึกพร้อมกันเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ของทั้งสองโรงเรียน ดังนั้นซุนหรงจึงถูกส่งตัวไปที่โรงเรียนอันดับ59 เพื่อเป็นตัวแทนการส่งเสริมความสัมพันธ์
ในทางกลับกัน ทางโรงเรียนอันดับที่59ก็ได้ส่งนักเรียนมายังโรงเรียนอันดับที่60เช่นกัน
อาจารย์ใหญ่ทั้งสองได้ทําการตกลงกันอย่างลับๆโดยไม่ได้แจ้งให้ใครทราบล่วงหน้าเลย แม้แต่อาจารย์ประจําชั้นก็พึ่งจะทราบในตอนประชุบเมื่อวานนี้ ดังนั้นบรรดานักเรียนจึงยังไม่ทราบเรื่องราวใดๆ
ด้วยการที่เป็นตัวแทนของห้อง [ใครเลือกเอ็งฟร้ะ…ผู้แปล] กัวหาวนั้นเข้าออกห้องพักอาจารย์บ่อย และเขาก็ได้ทราบเรื่องก่อนใครเพื่อน….นั่นคือเหตุผลที่ทําไมเจ้าสองคนนี้ไม่ได้ลอกการบ้านในตอนเช้า
เพราะว่าพวกเขาได้ยินมาว่าทางโรงเรียนอันดับที่59ก็ได้ส่งนางฟ้าประจําโรงเรียนมาเช่นกัน มันอาจจะดูไม่ดีหากพวกเขาโดนนางฟ้าคนนั้นจับได้ขณะกําลังลอกการบ้าน!
“ฉันสงสัยจริงๆว่าใครกันน้าที่ทางโรงเรียนอันดับที่59ส่งมา…” เซ็นเฉานั่งเท้าคางและจ้องไปยังประตูทางเข้าของห้องเรียน ตั้งตารอคนในฝันที่จะเดินผ่านประตูนั้นเข้ามา
ในโรงเรียนอันดับที่59นั้นมีเด็กผู้หญิงสวยๆไม่มากนัก แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีแม่เหล็กแรงสูงอย่างซุนหรง บรรดาผู้ชายชั้นปีที่หนึ่งห้องสามต่างก็สนิทสนมกับซุนหรงกันหมดแล้ว ด้วยการที่เป็นเพื่อนร่วมห้องกับเธอมานาน แต่มันก็มีสิ่งที่น่าเจ็บปวดคือซุนหรงนั้นอยู่สูงเกินไป. เป็นผู้หญิงที่พวกเขาไม่มีหวังเลยสักนิดเดียว
ในทางกลับกัน นักเรียนหญิงคนสวยของโรงเรียนอันดับที่59ดูจะเข้าใกล้พวกเขามากกว่า
ไม่นานนักพวกเขาก็ได้ยินเสียงเดินของอาจารย์ปานจากโถงทางเดิน
“เธอมาแล้ว เธอมาแล้ว!” กัวหาวพูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น
ไม่ไกลจากอาจารย์ปาน เขาจับไอพลังวิญญาณแปลกประหลาดได้สองคน
“หรือจะมีนักเรียนแลกเปลี่ยนสองคน?”
อาจารย์ปานหยุดอยู่หน้าห้องและหันไปบอกนักเรียนแลกเปลี่ยนทั้งสอง “ไม่ต้องตื่นเต้นนักเรียนของฉันนั้นมีอัธยาศัยดี จากนี้จนถึงการเข้าค่าย ฉันหวังว่าพวกเธอจะได้รับความทรงจําดีๆจากโรงเรียนแห่งนี้”
หลังจากนั้นอาจารย์ปานจึงเดินเข้าห้องเรียนมา
เมื่อเธอเดินเข้ามา ข้างหลังเธอก็มีเด็กนักเรียนสองคนเดินตามเข้ามา
เซ็นเฉาและกัวหาวแทบจะคว่ำโต๊ะใส่กลับกลายเป็นว่านักเรียนแลกเปลี่ยนเป็นนักเรียนชายสองคน!
“อะไรกัน!!! พวกเราส่งนักเรียนที่สวยที่สุดในโรงเรียนอันดับที่60ไป! แล้วทําไมถึงได้ไอสองตัวนี้กลับมากันวะเนี่ย?!?
นักเรียนทั้งสองคนของโรงเรียนอันดับที่59นั้น เป็นบุคคลที่คุ้นหน้าคุ้นตาสําหรับหวังสิ่งเป็นอย่างดี
อาจารย์ปานซึ่งยืนอยู่หน้าชั้นเรียนแนะนํานักเรียนทั้งสองคนให้รู้จัก “ทุกคน เดี๋ยวอาจารย์จะแนะนําพวกเขาให้รู้จัก คนด้านซ้ายนี้ชื่อเหอบู่ฟง สวนคนด้านขวานี้ชื่อถังจิงเสอ..ช่วยปรบมือเป็นการต้อนรับพวกเขาหน่อย!”
แปะ แปะ แปะ…
หลังจากการปรบมือที่ไม่ค่อยเต็มใจจบลง กัวหาวก็ยกมือขึ้นถามอย่างสงสัย “อาจารย์ปาน นักเรียนสองคนนั้นดูเหมือนจะไม่ได้อยู่ชั้นปีที่หนึ่ง มันไม่แปลกไปหน่อยหรอครับ?”
“เดี๋ยวอาจารย์จะอธิบายให้ฟังด้วยเหตุผลส่วนตัวบางประการ นักเรียนเหอบู่ฟังนั้นไม่เคยเข้าร่วมการฝึกใดมาก่อน ดังนั้นเขาจึงถูกนับให้เป็นนักเรียนปีที่หนึ่งเพื่อจะได้เข้ารับการฝึกได้ ส่วนถังจิงเสอ…เป็นเพราะว่าเราส่งซุนหรงไปทางอาจารย์ใหญ่จินจึงรู้สึกว่าไม่ดีแน่หากเขาจะส่งเพียงแค่เหอบู่ฟังมา เขาจึงตัดสินใจส่งถังจิงเสอมาด้วย…”
ทั้งห้องต่างไม่เงียบไม่มีใครแสดงความคิดเห็นใด จากคําตอบของอาจารย์ปาน สรุปได้ว่าถังจิงเสอเป็นแต่ของแถมสินะ
“…..”
“นักเรียนถังจิงเสอนั้นมีเกรดที่ยอดเยี่ยม หากพวกเธอมีอะไรตรงไหนไม่เข้าใจก็ให้เขาสอนได้” อาจารย์ปานกระแอ้มเคลียร์ลําคอก่อนที่จะเริ่มพูดต่อ “ยิ่งไปกว่านั้นครอบครัวของเหอบู่ฟงยังเปิดให้บริการโรงพยาบาลสําหรับผู้ชาย และเขาได้นําเอาของขวัญมาแจกให้กับทุกคนในโรงเรียนอันดับที่60…ภายในหกเดือนนับจากนี้ นักเรียนชายทุกคนของโรงเรียนอันดับที่60 จะได้รับส่วนลด50% เมื่อใช้บริการขลิบที่โรงพยาบาลเพียงแค่แสดงบัตรนักเรียน”
“แล้วสําหรับผู้หญิงหล่ะคะอาจารย์?” หลินเสี่ยวหยูยกมือขึ้นถาม
อาจารย์ปานดันแว่นของตัวเองขึ้น “ถอนขน…”
นักเรียนทุกคนในห้องต่างตะโกนในใจเป็นเสียงเดียวกันว่า “กุ/หนู ไม่ต้องการของขวัญแบบนี้