ตอนที่ 149 ช็อค! ที่จริงแล้วอาวุธเทพก็คือ…
ทุกวันนี้มันเป็นเรื่องปกติที่บรรดาติวเตอร์หลายๆที่จะขายสินค้ายาบํารุงสมอง แต่หวังลิ่งคิดว่าครั้งนี้ปราสาทตระกูลโม่เลือกทางผิด พวกเขาลืมไปว่าซุนหรงเรียนอยู่ที่โรงเรียนแห่งนี้ [โอ้วซุนหรงในที่สุดหนูก็ได้กลับมาแล้วT^T…ผู้แปล] ด้วยการที่เป็นถึงทายาทม่านน้ำฮวงโหยักษ์ใหญ่แห่งวงการอาหารและยา เธอนั้นมีความรู้ต่อตัวยาต่างๆ การโฆษณาที่เกินจริงของยาบํารุงในตลาดนั้นถือว่าเป็นเรื่องปกติ…ซุนหรงนั้นไม่เคยได้ยินชื่อของสี่ผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นมาก่อน ทําให้เธอเป็นรู้สึกกังวล
ระหว่างตอนพัก เธอได้แอบโทรหาพ่อบ้านหลินซันของเธอ
“หลิวฮงบิน? ลี่ชิมมิ่ง? หวังจี้จิน? เกาเจินจง?” ทางอีกฝั่งนึงของสายตอบกลับมา พ่อบ้านหลินซันนั้นขมวดคิ้วทั้งสองเข้าหากัน “คุณหนูครับ คุณหนูแน่ใจนะครับว่าคุณหนูเห็นชื่อพวกนี้ในวีดีโอนั่น”
ซุนหรงพยักหน้า “ค่ะ”
พ่อบ้านแก่หายเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับมา “เจ้าสี่คนนี้มักจะโผล่มาโฆษณาหลังเที่ยงคืน ทําตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญดานต่างๆ ซึ่งอันที่จริงแล้วพวกเขานั้นไม่ได้มีใบรับรองอะไรเลย ผู้คนเลยขนานนามให้พวกเขาว่า พิษแห่งตะวันออก คนบ้าแห่งตะวันตก คนอ่อนแอแห่งทิศใต้ และคนโกงแห่งทิศเหนือ”
“…”
ซุนหรงรู้สึกฉุนเล็กน้อย “นั่นก็หมายความว่า คุณภาพของน้ำอมฤทธิ์ตระกูลโม่ไม่ได้ดีตามที่โฆษณาไว้สินะ”
“มันอาจจะเป็นมากกว่านั้นก็ได้นะครับคุณหนู! โดยปกติแล้วพวกสินค้ายาบํารุงที่ใช้พวกใบรับรองปลอมๆนั้นมักจะมีผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย”
“แล้วเราจะทํายังไงดีคะลุงหลิน?” ซุนหรงถามกลับไป
“คุณหนูไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวผมจะโทรหาอาจารย์ใหญ่เช็นและบอกให้เขาห้ามจําหน่ายยาตัวนี้ภายในโรงเรียนแห่งนี้ให้”
โดยที่ไม่ต้องออกคําสั่งใดๆหลินซันเป็นบุคคลที่วางใจได้ เมื่อวางสายจากซุนหรงเขาก็รีบติดต่อทางโรงเรียนเกี่ยวกับเรื่องยาดังกล่าวทันที
หลังจากนั้นไม่นานสองคิงชูก็รีบร้อนใจโทรไปหาอาจารย์ใหญ่เช็น “ครูใหญ่เห็น คุณรับเงินค่าโฆษณาของเราไปแล้ว ทําไมถึงโอนกลับมาแบบนี้?”
อาจารย์ใหญ่เช็นตอบด้วยสีหน้าสลด “พวกเราได้ทําการเล่นวีดีโอนั่นแล้วในทุกชั้นเรียน แต่ทว่าด้วยการประกาศขายน้ำอมฤทธิ์ตระกูลโม่นั้น ทางบอร์ดผู้บริหารของโรงเรียนอันดับที่60รู้สึกไม่สบายใจ และกลัวว่าจะเป็นอันตรายต่อพวกเด็กๆ ฉันจึงตัดสินใจที่จะคืนเงินทั้งหมดให้คุณ”
สองคิงชูอารมณ์เสียแบบสุดๆ เมื่อโดนปฏิเสธแบบไร้เยื่อใยแบบนี้ “ผมไม่สนเอาเบอร์ของบอร์ดบริหารของคุณมา! เดี๋ยวผมจะคุยด้วยตัวของผมเอง!”
อาจารย์ใหญ่เช็นถอนหายใจ “คุณสอง ทางที่ดีคุณอย่าพยายามเลยจะดีกว่า….บอร์ดบริหารของเรามีหน้าที่สําคัญอย่างอื่นให้ทําเยอะแยะเขาคงไม่มีเวลาว่างมารับสายของคุณหรอก ถ้าหากโชคดีคุณอาจจะถูกบันทึกไว้ในลิสต์แต่ฉันคิดว่ามันคงไม่ต่ำกว่าครึ่งปี…”
“ใครคือหัวหน้าบอร์ดบริหารของคุณ?”
อาจารย์ใหญ่เช็นถอนหายใจออกมา “เขาเป็นซีอีโอของม่านน้ำฮวงโหกรุ๊ป ซุนไคหมิง ลูกสาวของเขาก็เรียนอยู่ที่นี่ คุณไม่รู้งั้นหรือ?”
“…”
หลังจากได้ยินเรื่องนี้สองคิงชูอยากจะร้องไห้
โรงเรียนแห่งนี้มีซีอีโอของม่านน้ำฮวงโหเป็นหัวหน้าบอร์ดบริหาร…แต่พวกเขาก็ยังแกล้งทําเป็นยากจน…
…………………..
บางครั้งก็มีคนที่ดวงซวยจนไม่น่าเชื่อ สองคิงชูนั้นวางแผนมาแล้วและเลือกโรงเรียนที่ดูจนที่สุดในฐานข้อมูลของรัฐบาล แล้วคุณหนูของม่านน้ำฮวงโหมาเรียนอยู่ในโรงเรียนแห่งนี้ได้ยังไง?!
‘อย่างนี้ท่าจะแย่ไม่มีทางเลยที่ปราสาทตระกูลโม่จะขายยาตัวนั้นในโรงเรียนแห่งนี้ได้ ซึ่งหมายความว่าแผนกว่าครึ่งของเขาพังไปแล้ว แต่ถ้าหากเขายอมแพ้ตรงนี้คงจะเสียหายน้อยที่สุด’
สองคิงชูรู้ซึ้งถึงความโหดเหี้ยมของเจ้านายของเขาดี หลายปีมานี้มีคนหลายคนที่ต้องถูกดับชีวิตลง ไม่ว่าจะเป็นพนักงานคนไหนแม้ว่าจะทํางานมาแล้วหลายปีหรือเป็นเด็กใหม่ หากทํางานได้ไม่ผ่านมาตรฐาน พวกเขาเหล่านั้นมีเพียงทางเลือกเดียวคือความตาย..
ถึงอย่างนั้นสองคิงชูก็ไม่มานั่งรอความตายหรอก
ก่อนที่ภารกิจนี้จะล้มเหลวอย่างสมบูรณ์เขาจะต้องซิ่งหนีไปก่อน!
ภายในตัวเมืองซ่งไห่ สองคิงชูกําลังเก็บข้าวของภายในห้องพักสุดหรูของเขาอยู่
เขาได้ทําการซื้อตั๋วเครื่องบินด้วยบัตรประชาชนปลอมเพื่อที่จะบินออกนองประเทศ ด้วยตอนนี้เขายังไม่ได้ถูกปลดออกจากตําแหน่ง มันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะหาบัตรประชาชนปลอม ยิ่งไปกว่านั้นเขารู้ถึงความสามารถของปราสาทตระกูลโม่ดี พวกเขาจะไม่ออกตามล่าข้ามประเทศ…ถ้าหากทุกอย่างไปได้สวยเขามีโอกาสหนีรอดสูงถึง80%
สองคิงชูตรวจเช็คสัมภาระของเขาเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อให้แน่ใจว่าเขามีเอกสารปลอมแปลงครบถ้วน หลังจากนั้นเขาก็เอกสารปลอมมาใส่ไว้ในกระเป๋าตัง แม้ว่าจะโดนตรวจสอบเขาก็ไม่กลัว เพราะเขาได้บอกให้เพื่อนของเขาซึ่งทํางานอยู่ในกรมตํารวจ เพิ่มข้อมูลของเขาลงไปในระบบทําให้ไม่มีปัญหาถ้าหากเขาโดนตรวจบัตรผ่านระบบออนไลน์
เนื่องจากว่าเขามีของเยอะเขาใช้เวลาไปเยอะมากที่จะเก็บของเหล่านั้น ด้วยเวลาที่เหลืออยู่เขาไม่สามารถเอาของไปได้ทั้งหมด เขาไม่ได้เป็นห่วงว่าจะเอาของไปได้ไม่หมด เพราะปัจจุบันกระเป๋าหลายๆรุ่นก็ได้ใช้เทคโนโลยีขยายมิติภายในกระเป๋าให้สามารถเก็บของได้เยอะกันทั้งนั้น
นอกจากกระเป๋าตังที่เต็มไปด้วยเอกสารปลอมแล้ว กระเป๋าเดินทางของเขาก็เต็มไปด้วยเสื้อผ้า สมบัติและยาบํารุงราคาแพงต่างๆ
สองคิงชูคิดว่าถ้าหากเจ้านายของเขาจับได้ว่าเขาได้หนีไปแล้ว อย่างแรกเจ้านายของเขาคงระงับบัญชีทุกบัญชีที่มีชื่อเจ้าของเป็นสองคิงชู แต่การที่จะถอนเงินจํานวนมากออกมานั้นเป็นการกระทําที่น่าสงสัยเกินไป เขาจึงตัดสินใจที่จะหนีไปพร้อมกับสมบัติและยาบํารุงราคาแพงบางส่วน
พวกสมบัติล้ำค้าพวกนี้แค่ตั้งโชว์ไว้เฉยๆภายในห้องของเขา ถ้าหากเขาหนีไปต่างประเทศสําเร็จเขาสามารถนํามันไปขายเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายของเขาได้
เมื่อเขาเตรียมการทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมแล้ว สองคิงชูก็เดินไปหยิบกระเป๋าสัมภาระใบจิ๋วของเขา แต่เมื่อเขาเปิดประตูห้องออกไป เขาก็พบกับผู้หญิงรูปร่างสูงโปร่งผมยาวถึงสะเอวสวมเสื้อแจ็คเก็ตและแว่นตาสีดํายืนขวางอยู่หน้าประตู
ทันทีที่ผู้หญิงคนนั้นเห็นสองคิงชู ริมฝีปากของเธอก็เผยอเล็กน้อยและหัวเราะอย่างเย็นชาใส่สองคิงชู “นี่นายคิดจะหนีจริงๆด้วยสินะมิสเตอร์สอง”
“คุณคือ…!” สองคิงชูรู้สึกตกใจ ผู้หญิงตรงหน้าเขาต้องเป็นนักฆ่าที่นายหญิงแห่งปราสาทส่งมาแน่นอน!
“ฉันชื่ออาจูทํางานให้กับนายหญิง นายหญิงรู้ว่านายวางแผนที่จะหลบหนี” ในระหว่างที่เธอพูดนั้นเธอก็ยืนเล่นเล็บยาวสลวยของเธอ “คุณคิดว่าคุณจะปกปิดเรื่องพวกนี้จากนายหญิงได้หรอ? ตลอดหลายปีที่ผ่านมาก็มีหลายคนที่พยายามจะหนี นายและฉันก็ได้ตามเก็บคนเหล่านั้นจนหมด”
สองคิงชูเหงื่อตกด้วยความกลัว เขาสามารถรับรู้ได้ถึงความแข็งแกร่งของผู้หญิงตรงหน้าอย่างน้อยหล่อนก็น่าจะมีระดับแก่นแท้วิญญาณ ซึ่งมันเป็นเรื่องง่ายมากถ้าเธอจะฆ่าเขา
“มิสอาจู ได้โปรดปล่อยผมไปเถอะ ผมสามารถให้ได้ทุกอย่างที่คุณอยากได้” สองคิงชูกอดกระเป๋าใบจิ๋วของเขาแน่นและตัวสั่นเทิ้มด้วยความกลัว ในใจเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ตลอดระยะเวลาหลายปีที่เขาดํารงตําแหน่งหนึ่งในผู้บริหาร เขาไม่เคยทําตัวสุภาพเท่านี้มาก่อน
เขาไม่คาดคิดว่าวันที่เขาจะทําตัวแบบนี้จะมาถึง
“คุณคิดว่าคุณสามารถให้ได้มากกว่าที่นายหญิงให้งั้นหรอ?”
อาจูกางนิ้วทั้งห้าของเธอออก และสองคิงชูก็เห็นเล็บสีแดงสดของเธอเรืองแสงสีทองอ่อนๆ ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้พกอาวุธอะไรมาเลยก็เพราะเธอได้เสริมพลังให้กับเล็บของเธอด้วยของวิเศษแล้วนั่นเอง!
อาวุธวิเศษระดับเจ็ด
สองคิงชูรู้สึกตกใจ แค่เพียงอาวุธวิเศษระดับเก้าก็สามารถฆ่าคนที่มีระดับต่ำกว่าแก่นแท้วิญญาณได้แล้ว
ด้วยเล็บเหล่านั้นซึ่งถูกเสริมพลังด้วยอาวุธวิเศษระดับเจ็บ แค่รอยข่วนเขาก็สามารถตายได้แล้ว!
*วูบ!*
ทันใดเองผู้หญิงตรงหน้าก็กางนิ้วและตวัดมือขวนเป็นแนวทแยงผ่านหน้าสองคิงชู
เขาหลับตาปี๋ด้วยความหวาดกลัว กระเป๋าสัมภาระใบเล็กของเขาขาดเป็นรอยข่วนห้าแนว
“ไม่ต้องกังวลไปมันไม่เจ็บหรอกนะ…”
แต่หลังจากที่ผู้หญิงตรงหน้าแทงเล็บเข้าไปในรอยข่วนนั่น พวกเขาก็รู้สึกว่าเล็บเหล่านั้นถูกขวางไว้ด้วยอะไรบางอย่างทําให้ไม่สามารถเข้าไปได้ลึกกว่านี้
“หืม…มันติดอะไร?!”
เธอพยายามฝืนดันมันเข้าไปและทันใดนั้นเองก็เกิดเสียง *แกร๊ก!* ดังออกมาจากกระเป๋า
อาจูตกใจกับเสียงดังกล่าว เธอรู้สึกว่าเหมือนเล็บของเธอจะหัก
และหลังจากนั้นเธอก็ได้รับแรงสะท้อนจากอะไรบางอย่างกลับมาจนตัวเธอกระเด็นไปชนกับกําแพงที่อยู่ข้างหลังเธอ
ด้วยแรงกระแทกมหาศาลทําให้อาจูถึงกับเลือดออกปาก เธอได้เหลือบมองมายังสองคิงชู “แกเก็บอะไรไว้ในกระเป๋าใบนั้น?”
สองคิงชูจึงเปิดกระเป๋าและตรวจดูของข้างใน
ไม่นานนักเขาก็พบกับกางเกงขายาวซึ่งกําลังเรืองแสงอยู่!
ในขณะที่เขากําลังพิจารณากางเกงขายาวตัวนั้นอยู่ เขาก็นึกออกแล้วว่ากางเกงขายาวตัวนี้เป็นกางเกงซึ่งเขาได้รับมาจากครอบครัวหวังเมื่อตอนที่เขาไปขู่! ตอนที่เขาเสื้อผ้าเขาคงเผลอหยิบมาใส่ลงกระเป๋ามาด้วย
แต่สิ่งที่น่าตกใจไปยิ่งกว่านั้นก็คือกางเกงขายาวตัวนี้เรืองแสงแบบเดียวกันกับเล็บของอาจู ซึ่งนั่นก็หมายความว่ากางเกงขายาวตัวนี้อย่าน้อยก็ต้องถูกเสริมพลังด้วยอาวุธวิเศษระดับเจ็ด!