ตอนที่ 159 ชีวิตประจําวันของสองสี
วันพฤหัสบดีที่ 2 มิถุนายน สัปดาห์ที่ 6 ของภาคเรียนที่ 1
เช้าวันนี้ สองสีดึงเอาสมุดบันทึกที่อยู่ใต้เตียงของหวังลิ่งออกมา เพื่อที่จะบันทึกผลการสังเกตการณ์เผ่ามนุษย์ มันก็เป็นเวลาหกเดือนเต็ม ตั้งแต่มันยอมรับร่างสุนัขร่างนี้
สองสีตอนนี้มันสามารถเขียนหนังสือภาษาคนได้แล้ว แม้ว่ามันจะเขียนด้วยกรงเล็บของมัน ลายมือของมันก็ดูสวยงาม ถ้าหากมันตายอีกครั้งตอนนี้มันก็จะไม่มีวันลืมการเขียนนี้ภาษามนุษย์ได้อย่างแน่นอน
ในฐานะสุนัขที่รู้หนังสือ สองสีรู้สึกว่าตอนนี้มันฉลาดเทียบเท่าคนที่เรียนอยู่ในระดับมหาวิทยาลัย หรืออาจจะเรียกได้ว่ามันเป็นสุนัขอัจฉริยะ
หลังจากที่มันเรียนรู้การเขียนสมุดบันทึก มันก็ได้บันทึกทุกเรื่องราวไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ลงไป
นอกเหนือไปจากการสังเกตวิธีชีวิตมนุษย์ ในสมุดบันทึกของมันก็บันทึกเรื่องราวสําคัญเอาไว้ด้วย
ตั้งแต่เหตุการณ์ที่แม่ของหวังลิ่งถูกลวนลาม สองสีก็เข้าใจในพลังการสื่อสารของเหล่ามนุษย์อินเทอร์เน็ตเป็นสิ่งที่ทําให้มนุษย์สามารถสื่อสารหากันได้อย่างรวดเร็ว
สองสีรู้สึกว่าสิ่งที่ทําให้เหล่าปีศาจล้มเหลวต่อการรุกรานก็อาจจะเกี่ยวข้องกับสิ่งนี้
เทคโนโลยีไอทีของมนุษย์ช่างแสนน่ากลัว!
เรื่องที่พบเจอบนอินเทอร์เน็ตมันก็เกิดในโลกความเป็นจริงด้วย!
มันเห็นผลลัพธ์มาแล้วจากเหตุการณ์บุกรุกของเหล่าปีศาจ ไม่มีอะไรที่มนุษย์จะไม่สามารถรับมือได้ด้วยโทรศัพท์เพียงเครื่องเดียว เมื่อพวกเขาแชร์โลเคชั่นของสถานที่ไปแล้ว ผู้ฝึกตนใกล้เคียงที่สามารถมาช่วยได้พวกเขาก็จะรีบมุ่งหน้าไปยังจุดโลเคชั่นที่ได้ถูกแชร์ ในทางกลับกันเผ่าปีศาจยังคงใช้การส่งสัญญาณเพื่อเรียกรวมพล โดยกว่าที่กําลังเสริมจะมากันครบพวกมันก็แพ้เสียแล้ว!
กบในกะลา มันยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่เผ่าปีศาจจําเป็นต้องเรียนรู้ สองสีตอนนี้สามารถใช้ได้ทั้งโทรศัพท์มือถือและนาฬิกาอัจฉริยะ พวกมันเป็นอะไรที่สะดวกมาก! ในโลกปีศาจยังคงใช้การส่งจดหมายในการส่งข้อมูลข่าวสาร มันช่างโลวเทค (Low tech) จริงๆ!
หลังจากเสร็จสิ้นการเขียนสมุดบันทึก สองสีก็ปิดสมุดเล่มนั้นเก็บเข้าไปยังใต้เตียงที่เดิม จากนั้นมันได้ใช้พลังวิญญาณเปิดหน้าต่างและกระโดดออกไปข้างนอกบ้านผ่านทางหน้าต่างบานนั้น
พยากรณ์อากาศของเมืองซึ่งไห่วันนี้บอกว่าอากาศจะค่อนข้างที่แปรปรวน จากที่พวกเขาบอกว่าอากาศช่วงนี้จะค่อนข้างร้อนชื้น แต่มันกลับพบว่าอากาศดีมีลมพัดเอื่อยๆและมีแดดเล็กน้อย มันรู้สึกกระปรี้กระเปล่ากับสภาพอากาศแบบนี้
แต่ทว่าการที่ไม่มีหวังลิ้งอยู่ใกล้ตัว ทําให้สองสีรู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างหายไป มัน มองถนนหวงตะวันออกที่ทอดยาวด้วยสายตาหงอยเหงา
เจ้านายของมันหวังลิ่งเป็นคนไม่ค่อยชอบพูดเสียเท่าไร แต่หลังจากมันได้อยู่กับเขามานาน มันเริ่มที่จะเข้าใจอุปนิสัยของหวังลิ่งขึ้นมาบ้าง สิ่งที่สําคัญที่สุดสําหรับหวังลิ่งก็คือ เขาจะเป็นคนระมัดระวังตัวไม่ก่อเรื่องและไม่ชอบเวลามีคนอื่นมายุ่งกับเขา ถ้าหากหวังลิงเป็นแมว ทางที่ดีอย่าไปดึงขนของมัน เพราะถ้าหากคุณทําให้มันไม่พอใจมันอาจจะอารมณ์เสียและขวนหน้าคุณได้
เมื่อตอนที่สองสีเข้ามายังบ้านของครอบครัวหวังครั้งแรกมันรู้สึกกลัว…แต่หลังจากที่มันอยู่มาสักระยะ มันรู้สึกผ่อนคลายขึ้น เพราะบางครั้งหวังลิ่งก็มาแปรงขนให้มันเมื่อยามที่เขาว่างอีกด้วย
แม้ว่ามันจะกลายมาเป็นสุนัข แต่มันก็ไม่ได้ละเลยการฝึกของมัน
มันคิดตลอดถึงวิธีที่จะทําให้มันกลับคืนร่างเดิม
การที่หวังลิ่งมาแปรงขนให้มันนั้นเป็นสิ่งที่ช่วยมันได้มาก!
เจ้านายระดับจอมราชันย์หรือราชาอมตะมาแปรงขนของมันให้…จะมีอะไรดีไปกว่านี้อีก? ยิ่งไปกว่านั้นการแปรงขนของหวังสิ่งยังช่วยเปิดจุดเมอริเดียนหรือจุดลมปราณของมันได้อีก หลังจากที่มันได้รับการแปรงขนหลายครั้ง สองสีรู้สึกว่าเอวของมันก็ไม่ปวดเมื่อยแล้ว รวมไปถึงขาของมันก็ไม่รู้สึกเจ็บอีกด้วย แถมพลังของมันดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นอีกด้วย!
สองสียืนอยู่ภายในสวนนอกตัวบ้าน มันเคยลองใช้เคล็ดวิชา “หัวใจราชาปีศาจ” ซึ่งมันต้องใช้พลังขี่ปีศาจหรือพลังชีวิตของปีศาจ แต่มันไม่มีต้นกําเนิดพลังชีวิตปีศาจบนโลกมนุษย์ หวังลิ่งจึงช่วยดัดแปลงเคล็ดวิชา “หัวใจราชาปีศาจ” โดยจากที่ต้องใช้พลังชีวิตปีศาจ ให้มาใช้พลังวิญญาณแทน
และตอนนี้มันก็ได้ใช้เทคนิคนี้ในการฝึก มันสามารถรับรู้พลังวิญญาณที่หมุนเวียนอยู่รอบตัวมัน
พลังวิญญาณ…นี่คือพลังที่เป็นแกนหลักของโลกใบนี้…
สองสีไม่เคยรับรู้ถึงความรู้สึกเช่นนี้มาก่อน
ตอนนี้ตัวมันแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนมาก ร่างกายของมันเทียบเท่าผู้ฝึกตนระดับวิญญาณก่อกําเนิด ผู้ฝึกตนระดับแก่นแท้ปราณทองคําไม่สามารถทําอันตรายแก่มันได้ เมื่อก่อนมันมีระดับถึงราชาปีศาจซึ่งสามารถรับมือกับผู้ฝึกตนระดับแก่นแท้วิญญาณได้ถึงห้าคนพร้อมกัน!
สองสีซึ่งยืนอยู่ท่ามกลางแสงแดด มันค่อยๆลืมตาขึ้นมา ตาของมันส่องแสงสีน้ําเงินเข้ม…มันสามารถรับรู้ได้ถึงวิญญาณราชาปีศาจที่ได้ถูกฟื้นฟูกลับมาเล็กน้อย
ในทํานองเดียวกันมันก็ได้กลิ่นของคนแปลกหน้าลอยตามสายลมมา
มันจ้องมองไปยังทิศทางที่มันได้กลิ่นและรับรู้ถึงพลังวิญญาณของคนแปลกหน้าอยู่ใกล้บ้านของหวังลิ่ง
………………………….
บ้านของหวังลิ่งอยู่ทางตะวันออกของถนนหวงตะวันออก ทางด้านตะวันตกจะเป็นเขตค้าขาย แต่ตอนนี้ยังไม่ได้รับการพัฒนาที่จริงแล้วตามแผนพัฒนาเดิม ศูนย์การค้าใหญ่ซึ่งนําเข้าสิ้นค้าจากต่างประเทศจะถูกสร้างขึ้นที่นี่ แต่โชคร้ายที่เมื่อโปรเจคนี้ได้ดําเนินการไปไม่นาน หัวหน้าโปรเจคก็ได้หนีตามกันไปพร้อมกับพี่สะใภ้ของเขา พวกวัสดุก่อสร้างที่ถูกส่งมาจึงถูกกองทิ้งไว้จนถึงตอน
สถานที่เสียชีวิตของอายุคือใต้ต้นตั๊กแตนแก่ในเขตค้าขาย
ท่ามกลางพื้นที่รกร้างว่างเปล่า ผู้ชายในชุดสูทสองคนหยิบเอาอุปกรณ์ทันสมัยซึ่งพวกเขาสะพายหลังมา
พวกเขามองหาร่องรอยของน้ํายากร่อนกระดูก ซึ่งโดยปกติแล้วน้ํายากร่อนกระดูกจะไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้ แต่น้ํายากร่อนกระดูกสูตรพิเศษจากปราสาทตระกูลโม่นั้นมีส่วนผสมพิเศษซึ่งสามารถตรวจพบได้โดยเครื่องตรวจจับก๊าซของปราสาทตระกูลโม่
แต่ละคนหยิบเอาอะไรสักอย่างที่เป็นทรงกระบอกขึ้นมา เมื่อพวกเขาเข้าใกล้ต้นตั้กแตนแก่เครื่องมือดังกล่าวก็เริ่มส่งเสียงเตือน
หนึ่งในพวกเขารีบเปิดนาฬิกาข้อมือขึ้นมาเพื่อรายงานสิ่งที่เขาพบต่อนายหญิง “หัวหน้า พวกเราพบร่องรอยของอายุแล้ว ตามพิกัดที่ตราประทับวิญญาณหายไป ยิ่งไปกว่านั้นพวกเรายังพบร่องรอยของน้ํายากร่อนกระดูก”
ทางอีกด้านนึ่งของสาย นายหญิงของปราสาทถามด้วยน้ําเสียงเคร่งเครียด “แล้วของสองคิงชูหล่ะ? พวกนายพบร่องรอยของมันไหม?”
จากจุดที่พวกเขาอยู่ ทั้งสองคนรีบหาพิกัดตราประทับของสองคิงเมื่อตอนที่มันหายไป ในที่สุดพวกเขาก็พบมัน “เจอแล้วครับนายหญิง! มันเป็นบ้านหลังหนึ่ง ตราประทับวิญญาณของสองคิงชูหายไปภายในบ้านหลังนี้!”
“บ้านงั้นรึ?”
นายหญิงของปราสาทรู้สึกประหลาดใจ ที่แห่งนั้นเป็นพื้นที่ชนบทที่แห้งแล้งและกันดาร จะมีคนอยู่อาศัยจริงๆงั้นหรือ?
เธอเริ่มรู้สึกสงสัย “ถ้าหากเป็นอย่างนั้น แอบเข้าไปสํารวจในบ้านหลังนั้นและรายงานฉันมา!”
ชายในชุดสูททั้งสองลังเลนิดหน่อยจึงตอบกลับไป “แต่นายหญิง มันมีสุนัขอยู่หน้าบ้านหลังนั้นนะครับ พวกเราอาจจะถูกจับได้นะครับ”
“มันก็แค่สุนัข พวกนายก็เอาอาหารมาล่อ! เนื้อสูตรพิเศษสักชิ้นเป็นไง?”