ตอนที่ 162 โลกกลม
หวังลิ่งไม่คิดว่าตนเองเป็นคนขี้งก เขาเสียเงินในสิ่งที่ควรเสีย และจะไม่ยอมเสียเงินในสิ่งที่ไม่ควรเสีย นี่เป็นคําสอนที่พ่อและแม่ของเขาพร่ําสอน การตัดผมเป็นสิ่งสิ้นเปลือง หวังลิ่งยอมที่จะเสียตังให้กับขนมบะหมี่มากกว่ามาเสียให้มันเสียอีก
เขาได้ยินมาว่าบริษัทสมอลแรคคูนพึ่งได้โฆษณารสชาติใหม่ นั่นก็คือ รสราก indigowoad (เป็นสมุนไพรจีนมีสรรพคุณต่อต้านแบคทีเรีย แก้ท้องผูก ผดผื่นคัน) และรสวาซาบิ หวังลิ่งวางแผนไว้ว่าจะลองซื้อมาชิมสักห่อ และถ้าหากเขาประหยัดเงินค่าตัดผมได้เขาก็จะได้ซื้อมันได้มากกว่าเดิม!
ภายในร้านตัดผมหลังจากการเสนอขายจบลง เด็กฝึกช่างตัดผมคนที่หวังลิ่งชี้ไปเมื่อก่อนหน้าก็เดินมาโค้งคํานับให้กับหวังสิ่งด้วยสีหน้าดีใจ “ขอบคุณจริงๆที่คุณเชื่อใจผม! ผมจะตัดผมให้ดีที่สุด!”
หวังลิ่งพยักหน้าให้และเดินไปหาที่นั่ง
ทุกคนต่างมองหวังลิ่งด้วยสายตาประหลาดใจ…เพราะพวกช่างตัดผมฝึกหัดนั้นเป็นคนที่น่ากลัวไม่ต่างจากพยาบาลฝึกหัด ต่างกันแค่พยาบาลฝึกหัดนั้นจะจิ้มเข็มฉีดยาลงบนตัวคุณ ส่วนอีกคนจะลงแบตเตอเลี่ยนตัดผมบนศีรษะของคุณ
หวังลิ่งอาจจะเป็นเพียงคนเดียวที่ใจถึงพอที่จะให้ช่างตัดผมฝึกหัดมาตัดผมให้
ดูเหมือนว่าสําหรับเด็กฝึกงาน การตัดผมนี้ก็เป็นการตัดผมจริงครั้งแรกให้แก่ลูกค้า มือของเขากําแบตเตอเลี่ยนตัดผมแน่นและมีเหงื่อซึมเล็กน้อยบริเวณหลังมือ เป็นที่แน่นอนว่าสําหรับเขา มันเป็นอะไรที่ตื่นเต้นมาก “ผมจะเริ่มตัดแล้วนะครับ”
มันก็แค่ผมทรงนักเรียนธรรมดา เขาก็แค่ต้องโกนด้านข้างและข้างหลังมันก็ไม่น่าจะยากอะไรใช่ไหม?
เด็กหนุ่มเริ่มสงบสติอารมณ์ตัวเองและเมื่อแบตเตอเลี่ยนเริ่มขยับลงไปที่ศีรษะของหวังลิ่ง มือของเขาก็กระตุก!
ในพริบตาเขาได้ทําการโกนผมของหวังลิ่งข้างหลังไปเรียบร้อยเผยให้เห็นหนังศีรษะสีเขียวของหวังลิ่ง
เด็กฝึกงาน “…”
หัวหน้าและทุกคนในร้าน “…”
หวังลิ่งยกมือขึ้นแตะที่หัวของเขาและส่ายหัว จากนั้นผมตรงบริเวณที่โดนตัดไปถึงอกกลับมายาวเท่าเดิมท่ามกลางสายตาของทุกคนในร้าน ยังกะโงกุนแปลงร่างเป็นซุปเปอร์ไซย่า…
เจ้าของร้านและทุกคนภายในร้านต่างติดสตั้น “…..” “แบบนี้ก็ได้เหรอ?”
หลังจากผ่านไปชั่วโมงเศษๆ หวังลิ่งก็เดินออกจากร้านด้วยความสบายใจ
แต่ทันใดนั้นเองเจ้าของร้านก็เดินมาดึงมือของหวังลิ่งเอาไว้ “พ่อหนุ่มหยุดก่อน!”
จากนั้นเจ้าของร้านจึงหยิบเงินจํานวนสอง 200 หยวน ออกมาจากกระเป๋ากางเกงและใส่ลงไปในมือของหวังลิ่ง
หวังลิ่งแสดงท่าทางงุนงง
เจ้าของร้านจึงชี้ไปที่เส้นผมซึ่งกองอยู่ข้างหลัง “นี่เป็นคําขอบคุณของฉันสําหรับ เส้นผมของพ่อหนุ่มเส้นผมของพ่อหนุ่มนั้นคุณภาพดีมากฉันคิดว่ามันจะสามารถเอาไปทําวิกคุณภาพดีได้! สองร้อยนี่ฉันให้เพื่อเป็นค่าผมของพ่อหนุ่ม ถ้าหากพ่อหนุ่มอยากจะตัดผมอีกก็มาที่ร้านนี้ได้ทุกเมื่อเลยนะ!”
“…….”
…………………………
หวังลิ่งกลับบ้านหลังจากตัดผมเสร็จ กระเป๋าของเขาเต็มไปด้วยขนมบะหมี่จากร้านสะดวกซื้อ เขาขายเส้นผมของตัวเองได้ตั้ง 200 หยวน ทําให้เขาสามารถซื้อขนมบะหมีได้มากขึ้นกว่าเดิมอีก
เมื่อเขากลับถึงบ้าน เขาพบว่ามีคนอยู่ในบ้านเขามากกว่าปกติ
เทพมือระเบิดและสองคิงชูนั้นนั่งรอเขาอยู่ในห้องนั่งเล่น คุณปู่ของเขาจึงเสิร์ฟถั่ว เขียวเย็นให้กินคนละถ้วย คุณปู่ของเขามักจะทําถั่วเขียวเย็นในช่วงหน้าร้อนเพื่อทําให้ร่างกายเย็นลง ถั่วเขียวเย็นของคุณปูนั้นเป็นของหวานที่ขึ้นชื่อที่สุดในเมนูของเขา เขาจะทํามันด้วยจํานวนจํากัดดังนั้นคนที่มีโอกาสได้กินถั่วเขียวเย็นของเขาจึงมีน้อยมาก
เสียดายที่ทั้งสองคนไม่รู้ว่าตัวเองนั้นโชคดีแค่ไหน พวกเขามองไปยังถ้วยถั่วเขียวเย็นด้วยความสงสัยว่ามีอะไรอยู่เบื้องหลังมันหรือเปล่า พวกเขาถึงขั้นนับเม็ดถั่วทุกเม็ดที่อยู่ในถ้วย
สองคิงชูนั้นไม่เคยทําอะไรแบบนี้มาก่อน แต่หลังจากที่ติดตามเทพมือระเบิดไปได้เพียงไม่กี่วันก็เหมือนว่าเขาจะติดนิสัยแปลกๆบางอย่างมาจากเทพมือระเบิด
“น้องลิ่ง!” เมื่อเทพมือระเบิดเห็นเขาก็รีบทักทายหวังลิ่ง ในทํานองเดียวกันสองคิงชูก็ทําความเคารพเขาเช่นกัน
ส่วนคุณปู่หวัง ชายแก่ไม่ได้สนใจปัญหาของหวังลิ่งเลย เขาหันไปสนใจละครของเขาต่อ เมื่อชายแก่เห็นหวังลิ่งกลับมาเขาก็ยกมือขึ้นทักทายหวังลิ่งและหันไปพูดกับแขกทั้งสอง “เอ้อ…ถั่วเขียวเย็นอยู่ในหม้อนะถ้าหากอยากกินอีกก็เชิญตักกินตามสบายเลย”
“ขอบคุณครับผู้อาวุโส!” เทพมือระเบิดพยักหน้าให้กับชายแก่
ในเวลาเดียวกันภายในหัวของเทพมือระเบิดนั้นคิดว่าเขาจะแอบเอาถั่วเขียวเย็นกลับบ้านและศึกษามันอย่างละเอียด! ไม่แน่ว่าถ้าหากเขาได้กินมันเข้าไปมันอาจจะช่วยทําให้เขาก้าวข้ามขีดจํากัดของตัวเองไปได้อีกขั้นนึ่ง!
หวังลิ่ง “…”
เทพมือระเบิดนั่งอยู่บนโซฟาและพูดขึ้นว่า “น้องลิ่ง ที่ฉันมาหาวันนี้เพราะฉันมีข่าวดีบางอย่าง! ต้องขอบใจน้องสองครั้งนี้ ฉันพอจะรู้ที่อยู่ของคนทําหน้ากากผีดิบแล้ว!”
สองคิงชูเสริมขึ้นว่า “ผมก็แค่ให้ข้อมูลเพียงเล็กน้อย ถ้าหากไม่ได้คุณเทพมือระเบิดและคุณแบล็ค พวกเราก็คงไม่สามารถระบุพิกัดได้”
เมื่อได้ยินดังนี้หวังลิ่งก็พยักหน้าให้ สองคิงชูดูเหมือนเขาจะเป็นคนรักษาสัญญาดี ถ้าหาตัวคนสร้างพบก็หมายความว่าเรื่องของหน้ากากผีดิบมันก็ใกล้จะถึงจุดจบแล้ว สําหรับปราสาทตระกูลโม่ที่หวังจะใช้พลังของหน้ากากก็คงจะต้องถูกพับเก็บไปอย่างสมบูรณ์
แต่นี่ก็เป็นแค่สิ่งที่พวกเขาคิด
หวังลิ่งนั้นสงสัยมาตลอดว่าคนสร้างหน้ากากจะเป็นคนแบบไหน
“ตามข้อมูลพิกัดที่น้องแบล็คบอกมา ผู้สร้างก็คงจะอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากตรงนี้” เทพมือระเบิดเปิดข้อความที่แบล็คส่งมาให้ ซึ่งอยู่ห่างจากที่นี่ประมาณ 800 กิโลเมตร
สําหรับผู้ฝึกตนทั่วไปนั้นอาจจะใช้เวลาเพียงไม่ถึง 20 นาทีในการเดินทางด้วยกระบี่บิน
หวังลิ่งยกมือขึ้นแตะคางตัวเอง หลังจากที่เขาได้ดูพิกัดแล้วเขารู้สึกพิกัดนั้นมันดูคุ้นๆ
เทพมือระเบิดพูดด้วยน้ําเสียงจริงจัง “น้องลิ่งไม่ต้องเป็นห่วง น้องเบล็คตรวจทานหลายรอบแล้ว รวมกับวิชาสะกดรอยขั้นสูงของฉันด้วย คงไม่น่าจะมีอะไรผิดพลาด!”
แต่หวังลิ่งมีลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่างอย่างบอกไม่ถูก หนังตาของเขาเริ่มกระตุกอีกครั้ง
ภัยพิบัติระดับหนึ่งดาวใครจะรู้ว่าอะไรกําลังจะเกิดขึ้น
หวังลิ่งวางมือลงบนไหล่ของเทพมือระเบิดและสองคิงชูก่อนที่จะ *พรุ๊ฟ!!* พวกเขาทั้งสามคนเทเลพอร์ตมายังสถานที่ตามพิกัดเรียบร้อยแล้ว
และจากนั้นเองร้านอาหารเก่าๆร้านหนึ่งซึ่งสภาพพร้อมจะฟังได้ทุกเมื่อก็โผล่ขึ้นมาท่ามกลางสายตาของทุกคน
“ห้องอาหารยามเที่ยงคืน” แสดงเด่นหราอยู่หน้าร้านอาหารนั่น ซึ่งหวังลิ่งก็จําได้แล้วว่ามันคือที่ไหน “ทําไมถึงเป็นที่แห่งนี้?!”
หรือว่าเจ้าของร้านเขาเคยเป็นช่างทําหน้ากากมาก่อน? จากช่างทําหน้ากากมาเป็นพ่อครัวหวังลิ่งคิดว่ามันแปลกยิ่งกว่านักร้องร้องเพลงต่างมิติเสียอีก!
เทพมือระเบิดเหลือบไปมองสีหน้าหวังสิ่งซึ่งกระตุกเล็กน้อย เขาจึงถามออกไปด้วยความสงสัย “หืม…น้องลิ่งเคยมาที่นี่มาก่อนงั้นหรอ?”
ก่อนที่ทุกคนจะเข้าไปในร้าน พวกเขาก็ได้ยินเสียงเพลงดังมาจากข้างในร้าน
หวังลิ่งถึงกับถอนหายใจออกมาด้วยความปลง กลับกลายเป็นว่าโลกมันช่างกลมเสียจริงๆ