ตอนที่ 163 หน้ากากผีดิบสร้างขึ้นมาได้อย่างไร?
เมื่อทั้งสามเดินผ่านประตูเข้าไป เจ้าของร้านห้องอาหารยามเที่ยงคืน ทาน ซิมมิ่ง นั้นกําลังล้างจานอยู่ในครัว รอยแผลเป็นจากของมีคมบนใบหน้าของเขาและท่าทางโมโหอยู่ตลอดเวลา นั้นทําให้เขาดูน่ากลัวเมื่ออยู่ท่ามกลางแสงสลัว
แม้ว่ามันจะยังไม่ถึงเวลาปกติที่ลูกค้าจะเริ่มเข้าร้าน เขาก็เตรียมตัวสําหรับการขายพร้อมตั้งแต่หัวค่ําแล้ว
เพลง “Old Boys” ที่ขับร้องโดยถังยุนหนิงกําลังเล่นผ่านวิทยุเก่าเครื่องหนึ่ง ทุกวันนี้สถานีวิทยุก็ไม่ได้เป็นที่นิยมเหมือนเมื่อก่อนแล้ว แต่ก็ยังคงมีคนบางกลุ่มชอบสิ่งเหล่านี้อยู่
ถึงแม้ว่าแถวนี้จะไม่ค่อยมีคลื่นอะไรน่าสนใจมากนักแต่ก็ยังพอมีช่องดีๆอยู่บ้าง หนึ่งในนั้นคือผู้จัดรายการดีเจจางเย่ เขามีชื่อเสียงไม่ใช่แค่ในวงการวิทยุ แต่เขายังมีชื่อเสียงในฐานะผู้กํากับหนังอีกด้วย เขาเคยเขียนหนังสือด้วย “ฉันคือซุปเปอร์สตาร์” ทั้งหนังสือนั้นเต็มไปด้วยบทเพลง บทกลอน ประวัติการทํางานของเขา
แต่สําหรับนักเขียนคุณภาพอย่างพ่อของหวังลิ่ง พ่อของเขาได้จัดอันดับให้หนังสือเล่มนี้อยู่ในหมวดหนังสือขยะ
เจ้าของร้านทานนั้นยังคงก้มหน้ากมตาล้างจาน เมื่อเขารู้สึกว่ามีลูกค้าเข้าร้านมา เขาชี้ไปยังเมนูซึ่งแปะอยู่บนกําแพงและพูดอย่างขี้เกียจ “เฮ้ ที่นี่เราทําแค่ของที่มีบนเมนู แต่ถ้าหากพวกนาย อยากกินอะไรก็บอกฉันมาได้ถ้าทําได้น่ะนะ”
เทพมือระเบิดและสองคิงชูมาใช้บริที่นี่เป็นครั้งแรก สองคิงชูคิดว่าถ้าหากผลีผลามไปมันอาจจะดูเป็นการเสียมารยาท เขาจึงเริ่มสั่งอาหารบางอย่างมาก่อน ดังนั้นเขาจึงสั่งบะหมี่เลาต้นกระหล่ําปลีดองเนื้อมาสามชาม และเดี๋ยวเขาจะเป็นคนจ่ายค่าบะหมี่นี้ให้ ชามละยี่สิบหยวน ทั้งหมดก็หกสิบหยวน
สองคิงชูหยิบเงินออกมาหนึ่งร้อยหยวนและบอกเจ้าของร้านว่าไม่ต้องทอน..คนรวยนี่มันดีจริง!
ที่จริงแล้วตลอดระยะเวลาสองวันที่ผ่านมา เทพมือระเบิดก็ใช้สองคิงชูเสมือนตู้ATMเคลื่อนที่ หลังจากที่สองคิงชูขายของที่ขโมยจากปราสาทตระกูลโม่ สองคิงซูก็มีเงินเหลือล้นจนไม่รู้ว่าจะใช้ยังไงหมด
“ขอบใจมาก”
เมื่อเจ้าของร้านเก็บเงินไป เขาก็เงยหน้าขึ้นและเขาก็สังเกตเห็นตัวตนของหวังลิ่ง จากนั้นท่าทางของเขาก็เปลี่ยนไป “อ้า? นั่นใช่สามสิบสามหยวนเจ็ดสิบเซนต์ ผู้แต่งเพลงอัจฉริยะใช่ไหม?”
หวังลิ่งทําหน้านิ่งไม่ได้ตอบอะไรกลับไป “……..”
เจ้าของร้านทานนั้นจําหวังลิ่งได้ เพราะเขานั้นเป็นสักขีพยานครั้งที่หวังสิ่งเล่นเพลง “Old Boys” ซึ่งปัจจุบันเพลงนี้ได้ดังไปทั่วประเทศเรียบร้อยแล้ว มันเป็นเพลงที่ดีมากทั้งทํานองและเนื้อร้อง แต่ราคาค่าลิขสิทธิ์ของมันเทียบเท่าแค่บะหมีสองชามเท่านั้นเอง
“หืม คุณเจ้าของร้านรู้จักน้องลิ่งงั้นหรือ?” เทพมือระเบิดหันไปมองเจ้าของร้านด้วยความสงสัย
“ก่อนหน้านี้เด็กหนุ่มคนนี้แหละพ่อของเขาได้เข้ามานั่งกินบะหมี่เนื้อของทางร้าน
เทพมือระเบิดแสดงสีหน้าตกใจออกมา แม้แต่หวังลิ่งและพ่อของเขายังมากินบะหมีเนื้อที่ร้านแห่งนี้ ดูท่าร้านนี้คงจะไม่ใช่ร้านอาหารธรรมดาเสียแล้ว
“เพลงนี้ Old Boys คุณเคยฟังมันไหม?”
เจ้าของร้านทานจึงค่อยๆเล่าเรื่องราวทั้งหมด
ทั้งเทพมือระเบิดและสองคิงชูต่างแสดงสีหน้าประหลาดใจหลังจากฟังเรื่องราวทั้งหมดจบ
“น้องลิ่งเขียนเพลงก็เป็นหรอ?”
หวังลิ่งพยักหน้ายอมรับด้วยความไม่เต็มใจ “…….” ที่จริงแล้วเขาก็แค่ไปก๊อปเพลงจากต่างมิติมาเฉยๆ
“ก่อนที่น้องถึงจะดัง เขามักจะมากินอาหารที่ร้านของฉันเสมอ แต่นับตั้งแต่ที่เขามีชื่อเสียง เขาก็ไม่เคยมาที่ร้านอีกเลย…”
เจ้าของร้านยิ้มเจือน “แต่ที่จริงแล้วฉันหวังว่าเขาจะช่วยเรียกลูกค้าเข้าร้านนะ”
“ดูเหมือนเขาจะไม่สํานึกบุญคุณคุณเลยนะ!” เทพมือระเบิดส่ายหัว
เจ้าของร้านทานรู้สึกแย่กับเรื่องนี้มานาน ในที่สุดก็มีคนให้เขาระบายความในใจด้วยทําให้เขารู้สึกดีขึ้น “ว่าแต่ว่า พวกคุณมาในเวลานี้ทั้งๆที่ร้านยังไม่เปิดดี พวกคุณมีอะไรงั้นหรือ”
เจ้าของร้านไม่ใช่คนโง่เขาเขียนไว้หน้าร้านชัดเจนว่าร้านเปิดตอนเที่ยงคืน แต่คนกลุ่มนี้กลับมาตั้งแต่สองทุ่มและสั่งบะหมีสามชาม…และที่สําคัญพวกเขายังให้ทิปอีกเห็นได้ชัดว่ามันไม่ปกติ
เขาเคยพบเจอคนมากหมายหลายประเภทตลอดหลายปีที่ผ่านมา บางครั้งเขาสามารถบอกสิ่งที่ลูกค้าต้องการได้จากแค่การมองหน้า
โชคดีที่เจ้าของร้านทานนั้นเป็นคนตรงไปตรงมา เทพมือระเบิดจึงไม่ตั้งใจที่จะปกปิดจุดประสงค์ของเขา เกิดแสงสีขาวขึ้นบนมือของเขา เขาได้ทําการสร้างภาพของหน้ากากผีดิบขึ้นบนฝ่ามือ “ผมสงสัยว่าคุณเจ้าของร้านเคยเห็นเจ้าสิ่งนี้ไหม?”
เจ้าของร้านทานยกมือขึ้นแตะคางก่อนที่นัยน์ตาของเขาจะเปลี่ยนเป็นจริงจัง ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมองเทพมือระเบิด “คุณไปเจอหน้ากากนี้ได้ยังไง?”
เมื่อเทพมือระเบิดเห็นว่าว่าอีกฝ่ายรู้จักหน้ากาก ทั้งสามคนรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอกกลับกลายเป็นว่าเจ้าของร้านบะหมี่ซอมซ่อ ทานซิมมิ่ง รู้จักหน้ากากผีดิบอันนี้!
เทพมือระเบิดตอบกลับไป “น้องลิ่งซื้อหน้ากากนี้มาจาMouba ด้วยราคาห้าหยวนไม่มีค่าส่ง”
เจ้าของร้านทาน “…”
“ได้โปรดเถอะคุณเจ้าของร้าน คุณรู้อะไรเกี่ยวกับหน้ากากใบนี้บ้าง จากข้อมูลที่เรารู้ก็คือ หน้ากากใบนี้เป็นหน้ากากแฝด ซึ่งมันถือว่าเป็นของวิเศษชิ้นหนึ่ง และมีคนบางคนที่ต้องการจะใช้มันไปในทางที่ผิด…” เทพมือระเบิดลุกขึ้นยืนและจับมือของเจ้าของร้านบะหมีไว้ “คุณเจ้าของร้าน โลกจะแตกหรือไม่ขึ้นอยู่กับคุณคนเดียว!”
“….”
หลังจากจองภาพของหน้ากากผีดิบอยู่ครู่นึง เจ้าของร้านทานก็ส่ายหัว “แม้ว่าฉันจะรู้สึกประหลาดใจมากแค่ไหนที่พวกคุณสามารถหาตัวฉันพบ แต่ฉันก็ต้องแสดงความเสียใจด้วยที่ไม่ใช่ฉันแค่คนเดียวที่สร้างหน้ากากแฝดนี้ขึ้นมา เมื่อตอนที่ฉันยังเด็กฉันและเด็กผู้หญิงข้างบ้านช่วยกันสร้างมันขึ้นมาจากโคลน”
“สร้างมาจากโคลน? แต่หน้าจากนี่มีส่วนผสมของคริสตัลดต้นกําเนิด มันเป็นวัตถุดิบที่แข็งที่สุดในโลกเลยนะ!”
เจ้าของร้านทานนึกถึงเรื่องราวเมื่อตอนนั้น “โอ๊ะ…ฉันจําได้แล้วว่าเจ้าคริสตัลนั่นบังเอิญอยู่ในโคลนพวกฉันจึงบั้นมันเข้าไปด้วย”
ทั้งสองคิงชูเทพมือระเบิดและหวังสิ่งต่างเงียบไม่มีความคิดเห็น
ท่ามกลางความเงียบงัน เทพมือระเบิดถอนหายใจยาวออกมา “แปลว่าคุณเจ้าของร้านไม่ใช่ ช่างทําหน้ากาก?”
เจ้าของร้านยักไหล่ “ฉันก็ไม่เคยพูดว่าฉันเป็นเด็กผู้หญิงคนนั้นต่างหากที่เป็นคนทํา มันทั้งหมด ฉันก็แค่ช่วยนิดหน่อย และเธอก็ยังเป็นคนทําให้มันแห้งด้วย”
เทพมือระเบิด: “คุณยังสามารถติดต่อเด็กผู้หญิงคนนั้นได้อีกไหม?”
เจ้าของร้านทาน: “มันก็หลายปีมาแล้ว พวกเราไม่ได้ติดต่อหากันมานาน แต่ฉันยังจําชื่อของเธอได้นะ บางทีพวกคุณอาจจะลองตามหาจากชื่อนี้ได้”
เทพมือระเบิด: “เธอชื่อว่าอะไรหรอครับ?”
เจ้าของร้านทาน: “นุหวี่วา” (Nuvva เทพเจ้าหญิงผู้ให้กําเนิดสิ่งมีชีวิตตามความเชื่อโบราณของจีน)
หวังลิ่ง: “….”