ตอนที่ 166 อาวุธทําลายล้าง
ในอดีตคนยุคหินใช้หน้าอกตัวเองทุบหินแตกได้ ปัจจุบันหน้าอกก็ยังคงสามารถทําหน้าที่ของมันได้ดีอยู่ มันสามารถทุบกุญแจมือซึ่งทําจากโลหะแตกละเอียดได้เช่นกัน
เจียงหลิวหยิงมองเศษกุญแจมือด้วยความภูมิใจ เธอพึ่งจะสร้างเหตุการณ์สําคัญในหน้าประวัติศาสตร์
เครื่องรางเจาะเกราะนั้นเป็นสิ่งที่มีประโยชน์อย่างไม่น่าเชื่อ
พี่สาวของเธอเป็นคนสร้างขึ้นมาเองกับมือ มันจึงมีพลังทําลายล้างมากกว่าอันทั่วไปที่วางขายตามท้องตลาด และนี่คือเหตุผลที่ว่าทําไมเธอจึงทําลายกุญแจมือได้อย่างง่ายดาย
ปราศจากกุญแจมือที่ผนึกพลังของเธอ เจียงหลิวหยิงสามารถรับรู้ถึงพลังวิญญาณที่ค่อยๆฟื้นคืนกลับมา
แม้ว่าจะโดนคลื่นพลังวิญญาณแปลกประหลาดผนึกพลังของเธอไว้ แต่เธอเริ่มรู้สึกชินกับมันไปแล้วเพราะเธอก็อยู่ที่นี่มาเป็นระยะเวลานานพอสมควร ร่างกายของเธอมีแกนพลังวิญญาณสองแกน ซึ่งนั่นทําให้พลังวิญญาณของเธอมากกว่าผู้ฝึกตนทั่วไปสองเท่าตัว แม้ว่าจะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ถูกผนึกพลังวิญญาณ เธอก็ยังคงสามารถใช้พลังได้ครึ่งหนึ่งของตัวเอง แต่นั่นก็เพียงพอแล้วในการที่จะหลบหนีออกจากคุกแห่งนี้
สําหรับนักโทษทั่วไป หากถูกผนึกพลังวิญญาณจากทั้งคลื่นผนึกพลังวิญญาณและกุญแจมือผนึกพลัง เป็นไปไม่ได้เลยที่จะหนีออกไปจากคุกแห่งนี้
เจียงหลิวหยิงรู้สึกว่าโอกาสสําเร็จในการหลบหนีของเธอนั้นเพิ่มมากขึ้น
ในคุกแห่งนี้มีพื้นที่ค่อนข้างใหญ่ เธอแค่หนีออกมาจากอาคารหลัก จุดที่เธออยู่ตอนนี้คือบริเวณลานฝึกข้างหลังอาคารห่างออกไปสามร้อยกิโลเมตร บริเวณปาส่วนนี้เป็นที่ออกกําลังกายของบรรดานักโทษ แต่ตอนนี้มันกลายเป็นที่หลบภัยชั่วคราวของเจียงหลิวหยิง
ถ้าหากเธอไม่ระมัดระวังตัวในทุกฝีก้าว บรรดาผู้คุมซึ่งกําลังออกตามล่าตัวเธอในบริเวณนี้อาจพบเห็นเธอได้
สิ่งที่เธอต้องทําตอนนี้คือใช้งานเครื่องรางหายตัวที่อยู่ในชุดอุปกรณ์หลบหนีและหาอุโมงค์ระบายน้ำให้เร็วที่สุด ก่อนที่เครื่องรางเจาะเกราะจะหมดเวลาเธอสามารถใช้หน้าอกของเธอทําลายสนามพลังป้องกันซึ่งอยู่ข้างนอกกําแพง นั่นก็เพราะว่ากําแพงที่อยู่ล้อมรอบทุกแห่งนี้มันแข็งเกินไป ลําพังแค่หน้าอกของเธอคงไม่สามารถทําอะไรได้
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เธอมีทางหนีเพียงหนทางเดียวและครั้งเดียวเท่านั้น!
เมื่อตัดสินใจได้ดังนั้นเธอจึงรวบรวมพลังวิญญาณเพื่อใช้งานเครื่องรางล่องหน เธอแปะมันไว้กับตัวก่อนจะพุ่งตัวออกไปตามหาอุโมงค์ระบายน้ำ
ครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น ผู้คุมพบเจอเศษชิ้นส่วนของกุญแจมืออยู่บนพื้น เลขาซุนดาคังและโจวยี่รีบมุ่งหน้าไปยังสถานที่พบเจอ
เมื่อเขาเห็นเศษกุญแจมือ บรรดาเหล่าผู้คุมก็รู้สึกไม่สบายใจ ภายใต้คลื่นผนึกพลังวิญญาณและกุญแจมือ นักโทษหญิงคนนั้นทําลายกุญแจมือได้ยังไง?
“เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายมีฝีมือมากพอที่จะหลบหนี นั่นก็พอจะเข้าใจได้ว่ากุญแจมือก็คงจะเอาไม่อยู่” เลขาซุนดาลังจ้องไปยังเศษกุญแจมือครู่หนึ่ง “แต่มันคืออะไรกัน อะไรที่จะมีพลังทําลายขนาดนี้? น้องโจวมีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง?”
ทางด้านโจวยี่นั้นก็มืดแปดด้านเช่นกัน “…”
เลขาซุนดาคุงเริ่มตรวจสอบต่อ “กุญแจมืออันนี้ถูกสร้างขึ้นมาจากเหล็กกล้าดํา การที่ผู้หญิงคนนั้นสามารถทําลายมันได้ ก็แปลว่าเธอนั้นก็มีอาวุธที่มีอานุภาพพอๆกัน”
ผู้คุม “ท่านเลขาซุนดาคัง ท่านคิดว่านักโทษคนนี้จะไปทําร้ายนักโทษคนอื่นไหมครับ?”
“คงไม่” เลขาซุนดาลังส่ายหัว “ตั้งแต่ต้นนักโทษหญิงคนนี้ต้องการจะหนีออกไปจากที่นี่ แทนที่จะทําแบบนั้น เธอคงวางแผนจะใช้อาวุธนั่นทําลายกําแพงหรือสนามพลังป้องกันข้างนอกกําแพงเสียมากกว่า”
เมื่อสิ้นเสียงของเลขาซุนดาคัง ทุกคนก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างระเบิด *ตุ้ม!*
ผู้คุมพูดใส่วิทยุสื่อสารของเขา “ไปตรวจสอบเดี๋ยวนี้ว่านั่นเสียงอะไร!”
ไม่นานนักก็มีเสียงตอบกลับมาจากหน่วยรักษาความปลอดภัยตรงประตูทางเข้าคุก “รายงาน! พวกเราพบเป้าหมายแล้วเธอกําลังจะทําลายสนามพลัง!”
ผู้คุม “รีบไปหยุดเธอเร็วเข้า!”
“รายงาน! เป้าหมายเคลื่อนที่เร็วมาก ดูเหมือนว่าเธอใช้งานเครื่องรางล่องหนอยู่ด้วย พวกเรากําลังใช้เครื่องสแกนเพื่อหาตําแหน่งของเธอ…”
ผู้คุม: “ถ้าหาตําแหน่งเจอแล้ว รีบปลดอาวุธของเธอและเข้าจับกุมโดยด่วน!”
“ ปลดอาวุธของเธอหรอครับ?”
ที่บริเวณข้างหน้าสนามพลัง เครื่องสแกนพบตําแหน่งของนักโทษสาวแล้ว
“…”
บรรดาหน่วยรักษาความปลอดภัยเห็นหญิงสาวใช้มือจับหน้าอกตัวเองและใช้หน้าอกนั่นทุบเข้าใส่สนามพลัง บรรดาหน่วยรักษาความปลอดภัยต่างมองภาพนั้นอย่างไม่ละสายตา
………………….
วันเสาร์ที่ 4 มิถุนายน
เมื่อหวังลิ่งตื่นขึ้นมาและเปิดทีวีดูในตอนเช้า เขาพบว่าทุกช่องกําลังออกข่าวเดียวกัน เมื่อเวลาประมาณหกโมงเย็นเมื่อวานนี้ นักโทษคดีฉกรรจ์รายหนึ่งทําลายสนามพลังและหลบหนีออกมาจากคุกสูงสุดเมืองซึ่งไม่ได้
หวังลิ่งรู้สึกประหลาดใจ นักโทษที่หนีออกมานั้นคือพี่สาวที่ถูกเขาจับตอนอยู่โรงเรียนอันดับที่59 จากผลการสืบสวน ทางตํารวจยืนยันว่าผู้หญิงคนนี้เป็นน้องสาวของบอสใหญ่องค์กรนักฆ่าเงาสายธาร และเพราะเหตุนั้นเธอจึงถูกส่งตัวไปขังที่คุกสูงสุดเมืองซึ่งได้โดยปราศจากการไต่สวน
หวังลิ่งลองคํานวณระยะเวลา มันก็เป็นเวลากว่าสามอาทิตย์แล้วที่นักฆ่าสาวคนนั้นถูกจับ
“ไอ้หยา มีผู้คุมตั้งมากมายในคุกนั่นพวกเขาก็ยังสู้ผู้หญิงคนเดียวไม่ได้งั้นเรอะ” คุณปู่ของหวังลิ่งเดินมานั่งลงข้างหน้าทีวีพร้อมกับโจ๊กผักก่อนที่จะปิดทีวีลง
“หึม…พ่อปิดทีวีทําไม?” พ่อของหวังลิ่งกําลังดูข่าวเพลินๆเพราะว่าหน้าอกของผู้หญิงคนนั้นใหญ่มาก…แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องนั้น เขาต้องการจะรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นใช้วิธีใดแหกคุกออกมาต่างหาก
ชายแก่ส่ายหน้า “แม้ไม่ต้องดูจนจบ ฉันก็เดาได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อ โดยปกติแล้วถ้าหากมีอะไรบางที่สําคัญเกิดขึ้น พวกคนใหญ่คนโตจะต้องพูดแก้ตัวไม่ยอมรับผิด ถ้าหากแกไม่เชื่อเดียวฉันจะเปิดให้ดู…”
ชายแก่เปิดทีวีขึ้นอีกครั้ง ด้วยความบังเอิญข่าวกําลังถึงตอนที่สัมภาษณ์ผู้คุมคนหนึ่งอยู่
ท่ามกลางผู้คนและแสงแฟลช ชายวัยกลางคนคาดว่าน่าจะเป็นผู้รับผิดชอบกําลังพูดอยู่ “พวกเราต้องขออภัยที่ทําให้ทุกคนไม่สบายใจ! สถานการณ์มันไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่ทุกคนคิด พวกเราได้ออกหมายจับและดักทางหนีของนักโทษไว้หมดแล้ว พวกเราจะพยายามอย่างสุดความสามารถในการจับกุมนักโทษคนนั้นกลับมาลงโทษ”
นักข่าวสาวผู้สวมแว่นตากรอบดําคนหนึ่งถามขึ้น “ผู้คุมเหลียง ช่วยอธิบายหน่อยได้ไหมคะว่านักโทษคนนั้นหลบหนีไปได้อย่างไร?”
“อันที่จริงแล้ว มันเกิดจากความประมาทของผู้คุมคนใหม่ของเรา พวกเขายังไม่รู้ถึงความสําคัญของหน้าที่นี้ดีพอ ในระหว่างการตรวจสอบร่างกายของนักโทษ พวกเขาตรวจสอบไม่ละเอียดพอ…”
พอพูดมาถึงตรงนี้ ผู้คุมเหลียงก็ก้มหน้าลงเพื่อสารภาพผิด “ใช่แล้วครับเรื่องทั้งหมดเป็นเพราะเด็กฝึกงานคนนั้น!”
ทั้งหวังลิ่งและพ่อของเขาต่างไม่อยากจะเชื่อในคําตอบของผู้คุมคนนั้น “…”