ตอนที่ 177 พบเบาะแส
การล่มสลายขององค์กรเงาสายธารนั้นมีผลต่อคนจำนวนไม่น้อย
ณ ตึกใหญ่ใจกลางเมือง
หลังจากการตายของอายูและอาจูที่ต้องนอนเป็นผัก มันทำให้นายหญิงของปราสาทจำเป็นต้องอาศัยอยู่ในห้องทำงานของเธอตลอดสัปดาห์ ปราสาทตระกูลโม่เผชิญปัญหามากมายนับไม่ถ้วนในช่วงนี้ จนเธอไม่สามารถที่จะจัดการไหว และในตอนเช้าของวันนี้มีข้อความจากสำนักงานใหญ่ส่งมาถึงห้องทำงานของเธอ
เพนท์เฮ้าส์(Penthouse)ของนายหญิงนั้นเป็นเสมือนทั้งบ้านและห้องทำงานของเธอ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบทุกสิ่งอย่าง เมื่อตอนเช้าของวันนี้ เธอตื่นขึ้นมาจากการฝึกสมาธิควบคุมลมหายใจของเธอ มันทำให้เธอสดชื่นขึ้นมาก สมองที่ทำงานหนักจนเหนื่อยล้าเมื่อวานได้ถูกซ่อมแซมจนกลับมาสมบูรณ์ภายในคืนเดียว
สำหรับผู้ฝึกตนการนั่งขัดสมาธิควบคุมลมหายใจเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ยิ่งกว่าการนอนหลับอย่างคนธรรมดาทั่วไป
เมื่อเธอเปิดประตูห้องนอนออกไป เอกสารที่กองอยู่บนโต๊ะทำงานของเธอ กองซ้อนกันจนกลายเป็นภูเขาลูกย่อมๆ ส่วนมากจะเป็นข้อมูลผลกระทบจากการที่องค์กรเงาสายธารถูกถล่มเพราะว่าหลายปีมานี้ทางปราสาทตระกูลโม่ก็ได้มีการทำธุรกิจกับองค์กรนักฆ่าแห่งนี้อยู่ แต่มันก็ไม่ได้มีความเสียหายอะไรร้ายแรงเพราะแค่ร่วมงานกันธรรมดา
หลังจากอ่านข้อมูลมากมายเหล่านี้ที่พึ่งจะถึงเมื่อเช้า หญิงสาวก็พบข้อมูลอันน่าสนใจตัวหนึ่ง
มันคือข้อมูลของครอบครัวซึ่งอาศัยอยู่ในบ้านหลังหนึ่งแถวเขตชานเมืองที่ถนนหวงตะวันออก
ซึ่งก่อนหน้านี้เธอได้ส่งลูกน้องของเธอไปสองคน แต่สัญญาณชีวิตของทั้งสองคนกลับหายไปทันทีที่เข้าไปยังบ้านหลังนั้น หลังจากวันนั้นเธอจึงได้ให้สายข่าวของเธอค้นหาภูมิหลังของทุกคนภายในบ้านหลังนั้น
เธอเริ่มอ่านรายงานฉบับนั้นอย่างตั้งใจที่ละตัวอักษรตั้งแต่ต้นจนจบเพราะกลัวจะพลาดจุดสำคัญไป
แต่ทว่าเธอเกือบจะคว่ำโต๊ะทำงานเธอทั้งโต๊ะทิ้งทันทีที่อ่านรายงานฉบับนั้นจบ
“มันก็แค่ครอบครัวคนธรรมดาทั่วไป! แม่เป็นแม่บ้าน พ่อก็เป็นแค่นักแต่งนิยายบนเว็บ! ส่วนลูกก็ยังคงเรียนอยู่แค่มัธยมปลายชั้นปีที่หนึ่ง และเป็นแค่เพียงเด็กที่มีระดับแรกเริ่มลมปราณเท่านั้น! คนแก่หนึ่งคนก็เป็นแค่คนแก่ที่ใกล้จะลงโลงอยู่แล้ว
หญิงสาวคิดยังไงก็คิดไม่ออกว่าลูกน้องของเธอตายโดยครอบครัวธรรมดาได้ยังไง หรือพวกเขาไปเจอผีเข้าให้?!
ความคิดแรกของเธอ เธอคิดว่าเธอถูกหลอกโดยหน่วยข่าวกรองของตนเอง
แต่ถึงอย่างนั้นด้วยการที่เป็นผู้นำเธอยังคงก้มหน้าก้มตาอ่านรายงานต่อไป หน่วยข่าวกรองของปราสาทตระกูลโม่นั้นถูกฝึกมาอย่างดี โดยอดีตข้าราชการจากอำเภอเฉาหยางซึ่งพวกเขาจ้างมาด้วยราคาค่อนข้างแพง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาหน่วยข่าวกรองก็ทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม
อ้างอิงตามข้อมูลที่ได้รับมา เดือนมีนาคมที่ผ่านมานักฆ่าจากเงาสายธารจำนวนหนึ่งเปิดฉากลอบสังหารที่โรงเรียนมัธยมอันดับที่60 ส่วนผลลัพธ์สามพี่น้องไร้รักผู้มีชื่อเสียงและลูกน้องของพวกเขาจำนวนหนึ่งเสียชีวิต โดยไม่สามารถทำอันตรายใดแก่นักเรียนโลกเรียนอันดับที่60ได้เลยแม้แต่เพียงปลายเส้นผม
ข้อมูลส่วนที่สองนั้นเกิดขึ้นเมื่อเดือนพฤษภาคม นักเรียนจากห้องเรียนพิเศษของโรงเรียนมัธยมอันดับที่60ได้ถูกส่งตัวไปยังโรงเรียนมัธยมอันดับที่ 59 เพื่อเข้าร่วมงานประลองกระบี่วิญญาณซึ่งในระหว่างงานน้องสาวของหัวหน้ากลุ่มนักฆ่าเงาสายธาร นักฆ่าโบวทองเจียงหลิวหยิงได้แทรกซึมเข้าไปเพื่อทำการลอบสังหาร แต่ผลสุดท้ายดันถูกจับเสียเอง
และข้อมูลส่วนที่สามซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับองค์กรเงาสายธารเมื่อไม่นานมานี้
โดยผิวเผินดูเหมือนว่าทั้งสามเหตุการณ์จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลย
แต่นายหญิงของปราสาทพบจุดเชื่อมโยงเล็กๆบางอย่างระหว่างสามเหตุการณ์!
เธอตระหนักว่าทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล้วนมีความเกี่ยวพันกับเด็กมัธยมปลายชายระดับแรกเริ่มลมปราณซึ่งอาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้น! มันดูเหมือนว่าไม่ว่าเด็กคนนี้จะไปอยู่ที่ไหนเงาสายธารก็มักจะตามไปด้วย! แต่นั่นก็ยังไม่ใช่จุดสำคัญ จุดสำคัญอยู่ตรงที่ไม่ว่าเหตุการณ์ใดเกิดขึ้น เหตุการณ์เหล่านั้นกลับถูกแก้ไขอย่างเรียบร้อยราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น นั่นทำให้เธอรู้สึกว่ามันจะต้องมีเบื้องหลังบางอย่าง
อย่างเหตุการณ์ที่พึ่งจะเกิดขึ้น แม้ว่าผิวเผินหวังลิ่งจะดูไม่มีความข้องเกี่ยว ตามข้อมูลจากหน่วยข่าวกรอง ผู้อำนวยการของสมาคมร้อยโรงเรียนโจวยนั้นมีความสัมพันธ์ซับซ้อนกับครอบครัวนี้
หลังจากที่ได้อ่านข้อมูลทั้งหมดแล้ว หญิงสาวยกมือขึ้นแตะคางอย่างครุ่นคิด
เริ่มแรกครอบครัวนี้ทำการซื้อหน้ากากผีดิบผ่านร้านค้าออนไลน์ เมื่อสองคิงซูได้รับคำสั่งให้ไปนำสิ่งนั้นมา เขาก็ถูกขัดขวางทุกรูปแบบ ถ้าหากมันเป็นครอบครัวธรรมดา คงไม่มีทางที่พวกเขาจะไม่หลงกลไปกับเงินจำนวนมหาศาล
หลังจากขบคิดทุกอย่างรอบครอบแล้ว ในที่สุดเธอก็เข้าใจว่าทำไมปราสาทตระกูลโม่ถึงล้มเหลวในการแย่งชิงหน้ากากผีดิบ
เธอสูดลมหายใจเข้าลึกและถอนหายใจออกมา เธอรู้สึกว่าพวกเธอกำลังเข้าไปไปยุ่มย่ามกับคู่ต่อสู้ที่ไม่ควรต่อกรด้วย…
จากข้อสรุปของหน่วยข่าวกรอง โจวยผู้อำนวยการแห่งสมาคมร้อยโรงเรียน เทพมือระเบิดเจ้าของเว็บบอร์ดผู้ฝึกตน และเจ้าของบ้านหลังนั้นนักเขียนนิยายออนไลน์ชื่อดัง ผู้ซึ่งสามารถขอความช่วยเหลือจากบรรดาผู้ฝึกตนช่วยจับคนร้ายจากคดีลวนลามภรรยาของเขา…บ้านหลังเล็กซึ่งตั้งอยู่ในเขตชานเมืองมีความเกี่ยวข้องกับบรรดาผู้มีชื่อเสียงในโลกผู้ฝึกตนจำนวนมาก
“หวังสิ่งเขาเป็นใครกันแน่?
“เขาเป็นแค่เพียงนักเรียนมัธยมปลายจริงหรือ?
“ถ้าหากเขาเป็นแค่เพียงนักเรียนจริงๆแล้วใครกันที่ค่อยช่วยเหลือเขา?”
นายหญิงของปราสาทไม่กล้าที่จะคิดต่อ ในสถานการณ์เช่นนี้เธอยังคงมีหลักฐานไม่เพียงพอที่จะพิสูจน์เกี่ยวกับครอบครัวนั่น อย่างมากที่สุดเธอทำได้เพียงคาดเดาว่ามีใครบางคนคอยช่วยเหลือพวกเขาอยู่เบื้องหลัง เพราะครั้งแล้วครั้งเล่าที่พวกเธอประมาทครัวครัวนี้และทำให้ภารกิจพังล้มเหลวไม่เป็นท่า
ไม่ว่ามันจะเพราะอะไรก็เถอะ ก่อนที่พวกเธอจะเคลื่อนไหวใดครั้งหน้า พวกเธอจะต้องวิเคราะห์สถานการณ์ให้ถี่ถ้วนเสียก่อน
เธอกุมมือเข้าด้วยกันและเอาคางเท้าลงบนมือนั่น แว่นตากรอบสีทองของเธอสะท้อนแสงวิบวับกับแสงไฟภายในห้อง
ไม่นานหลังจากนั้น เธอก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและโทรหาหัวหน้าแผนกหน่วยข่าวกรอง กงซุนเหลียนเชิง “นี่ใช่เบอร์ของกงซุน เหลียนเข็ง หรือเปล่า?”
เสียงชายแก่ตอบกลับมาจากปลายสาย “ใช่แล้วครับนายหญิง”
“ฉันได้อ่านรายงานเกี่ยวกับบ้านหลังเล็กที่เขตชานเมืองหมดแล้ว ทำการสืบอย่างระมัดระวังต่อไป ไม่ว่าจะเป็นรายได้ การใช้ชีวิตประจำวันของพวกเขา ฉันอยากจะรู้ทุกเรื่อง และส่งคนไปจับตามองเด็กนักเรียนคนนั้นเป็นพิเศษเพื่อฉันด้วย ไปหาว่าเพื่อนและคุณครูอาจารย์ของเขาคือใครคุณมีเวลาแค่เพียงหนึ่งวันในการหาข้อมูลทั้งหมดนำมาให้ฉัน”
“ไม่มีปัญหาครับนายหญิง เด็กนักเรียนคนนั้นชื่ออะไรหรอครับ?”
“เขาชื่อ…”
เดี๋ยวก่อนชื่อของเขาชื่ออะไร?
มันเกิดบ้าอะไรขึ้นชื่อของเขาชื่ออะไรแล้ว?!
หญิงสาวรู้สึกอับอาย เธอลืมข้อมูลที่พึ่งจะอ่านไปเมื่อสักครู่ได้ยังไง?!
ริมฝีปากของเธอกระตุกอย่างหงุดหงิดและก้มลงมองข้อมูลในมืออีกครั้ง….ครู่ต่อมาเธอก็รู้สึกตกใจกับภาพที่เห็น!
เพราะตอนนี้ ข้อมูลทุกอย่างที่ได้รับมานั้นกลายเป็นพิกเซลไปหมด! (pixel เป็นจุดสีซึ่งแสดงบนภาพหน้าจอ ในที่นี้ผู้เขียนหมายถึงข้อมูลถูกทำให้กลายเป็นจุดจนอ่านอะไรไม่ออก)
และในขณะเดียวกันหวังลิ่งซึ่งนั่งไขว่ห้างอยู่ถอนหายใจออกมาหลังจากที่เขาพึ่งจะอัพเกรดวิชาเกราะป้องกันขั้นสูงเสร็จ