ตอนที่ 172 ใครไม่กินขนมบะหมีคนนั้นไม่เป็นมิตรอย่างแน่นอน
ภายในห้องใต้ดินแห่งหนึ่ง เจียงหลิวเย่กุมหน้าอกด้วยความเจ็บปวดปนโกรธแค้น เธอกัดฟันและพยายามปรับให้ร่างกายกลับมาหายใจปกติ ความเจ็บปวดที่กําลังที่มแทงเธออยู่นั้น เกิดจากร่างโคลนปั้นของเธอถูกทําลายแล้วมันส่งความเสียหายกลับมายังร่างต้นของเธอ มันเจ็บมากจนถึงขั้นผิวของเธอกลายเป็นสีน้ำเงินและเธอเผลอกัดริมฝีปากตัวเองจนเลือดออก เธอฝันใช้เครื่องรางทั้งๆที่ยังบาดเจ็บอยู่ “น้องหยิงรีบตอบกลับเร็วเข้า!”
มันเป็นเครื่องชีวิตซึ่งผูกไว้กับดวงวิญญาณของเจียงหลิวหยิง เมื่อมันถูกใช้งานมันจะสามารถบอกเธอได้ว่าน้องสาวของเธออยู่ที่ไหน ก่อนหน้านี้ไม่มีเวลาใช้งานเจ้าเครื่องรางชีวิตนี้เพราะกําลังยุ่งอยู่กับการควบคุมร่างโคลนปั้น
เธอหวังว่าน้องสาวของเธอจะยังคงไม่เดินทางกลับมายังศูนย์บัญชาการใหญ่ ไม่อย่างนั้นเธอคงต้องถูกจับโดยเจ้าแมวพวกนั้นแน่นอน
แต่เครื่องรางกลับลอยบนอากาศเฉยๆเป็นระยะเวลานานและไม่มีการตอบสนองกลับจากมัน เธอถึงขั้นทรุดลงกับพื้นด้วยความหมดหวัง… “มันสายเกินไป!”
หลวงพี่น้ำแมวกลุ่มหนึ่งลงไปสํารวจภายใน แต่หลังจากสํารวจไปได้ระยะนึ่งพวกแมวพบแค่เพียงยาและของวิเศษใช้แล้วทิ้ง ของพวกนี้เป็นของที่ใช้ในการปฏิบัติภารกิจลอบสังหาร ซึ่งมันค่อนข้างจะไร้ประโยชน์ต่อพวกแมว เพราะพวกมันมักเลือกที่จะเผชิญหน้าโดยตรงเสียมากกว่า
นอกเหนือไปจากสิ่งที่พูดไปตอนต้น ก็มีพวกกล่องสมบัติและกล่องใส่เงิน กล่องใบใหญ่ภายในมีธนบัตร 100 หยวนอยู่ข้างในเต็มกล่อง บางกล่องก็มีสมบัติเก่าแก่ ทองเส้น และทองแท่ง หลวงพี่ประเมินมูลค่าคร่าวๆ ได้ไม่ต่ำกว่าหลายสิบล้านหยวน
หวังลิ่งรู้สึกตกใจกับสิ่งที่เขาเห็น เขาคิดว่านี่คงเป็นรสนิยมที่แย่ที่สุดของหัวหน้าสาว ที่ผู้ฝึกตนใช้เงินไปกับของฟุ่มเฟือยหรูหราแบบนี้
ในประเทศจีน เงินหยวนนั้นเป็นเงินตราพื้นฐาน และทุกอย่างสามารถซื้อได้ด้วยเงินหยวน แต่ผู้ฝึกตนใช้เงินแค่เพียงของใช้ประจําวัน โดยทั่วไปแล้วถ้าหากพวกเขาอยากจะซื้อพวกของวิเศษ พวกเขาก็แค่เข้าไปยังร้านค้าและนําเอายาบํารุงหรือของวิเศษชิ้นอื่นมาแลก ไม่งั้นคงลําบากที่จะต้องแบกเงินจํานวนหลายล้านติดตัวไปด้วย
มีเรื่องนึ่งที่เขาเคยพบเจอมาเองกับตัว เมื่อตอนที่พ่อของเขาซื้อกระบี่ชาเนลมาเป็นของขวัญวันเกิดให้กับหวังลิ่ง พ่อของเขายอมกัดฟันจ่ายเงินจํานวนกว่า3ล้านหยวน ผู้ช่วยที่ร้านแห่งนั้นใช้เวลานับเงินทั้งสามชั่วโมงกว่าจะเสร็จ
แต่ท้ายที่สุด กระบี่เล่มนั้นก็ไม่มีโอกาสได้สัมผัสไออุ่นจากมือของเขา
“ท่านนายพล เราเจอแจ็คพอต!” หลวงพี่วิ่งมาด้วยท่าทางตื่นเต้นพร้อมกับสินสงคราม
“เอาพวกมันไปเก็บไว้ให้ดี จากนี้ไป แมวทุกตัวในกองกําลังของเราจะสามารถดื่มนมและกินปลาได้ตราบเท่าที่ต้องการ!” เจิ้งทานเอาอุ้งมือท้าวสะเอวด้วยความภาคภูมิใจ [แมวเอามือท้าวสะเอว..หรอ?.ผู้แปล]
“แต่ท่านนายพล พวกเราพบบางอย่างแปลกประหลาด” หลวงพี่ได้สั่งให้ลูกน้องของมันยกกล่องหินเข้ามา
กล่องหินกล่องนี้ไม่ได้ใหญ่โตอะไรแต่หนักกว่าที่มันควรจะเป็น ต้องใช้แมวระดับแรกเริ่มลมปราณถึงสองตัวในการยก เมื่อพวกมันวางลงบนพื้น ดินบริเวณข้างใต้กล่องหินยุบลงเล็กน้อย
“พวกเราพบมันอยู่ส่วนในห้องข้างในสุด มันดูค่อนข้างเก่าแก่ ท่านนายพลคิดว่าไงบ้างครับ?”
ทั้งหวังลิ่งและเจิ้งทานมองไปยังกล่องหินใบนั้น มันเป็นกล่องทรงสี่เหลี่ยมขอบมน ทั้งสี่ด้านตกแต่งด้วยลวดลายเรียบง่ายราวกับของทํามือ สิ่งที่ทําให้หลวงพี่และแมวตัวอื่นสนใจก็คือ พวกมันได้กลิ่นเลือดออกมาจากกล่องใบนี้
“แน่ชัดเลยว่ากล่องใบนี้ต้องมีความเกี่ยวข้องกับเลือดมาก่อน แต่ฉันก็ไม่รู้ว่ามันเป็นไปได้ยังไง” เจิ้งทานคิ้วขมวดขณะที่มองไปยังกล่องใบนั้น จากนั้นเขาจึงหันไปหาหวังลิ่ง “ท่านราชันย์เหมียวคิดอยังไงบ้างครับ?”
ตาของหวังลิ่งเรื่องแสงเล็กน้อย หลังจากที่เขามองผ่านรู้กล่องเข้าไปข้างใน เขาประหลาดใจที่ข้างในนั้นว่างเปล่า – กล่องใบนี้เป็นเหมือนที่ใส่ของ และดูจากรูปทรงข้างในกล่อง มันน่าจะเป็นกล่องใส่หน้ากาก
ทันใดนั้นเอง หวังลิ่งก็ฉุกคิดถึงหน้ากากผีดิบ
เขารู้สึกว่าลวดลายข้างกล่องหินนั่นก็ดูจะเหมือนกับลวดลายบนหน้ากากผีดิบ
สุดท้ายเขาจึงจําเป็นต้องเอากล่องหินใบนี้ไปด้วย เขาคิดว่ามันอาจจะช่วยเทพมือระเบิดไขคดีหน้ากากผีดิบได้เร็วยิ่งขึ้น
แน่นอนว่าพวกแมวก็ไม่มีปัญหาถ้าหากหวังลิ่งอยากจะนํากล่องหินนี้กลับไปด้วย
“เพราะนั่นคือราชันย์เหมียวยังไงหล่ะ!”
ถ้าหากหวังลิ่งจะเอาสินสงครามไปด้วย พวกเขาก็ไม่มีปัญหาและเต็มใจที่จะให้มันไปทั้งหมด!
แต่ถ้าจะให้พูดตามตรง ไม่ใช่ว่าหวังลิ่งไม่สนใจในเสบียงเหล่านั้น แต่ภายในศูนย์บัญชาการใหญ่ขององค์กรเงาสายธารนั้น ไม่มีขนมบะหมี่เลยสักซองเดียว!
อย่างที่เขาคิดไว้ คนพวกนี้ไม่ชอบกินขนมบะหมี่
คนไหนที่ไม่ชอบกินขนมบะหมีไม่แปลกใจเลยที่คนพวกนี้จะกลายเป็นอาชญากรกันหมด [เออเว่ยคิดงี้จริงดิ…ผู้แปล]
เจิ้งทานและฝูงแมวของมันจัดการกับนักฆ่าเงาสายธารที่ตัวดํานี้เหมือนถ่าน สถานการณ์ตอนนี้หวังลิ่งไม่จําเป็นต้องเป็นห่วงอะไรทั้งสิ้น คนพวกนี้หมดสภาพต่อสู้และไม่น่าจะรู้สึกตัวในเร็วๆนี้
แต่ถึงกระนั้นก่อนที่หวังลิ่งจะจากไป เขาได้ใช้วิชาสร้างประตูมิติขึ้นที่ประตูทางเข้าศูนย์บัญชาการลับ ซึ่งมันเป็นประตูมิติที่เชื่อมต่อไปยังคุกสูงสุดเมืองซ่งไห่
หลังจากที่เจ๋งทานและกองทัพแมวของมันถอนกําลังกลับไปพร้อมกับสินสงคราม ทันทีที่พวกมันลงไปจากยอดเขา สาวสวยหน้าอกใหญ่36Dสวมหมวกเบสบอลรีบเคลื่อนตัวมุ่งหน้าไปยังยอดเขา
เมื่อเธอไปวิ่งไปได้เพียงครึ่งทาง เธอรู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างแปลกไป เธอไม่เห็นคนแม้แต่เพียงคนเดียวระหว่างทาง และเธอรู้สึกว่าที่ศูนย์บัญชาการมันเงียบเกินกว่าที่เคย
“โหมวลีส่งคนมาบอกฉันว่าพี่เป็นห่วงฉันมาก แล้วทําไมถึงไม่มีใครอยู่เลย?” นักฆ่าสาวรู้สึกไม่ดี ยิ่งไปกว่านั้นเธอไม่สามารถติดต่อกับเจียงหลิวเยู่พี่สาวของเธอได้ เมื่อเธอหนีออกมาจากคุก เธอเผลอทําเครื่องรางชีวิตหล่นหาย บางทีมันอาจจะหล่นไปตอนที่เธออยู่ในท่อระบายน้ำ
มีเพียงทางเดียวที่เธอจะรู้ได้ก็คือ เธอต้องขึ้นไปดูข้างบนด้วยตาของเธอเอง บางทีพวกพี่สาวของเธอกําลังประชุมกันอยู่
เมื่อเธอคิดได้ดังนั้นเธอจึงมุ่งหน้าขึ้นสู่ยอดเขาต่อ แต่เมื่อเธอเริ่มเข้าใกล้ยอดเขามากขึ้น เธอก็พบสิ่งที่น่าสงสัยอีกอย่าง – เธอได้กลิ่นดินปืนและควัน!
“พี่!”
เจียงหลิวหยิงกัดฟันด้วยความเครียดและรีบไปยังยอดเขาด้วยการกระโดด เธอรีบหาทางเข้าไปยังศูนย์บัญชาการ เปิดประฝาปิดบ่อน้ำซึ่งเป็นทางเข้าลับและกระโดดลงไป
เธอไม่ได้เอะใจอะไรเลยจนกระทั่งเธอรู้สึกตัวว่าเธอติดกับดักของใครบางคนที่วางเอาไว้
แต่ทว่ามันก็สายเกินไปเสียแล้ว
เธอรู้สึกเหมือนตัวเองถูกส่งผ่านเข้าไปในประตูมิติหลุมดําหรืออะไรสักอย่าง และเมื่อเธอสามารถมองเห็นแสงสว่างอีกครั้งเธอก็พบว่าตัวเธอนั้นมาโผล่ในที่แห่งหนึ่ง
มันเป็นสถานที่ที่มีสนามพลังป้องกันและกําแพงสูงซึ่งดูยังไงก็ไม่สามารถปีนข้ามไปได้
คุกสูงสุดเมืองซ่งไห่ – เธอถูกส่งกลับมาในที่แห่งนี้อีกครั้งงั้นหรือ!!
ณ ตอนนี้เองเจียงหลิวหยิงรู้สึกสิ้นหวังอย่างถึงที่สุด