หลายวันติด ๆ กัน หานซั่วก็อยู่แต่ในคฤหาสน์ของเขาในนครออซเซ็น แฟนนี่และฟีบี้แวะมาหาเขาทันทีที่ได้ยินข่าว และใช้ช่วงเวลาอันหายากนี้อยู่กับหานซั่ว ซึ่งในระหว่างนี้ เมื่อใดก็ตามที่เอมิลี่เสร็จจากงานขององครักษ์ชุดดำ เธอเองก็จะมาที่นี่เช่นกัน และแน่นอนว่าเธอเก็บความลับเรื่องคริสตัลต้นกำเนิดธาตุมืดที่หานซั่วให้กับเธอไว้เป็นอย่างดี
ช่วงเวลาไม่กี่วัน หานซั่วได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสำราญ หญิงคนรักทั้ง 3 คนของเขาต่างเป็นหญิงสาวผู้งดงามที่ผู้ชายธรรมดาทั่วไปต่างเฝ้าฝันหา การที่ไม่ได้เจอพวกเธอมานานถึง 3 ปี พวกเธอย่อมต้องการที่จะใช้เวลากับหานซั่วในทุก ๆ นาทีที่พวกเขามีเวลาอยู่ด้วยกัน โดยเฉพาะฟีบี้และเอมิลี่ ซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับหานซั่วมากเป็นพิเศษ ย่อมติดหานซั่วมากกว่าเดิม
เมื่ออยู่ในอาณาจักรพลังกามอสูร หานซั่วจึงยับยั้งความปราถนาของเขาได้ยากมาก โดยเฉพาะเรื่องกามอารมณ์ ในช่วงหลายวันมานี้ เขาจะขลุกอยู่กับฟีบี้และเอมิลี่ทั้งวัน ในตอนแรก พวกเธอจะผลัดกันร่วมรักกับหานซั่ว แต่พอมาในพักหลัง ๆ หานซั่วก็พบว่ามันยากเกินกว่าจะควบคุมความต้องการทางเพศอันรุนแรงของตนเองได้ เขาจึงกระทำการอุกอาจในแบบที่ไม่สนใจแล้วว่าพวกเธอคนใดคนหนึ่งจะรู้สึกไม่สบายใจหรือไม่…
หลังจากครั้งแรกที่พวกเขาหลับนอนด้วยกัน หญิงสาวทั้ง 2 คนก็ค่อย ๆ ปล่อยวางการฝืนใจของตนเองลง และเริ่มร่วมมือกันปรนนิบัติหานซั่วให้เขารู้สึกพึงพอใจมากขึ้น จากเดิมที่ฟีบี้และเอมิลี่เคยมีความไม่ลงรอยกันอยู่บ้าง กลับกลายเป็นว่า เรื่องนี้ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่เองก็เริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ
หานซั่วซึ่งอยู่ในอาณาจักรพลังกามอสูร ไม่ได้คิดว่าสิ่งที่เขาทำเป็นเรื่องน่ารังเกียจเลยแม้แต่น้อย ความจริงแล้ว เมื่อเขาพบว่ามันช่วยทำให้หญิงสาวทั้ง 2 คนผูกพันกันมากกว่าเดิม เขาจึงร่วมรักกับพวกเธอทั้งคู่พร้อมกัน ๆ บ่อยครั้งยิ่งขึ้น และการทำเช่นนั้น หานซั่วเองก็ยังพบว่ามันทำให้จิตใจของเขาสงบนิ่งมากกว่าปกติ ทุกครั้งที่เขาได้ปลดปล่อยอารมณ์ให้เป็นอิสระ แก่นมนตราของเขาก็จะเพิ่มพูนขึ้นและแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ
** Please note : หากท่านไม่ได้อ่านนิยายเรื่องนี้จากบล็อก https://gdk-th.blogspot.com/ แปลว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับคนที่กำลังสุขสบายกับการหาเงินง่าย ๆ ด้วยการใช้นิ้วคลิกก๊อบผลงานแปลของเพจไปขายอีกต่อหนึ่ง **
แต่สิ่งเดียวที่ทำให้หานซั่วรู้สึกวิตกกังวลก็คือแฟนนี่ บางทีเธออาจจะเขินอายจริง ๆ หรือบางที อาจเป็นเพราะเธอถูกฟีเรนซีสั่งห้ามไว้ เพราะทุกครั้งที่หานซั่วพยายามจะทำลายกำแพงในหัวใจของแฟนนี่เพื่อให้เธอยอม เธอก็มักจะปฏิเสธเขาเสมอ และบอกเขาด้วยใบหน้าแดงระเรื่อว่าฟีเรนซีจะไม่ยอมให้เธอเสียความบริสุทธิ์ก่อนเข้าพิธีแต่งงานอย่างเด็ดขาด
“ตาแก่บ้านั่น! ยุ่งเรื่องคนอื่นชะมัดเลย!”
ใครจะรู้ว่าหานซั่วพูดคำนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีกบ่อยครั้งเพียงใด และกี่ครั้งที่เขาสบถสาปแช่งฟีเรนซีอยู่ในใจ หากหานซั่วได้ศึกษาเกี่ยวกับคำสาปของเวทมนตร์ธาตุมืดมาบ้างล่ะก็ บางที ฟีเรนซีคงจะถูกหานซั่วสาปจนตายไปแล้ว
“ไบรอัน ข้าขอห้ามไม่ให้เจ้าพูดถึงท่านพ่อของข้าแบบนั้นอีกนะ เอ่อ… ยังไงซะ เจ้าก็มีเอมิลี่และฟีบี้อยู่แล้วนี่ พวกเธอ 2 คนยังไม่พอที่จะทำ… ทำให้เจ้า…”
แฟนนี่พึมพำเบา ๆ และหอบหายใจเล็กน้อย หลังจากที่ผลักหานซั่วออกไปแล้ว เสื้อผ้าด้านบนของเธอถูกปลดออกครึ่งหนึ่งจนเผยให้เห็นเนินอก ความรู้สึกที่เต็มไปด้วยเสน่หานั้นทำให้ดวงตาของพร่ามัว แต่เธอก็เขินอายเกินกว่าจะพูดได้จบประโยค
เมื่อแฟนนี่ปฏิเสธเขาในช่วงเวลาที่ความปรารถนาของเขาพุ่งขึ้นถึงขีดสุด หานซั่วจึงได้แต่เกรี้ยวกราดและสบถสาปแช่งฟีเรนซีอย่างเอาเป็นเอาตาย ขณะที่อาวุธที่ตั้งชันของหานซั่วพร้อมจะปฏิบัติการได้ทุกชั่วขณะ ใบหน้าของเขาแดงก่ำ และหอบหายใจอย่างหนักราวกับสัตว์ป่าในฤดูผสมพันธุ์ เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหยิบกางเกงขึ้นมาและตัดสินใจว่าจะไปหาเอมิลี่และฟีบี้ในทันทีเพื่อให้พวกเธอตอบสนองความต้องการของเขา
ในตอนนั้นเอง แก่นมนตราของหานซั่วก็เริ่มมีปฏิกิริยาอย่างบ้าคลั่ง ทำให้หานซั่วถึงกับหน้าซีดเผือดด้วยความตระหนก เพราะสถานการณ์แบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมานานมากแล้ว เมื่อมันเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน จึงทำให้หานซั่วเต็มไปด้วยความสับสน ยิ่งเขาข่มความปรารถนาอันแรงกล้าที่มีต่อแฟนนี่ไว้มากเพียงใด แก่นมนตราก็ยิ่งแตกพล่านมากขึ้นเท่านั้น แม้แต่ตัวอ่อนปีศาจเองก็รู้สึกทรมานเช่นเดียวกัน
ชิบหายแล้ว! หานซั่วสบถอยู่ในใจเมื่อเขารู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น
ในอาณาจักรพลังกามอสูร เมื่อหานซั่วได้ปลดปล่อยความปราถนาในหัวใจของเขาแล้วเท่านั้น เขาจึงจะมีพัฒนาการมากขึ้นในอาณาจักรพลังนี้ เช่นเดียวกับแก่นมนตราที่จะทวีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น แต่ในทางตรงกันข้าม หากหานซั่วพยายามยับยั้งชั่งใจกับความหื่นกระหายในหัวใจของตน เขาก็จะไม่พัฒนาขึ้น หากแต่จะถดถอยลง โดยเฉพาะในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา หานซั่วก็ได้ยับยั้งชั่งใจกับของแฟนนี่มาหลายครั้ง ก่อนหน้านี้ เขาก็พอสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติไปบ้างเล็กน้อย แต่ในตอนนี้แก่นมนตรา ในร่างกายของเขาเริ่มคุ้มคลั่งขึ้นมา เขาจึงรู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
หานซั่วตระหนักอย่างชัดเจนว่าความปรารถนาที่จะทำลายพรหมจรรย์ของแฟนนี่นั้นรุนแรงมากเพียงใด และยิ่งแฟนนี่ปฏิเสธ ความปราถนาที่จะครอบครองเรือนร่างของเธอก็จะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อหลายครั้งหลายคราที่หานซั่วเกือบจะทำสำเร็จแม้ว่าแฟนนี่จะพยายามควบคุมตนเองและดิ้นรนมากแค่ไหน ความปราถนาในหัวใจเขาก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นอีกเป็นทวีคูณ
เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า หานซั่วจึงต้องรู้สึกทรมานกับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในที่สุด เมื่อเขารู้สึกราวกับว่าตนเองค่อย ๆ สูญเสียการควบคุมแก่นมนตราที่อยู่ในร่างกายไปทีละน้อย
ยิ่งหานซั่วพยายามจะยอมแพ้และจากไป ก็มีแต่ร่างกายของเขาจะย่ำแย่ลง สำหรับคนอย่างหานซั่วซึ่งมีข้อจำกัดที่แตกต่างจากคนอื่น เป็นเรื่องยากมากสำหรับคนธรรมดาที่จะทำร้ายเขาได้ ด้วยพลังลึกลับที่แข็งแกร่งราวเทพแล้ว ก็มีเพียงหานซั่วเท่านั้นที่จะสามารถทำร้ายตัวเขาเองได้
เมื่อรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในร่างกาย และการต่อสู้ดิ้นรนอย่างรุนแรงภายในใจของหานซั่ว ใบหน้าของเขาก็แดงก่ำขึ้นมาจนมีเส้นเลือดปูดขึ้นที่หน้าผาก เมื่อความคุกรุ่นนั้นใกล้จะระเบิดออกมาได้ทุกขณะ เขาจึงลังเลที่จะบ่ายเบี่ยงหลักของการฝึกฝน ยอมให้เกิดความเสียหายกับร่างกายของตนเอง หรือจะเลือกจัดการแฟนนี่เพื่อทำให้จิตใจของเขาสงบลง
“ไบรอัน? ไบรอัน! เจ้าเป็นอะไรไปน่ะ?”
แฟนนี่สังเกตได้ทันทีว่าอาการของหานซั่วไม่สู้ดีนัก เธอไม่สนใจหน้าอกของตนเองที่เผยออกมาให้เห็นแล้วครึ่งหนึ่ง เธอรีบพุ่งตัวเข้าไปหาหานซั่วและเอาเอื้อมมือขึ้นมาแตะหน้าผากที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อของเขา เห็นได้ชัดว่าเธอสับสนจนทำตัวไม่ถูก
บ้าเอ้ย! แฟนนี่เป็นผู้หญิงของข้า ไม่ช้าก็เร็ว ยังไงข้าก็ต้องจัดการเธออยู่ดี ฟีเรนซีจะเข้ามายุ่งวุ่นวายเรื่องของข้าได้ยังไง! หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หานซั่วก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงและดึงแฟนนี่เข้ามากอดทันที ขณะที่แฟนนี่เองก็กำลังสับสนและไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร หานซั่วก็กระซิบที่ข้างหูของเธอ และเล่าถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้
เมื่อหานซั่วอธิบายเสร็จ แฟนนี่เริ่มหายใจอย่างรัวเร็วราวกับหอบเหนื่อย เธอถามขึ้น
“ไบรอัน? เจ้าพูดจริง ๆ หรอ? เจ้าไม่ได้ล้อเล่นใช่มั้ย? เราต้องทำแบบนั้น… เจ้าถึงจะหายจากอาการทรมานนี้เหรอ?”
“ข้าไม่ได้พูดเล่นเลยจริง ๆ มันเป็นเรื่องประหลาดของศาสตร์ต่อสู้ที่ข้าฝึกอยู่น่ะ”
หานซั่วอธิบายพร้อมกับรอยยิ้มขมขื่น และยังคงหอบหายใจอย่างหนัก
ความรู้สึกเสน่หาค่อย ๆ เอ่อล้นขึ้นมาในดวงตาอันสดใสของเธอ แฟนนี่ไม่แสดงถึงท่าทีต่อต้านอีกแล้ว เธอเริ่มเปลื้องผ้าออกต่อหน้าหานซั่วทีละชิ้น เรือนร่างโค้งเว้าที่เปลือยเปล่าของเธอดูราวกับหยกชั้นเลิศ เปล่งประกายไปด้วยเสน่ห์อันน่าหลงใหลจนทำให้วิญญาณของผู้ที่ได้ยลต้องตกอยู่ภายใต้มนต์สะกด หานซั่วจ้องมองแฟนนี่ที่อยู่เบื้องหน้าราวกับตกอยู่ในภวังค์
“ไบรอัน จ… เจ้าจะมัวรออะไรอยู่ล่ะ?”
มุมปากของแฟนนี่เผยให้เห็นรอยยิ้มจาง ๆ ซึ่งในสายตาของหานซั่วแล้ว ช่างเป็นรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ และมิอาจต้านทานได้เลย
โดยไร้ซึ่งความลังเลใจ หานซั่วก็เริ่มเคลื่อนไหว พร้อมกันกับที่ร่างกายเปลือยเปล่าราวกับนางฟ้าของแฟนนี่ก็โผเข้าหาแผ่นอกกว้างของเขา และตอนนั้นเอง แก่นมนตราในร่างกายของเขาไม่คุ้มคลั่งอีกต่อไป ขณะที่ตัวอ่อนปีศาจเองก็เริ่มสงบลงเช่นกัน
สีหน้าท่าทางของแฟนนี่ขณะกำลังเขินอายนั้นช่างน่ารักจนแทบเรียกได้ว่าคุ้มค่าที่จะตายเมื่อได้เห็น ทันใดนั้น เธอก็โอบกอดแขนของเธอรอบแผ่นหลังของหานซั่ว และร้องออกมาด้วยความประหม่า
“ไบรอัน… เบา ๆ นะ ข้ากลัวเจ็บ…”
“ไม่ต้องกลัว เจ้าจะไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดสักนิดเดียว!”
หานซั่วปลอบเธออย่างอ่อนโยน ก่อนที่เขาอุ้มเธอไปยังเตียงใหญ่ที่แสนนุ่มสบาย
** Please note : หากท่านไม่ได้อ่านนิยายเรื่องนี้จากบล็อก https://gdk-th.blogspot.com/ แปลว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับคนที่กำลังสุขสบายกับการหาเงินง่าย ๆ ด้วยการใช้นิ้วคลิกก๊อบผลงานแปลของเพจไปขายอีกต่อหนึ่ง **
หลังจากนั้นไม่นานนาก เสียงครางอันแสนยั่วยวนซึ่งทำให้ชายใดก็ตามที่ได้ยินต้องคุ้มคลั่ง ผสานกับเสียงหอบหายใจราวกับสัตว์ป่าของหานซั่วก็เริ่มก้องสะท้อนไปทั่วทั้งห้องราวกับบทเพลงแห่งธรรมชาติที่ไพเราะจับจิต
“โถ แม่ตัวดี สุดท้ายก็ยอมแพ้จนได้!”
ในอีกห้องหนึ่ง ฟีบี้ที่กำลังฝึกดาบของเธอก็หยุดชะงัก และพึมพำออกมาหลังจากที่แอบฟังมาพักหนึ่ง
“ฮิ ๆ ๆ ข้ารู้อยู่แล้วว่าเธอหนีไม่รอดเงื้อมมือของตาบ้าจอมหื่นนั่นหรอก!”
เอมิลี่พูดพร้อมรอยยิ้มขณะเดินเข้ามาในห้องฝึกซ้อมของฟีบี้ เธอเพิ่งกลับมาจากทำงานขององครักษ์ชุดดำ
“ก็นั่นน่ะสิ ข้าล่ะรู้สึกหงุดหงิดกับการเล่นตัวของเธอมาตลอดเลย เชอะ! ช่างบริสุทธิ์ผุดผ่องเสียเหลือเกิน อย่างกับแอบว่าพวกเราทางอ้อม ว่าพวกเรา… พวกเราเป็นผู้หญิงใจง่ายอย่างนั้นแหละ!”
ดูเหมือนฟีบี้จะพูดเหตุผลที่เธอรู้สึกไม่พอใจออกมาไม่ถูก
“ฮะ ๆ ๆ น้องฟีบี้ อย่าโง่ไปหน่อยเลยน่า มีแต่เจ้าเท่านั้นแหละที่หมกมุ่นในเรื่องนี้ ช่วยอย่ามาลากข้าไปลงเรือลำเดียวกับเจ้าเลยนะ?”
เอมิลี่โยกตัวไปมา และกระพริบตาแหย่ฟีบี้
“พูดมาได้ ไม่ดูตัวเองเลยนะ!”
แก้มแดงก่ำของฟีบี้แดงราวกับถูกป้ายด้วยสีย้อม เธอรู้สึกอับอายจนพุ่งเข้าใส่เอมิลี่ ก่อนจะวางดาบลงและจั๊กจี้เอมิลี่เสียยกใหญ่
“อย่างกับท่านไม่หื่นอย่างนั้นแหละ? ใครกันนะที่ชอบใช้ปาก แถมยังดูจะมีความสุขมากซะด้วย!”
“ยัยเด็กบ้า ข้าจะฉีกปากเจ้า!”
จากเดิมที่เอมิลี่เอาแต่ยิ้มเยาะอย่างพออกพอใจ ในตอนนี้เธอกลับเขินอายจนแทบจะมุดดินหนี แล้วหญิงสาวที่มีใบหน้าแดงระเรื่อทั้ง 2 คนก็หยอกล้อกันไปมา แต่ก็เป็นเพียงการกระเซ้าเหย้าแหย่เท่านั้น เพราะพวกเธอไม่ได้ใช้กำลังกันจริง ๆ
“อ๊า….”
ทันใดนั้น ทั้ง 2 ได้ยินเสียงครางดังลั่นของแฟนนี่
มือที่กำลังสู้กันอยู่ของหญิงสาวทั้ง 2 คนต่างแข็งทื่อขึ้นมาทันที ทั้งคู่รู้ดีว่าเสียงครางนั้นหมายความว่าแฟนนี่ถูกเผด็จศึกอย่างสมบูรณ์แล้ว ทั้งสองดูเหมือนจะนึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้ และเริ่มหน้าแดงขึ้นมาทันที พวกเธอต่างรู้สึกถึงอุณหภูมิในร่างกายของแต่ละฝ่ายที่เร่าร้อนขึ้นมาอย่างไม่ต้องสงสัย
เอมิลี่เลียริมฝีปากแดงเรื่อของเธอ และพูดขึ้น
“พนันได้เลยว่าไบรอันต้องยังไม่สาแก่ใจหรอก พวกเราไปหาเขากันดีมั้ย แล้วก็รวบแฟนนี่มาด้วยกันซะเลย?”
“เฮ้! เมื่อกี้ใครกันเป็นคนบอกว่าตัวเองไม่หื่น แต่ชอบมีความคิดแผลง ๆ แบบนี้ออกมาอยู่เรื่อยเลย!”
ฟีบี้บ่นเบา ๆ แต่ก็พูดต่อด้วยเสียงที่เบายิ่งกว่าเดิม
“…ก็ดีเหมือนกัน ข้าอยากจะไปดูสภาพแฟนนี่ตอนนี้แล้วสิ!”
“งั้นก็ไปหาเขากันเถอะ”
เอมิลี่ลากฟีบี้เข้าไปในห้องของหานซั่ว
“หึหึหึ มาได้เวลาพอดีเลย!”
หานซั่วหัวเราะอย่างอารมณ์ดีเมื่อเห็นทั้ง 2 คนมาหาเขา
ไม่นานนัก ห้องนั้นก็เต็มไปด้วยความสุขสำราญไร้ที่สิ้นสุด และเสียงครวญครางที่ทำให้หัวใจสั่นไหวก็ดังลั่นขึ้นอีกครั้ง
*****************************************